จากกรณี นายธนวัฒน์ หรือ โบ้ อายุ 34 ปี ได้ก่อเหตุทำร้ายแฟนสาว คือ นางสาวเพ็ชรรัตน์ หรือ แพรว อายุ 32 ปี จนเสียชีวิตภายในห้องนอนของบ้าน ก่อนที่นายโบ้จะอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของแฟนสาวขึ้นรถกระบะขับไปส่งโรงพยาบาล และได้โทรศัพท์ไปหาน้องของคนตายแกล้งทำว่าคนตายเกิดอาการชักเกร็งด้วยโรคประจำตัว จากนั้นนายโบ้ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลไป เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวเดินทางไปยังวัดพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ครอบครัวจะทำพิธีฌาปนกิจศพของน้องแพรว บอกลาเป็นครั้งสุดท้าย มีบรรดาเพื่อน คนรู้จัก เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก

 

โดยก่อนจะเริ่มพิธีฌาปนกิจศพ น้องของผู้เสียชีวิตและเพื่อน ได้มานั่งรวมกันบริเวณหน้าโลงศพ พร้อมกับร้องเพลง “สุดที่รัก“ และ “รักเธอทั้งหมดของหัวใจ” เพื่อเป็นการส่งลาน้องแพรวเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

 

จากนั้นทุกคนได้นำดอกไม้จันทน์วางหน้าโลงศพ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดโลงให้กับทุกคนดูหน้าของน้องแพรวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ญาติจะช่วยกันยกโลงศพไปยังเมรุเพื่อเผา บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

 

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับลูกพีช น้องของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นคนนำเรื่องของพี่สาวไปขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด บอกทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อวานนี้ที่นายโบ้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจและได้ก้มกราบเท้าขอขมาผู้เป็นแม่ของตนเองให้ยกโทษให้ ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เห็นภาพจากข่าวแล้วมองว่า นายโบ้ไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตนเองจะไม่ขออโหสิกรรมให้กับนายโบ้ และอยากให้นายโบ้ได้รับกรรมอย่างสาสมที่ได้ทำกับพี่สาวสุดที่รักของตนเองได้

 

ยิ่งตนเองมาทราบจากข่าวว่า ที่ผ่านมานายโบ้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้หญิงซึ่งเป็นอดีตแฟนสาวและภรรยานายโบ้อีกหลายคน ตนเองยิ่งรับไม่ได้ถึงพฤติกรรมและหากตนเองรู้ตั้งแต่แรกคงไม่ให้พี่สาวเข้าไปยุ่งกับนายโบ้แน่นอน

 

ตนเองเสียใจมากที่ครอบครัวตนเองไว้วางใจนายโบ้ให้ดูแลพี่สาว ซึ่งนายโบ้เคยรับปากกับตนเองและแม่ว่าจะขอดูแลพี่สาวเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายนายโบ้กลับเป็นคนที่ลงมือฆ่าพี่สาวอย่างโหดเหี้ยม

 

และตนเองมองว่า พี่สาวจะไม่ถูกนายโบ้ฆ่าจนเสียชีวิตเลยหากตำรวจทำงานเร็วกว่านี้ เพราะภรรยาคนเก่าของนายโบ้เคยแจ้งความดำเนินคดีกับนายโบ้ที่ทำร้ายร่างกายตั้งแต่ 18 มิถุนายน ปี 66 แต่ตำรวจกลับเพิกเฉยไม่ติดตามตัวนายโบ้มาดำเนินคดี ทั้งที่เวลาผ่านไปถึง 6 เดือนกว่า

 

ตนเองขอให้ดวงวิญญาณพี่สาวไปสู่สุขคติ อย่าให้พี่สาวโกรธแค้นหรืออาฆาตมัน เพราะตนเองรู้สึกว่าพี่สาวยังอยู่กับตนเองตลอดเวลา ทุกคืนหลังจากพี่สาวเสียชีวิตตนเองและแม่จะรู้สึกตลอดว่าพี่สาวยังไม่ไปไหน และได้ยินเสียงร้องสะอื้นข้างหูอยู่ตลอด ซึ่งหากดวงวิญญาณของพี่แพรวฟังอยู่ อยากให้พี่แพรวไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ส่วนน้องคนนี้จะรับหน้าที่ดูแลคุณแม่ เป็นเสาหลักให้ครอบครัวแทนพี่เอง ขอให้พี่แพรวไปสบายไม่ต้องห่วงอะไร

 

เพจดังโพสคลิปโบ้ตักบาตรทำบุญให้เมีย

โดยผู้ใช้ X Red skull โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความระบุว่า

“เพื่อนมึงซ้อมผู้หญิงจนตาย เสือกทำโพสหล่อๆใส่บาตรให้คนตาย รักไรซ้อมเค้าจนตาย กูงงกับตรรกะสู้ๆของเพื่อนมัน สู้ไรล่ะ”

นอกจากนี้ยังโพสต์ภาพข้อความที่นายโบ้โพสต์แล้วมีคนรู้จักเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมากด้วย

 

วันที่ 4 ม.ค.67 พนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง ได้ควบคุมตัวนายธนวัฒน์ หรือ โบ้ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกาย นางสาวเพ็ชรรัตน์ หรือ แพรว อายุ 32 ปี แฟนสาวจนเสียชีวิต ไปขออำนาจศาลจังหวัดนนทบุรีฝากขัง โดยระหว่างนำตัวนายโบ้ออกจากห้องขังเพื่อนำขึ้นรถควบคุมนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายโบ้ถึงกรณีที่มีภรรยาอีกคนซึ่งจดทะเบียนสมรสกันออกมาเปิดเผยว่าถูบังคับให้จดทะเบียนสมรสและถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก รวมทั้งถูกล่ามโซ่ตลอดเวลาที่อยู่กับนายโบ้ด้วย โดยอดีตภรรยารายนี้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายโบ้ไว้ที่ สน. ประชาชื่น แต่นายโบ้ไม่ตอบคำถามใดๆกับผู้สื่อข่าวแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

 

พ.ต.ท.ณรงค์ ซิ้มสวัสดิ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางศรีเมือง เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ว่าจะขออายัดตัวนายโบ้ไปดำเนินคดีต่ออีกคดี จึงต้องคัดค้านการประกันตัวไปตามขั้นตอน

 

ที่ กระทรวงยุติธรรม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในฐานะที่ปรึกษารมว.มหาดไทย พาผู้เสียหาย 2 ราย คือ น.ส.อภิญญา อายุ 39 ปี และ น.ส.ชุติมา อายุ 32 ปี โดยทั้ง 2 คนเป็นอดีตแฟนและอดีตภรรยาของนายธนวัฒน์ หรือนายโบ้ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายแฟนสาว "น้องแพรว" สาวพีอาร์ อายุ 32 ปี จนถึงแก่ชีวิตในพื้นที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เดินทางมาเข้ายื่นเรื่องรับการคุ้มครองพยานจากกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเกรงว่าหากนายโบ้ ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลอาจจะถูกนายโบ้หวนกลับมาทำร้ายจนถึงแก่ความตายเหมือนกับน้องแพรว

 

นายเอกภพ กล่าวว่า น.ส.อภิญญา อายุ 39 ปี เป็นแฟนเก่า รายแรกที่ถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2565 และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแต่คดีไม่คืบหน้า รายนี้ถูกทำร้ายหนัก ถูกบีบคอจนสลบ

 

ด้านนางสาวอภิญญา เล่าว่า คบหากับนายโบ้ เมื่อเดือน ม.ค.65 ระหว่างที่คบหากัน นายโบ้ มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงอย่างเดียว หากทำอะไรไม่ถูกใจก็จะถูกใช้ความรุนแรง บางครั้งคล้ายเป็นโรคจิต มักตบ ตี ต่อย ทั้งยังบีบคอตนจนสลบ และถึงแม้ว่าสลบไปแล้วก็ยังถูกตบหน้าให้ฟื้นขึ้นมาอีก ซึ่งพฤติกรรมความรุนแรงของนายโบ้ เป็นตั้งแต่ช่วงคบหากันแรกๆ โดยตนกับนายโบ้คบหากันมา 8 เดือน แม้พยายามเลิกแต่เจ้าตัวยังคงตามง้อและตามราวี ยิ่งถ้าหากพบว่าตนมีการแชตข้อความคุยกับใคร ก็จะเอาโทรศัพท์ไปพิมพ์ตอบข้อความแทน

 

ส่วนเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดคือเมื่อเดือนสิงหาคม 65 นายโบ้บีบคอตนจนสลบ และตบหน้าตนให้ฟื้น สาเหตุเพียงเพราะว่าตนไม่ยินยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย จึงถูกทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ นายโบ้เคยพยายามบุกไปยังบ้านพักของแม่และน้องสาวตน รวมถึงจะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวของตนด้วย มีการพยายามพังประตูและใช้มีดแทงเข้าไปภายในห้อง แต่แม่ตนหลบทันจึงไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนเคยไปแจ้งความแค่ในส่วนที่ครอบครัวเกือบถูกทำร้ายร่างกาย แต่ในส่วนที่ตัวเองโดนกระทำ ตนไม่ได้แจ้งความเพราะว่าถูกนายโบ้ข่มขู่ หากแจ้งความก็จะถูกทำร้ายร่างกายอีก ส่วนสาเหตุที่ทำให้หนีพ้นออกมาได้เพราะว่าตนไปหลบซ่อนอยู่ที่บ้านแฟนเก่า นายโบ้จึงไม่ตามมาราวี

 

น.ส.อภิญญา กล่าวอีกว่า นายโบ้เป็นบุคคลเหมือนมีอารมณ์สองขั้ว เวลาดีก็ดีสุดจะตามใจตนทุกอย่าง แต่ถ้าอารมณ์ร้ายก็เอาไม่อยู่ ยอมรับว่าตลอดเวลาการคบหากันนาน 8 เดือนค่อนข้างทุกข์ทรมานมาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ในวันนี้ตนต้องลุกขึ้นมาเพราะเราเห็นว่าเขาไปฆ่าคนตาย คาดว่าผู้ตายน่าจะโดนพฤติกรรมเช่นเดียวกับที่ตนเคยโดน และเคยคิดว่าเขามีอาการทางจิต เคยสอบถามว่าทำไมไม่ไปรักษาแต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโรคจิต และไม่ได้เสพยาเสพติด ดังนั้น ตนจึงกังวลว่าหากนายโบ้ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อาจกลับมาทำร้ายร่างกายได้ จึงขอให้ทางกระทรวงยุติธรรมช่วยคุ้มครองความปลอดภัย

 

ส่วนผู้เสียหายอีกคน คือนางสาวชุติมา อายุ 34 ปี คนนี้เป็นอดีตภรรยาที่ยังจดทะเบียนสมรสกับนายโบ้  ซึ่งเมื่อวานนี้เธอก็ออกมาแฉว่า ถูกนายโบ้จับล่ามโซ่จับขังห้อง-กล้อนผม-ทำร้ายร่วมปี ทนไม่ไหวยอมแก้ผ้าหนีออกจากบ้าน

 

วันนี้เธอบอกว่า การสอบปากคำจากเจ้าที่ตำรวจล่าสุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ตนเพียงกังวลความปลอดภัยหลังจากนี้และมีอาการนอนไม่หลับ กลัวว่านายโบ้จะกลับมาทำร้ายซ้ำ หากเขาได้รับการประกันตัวชั่วคราวในชั้นศาล สำหรับพฤติกรรมที่ผ่านมาระหว่างคบหากันตนเคยโดนเขากล้อนผม มีการโทรศัพท์ตามราวีหากจะเลิกรา และยังมีการบุกไปตามหาตนที่จังหวัดลพบุรีด้วย อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่านายโบ้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงรู้สึกดีขึ้น แต่สิ่งที่ตนอยากได้คือการเป็นอิสระ อยากหย่า เพราะใบทะเบียนสมรสยังคงอยู่กับตัว และไม่อยากอยู่ท่ามกลางความหวาดระแวงอีกต่อไป ส่วนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ที่ตนเคยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายโบ้เคยกล่าวกับตนว่า การแจ้งความไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ถ้าคดีไม่ดังก็ทำอะไรไม่ได้

 

แม่น้องแพรว ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด ไม่ขออโหสิกรรมให้ “ไอ้โบ้” ชี้กราบเท้าแต่ไม่เคยสำนึก

 

เช่นเดียวกัน นางเข็มพร อายุ 52 ปี แม่ของน้องแพรวผู้เสียชีวิต ที่บอกว่า เมื่อวานนี้ที่นายโบ้มากราบเท้าขอขมา มีคำพูดหนึ่งของโบ้ที่บอกว่า “ผมขอขมาแม่ก็แล้วกัน” ซึ่งตนเองบอกว่าคำพูดนี้แสดงถึงความไม่จริงใจ และไม่สำนึก ตนเองจึงไม่ขอให้อภัยโบ้เด็ดขาด และขอให้ผลกรรมที่โบ้ทำกับลูกสาว ตามสนองโบ้ถึงที่สุด

 

และตนเองไม่เชื่อว่าพ่อกับแม่ของนายโบ้จะไม่รู้ว่าลูกชายก่อเหตุทำร้ายลูกสาวภายในบ้าน พ่อกับแม่นายโบ้อ้างเพียงแต่ว่า ”ไม่รู้ไม่รู้ ไม่ได้อยู่บ้าน“ ซึ่งตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ควรเป็นพ่อแม่จะไม่รู้นิสัยของลูกชาย และลูกชายทำลูกสาวภายในห้องนอน เพราะอยู่บ้านเดียวกัน ถึงจะอ้างว่าออกไปขายของ แต่เวลากลับเข้ามาก็ต้องเห็นบ้าง ห้องนอนก็อยู่ใกล้กัน มีเหรอที่จะไม่ได้ยินเสียง

 

วันนี้ตนเองเดินทางมาส่งลูกสาวขึ้นสวรรค์ อยากให้ลูกสาวไปสู่สุคติ และชาติหน้ามีจริงอยากให้ลูกสาวกลับมาเกิดเป็นลูกของแม่เหมือนเดิม ลูกสาวเป็นคนทำงานเก่ง เป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน ตนเองดีใจและภูมิใจมากที่น้องแพรวเกิดมาเป็นลูกสาวของแม่

 

ยืนยันตนเองจะสู้คดีต่อให้ลูกสาว และขอให้โบ้ได้รับโทษสูงสุด และอยากฝากเจ้าหน้าที่ อย่าให้ประกันตัวโบ้ออกมาเด็ดขาด คนแบบนี้ไม่มีสามัญสำนึก และกลัวว่าหากออกมาแล้วมันจะออกมาทำร้ายผู้หญิงคนอื่น หรือตามมาแก้แค้นครอบครัวตนเองอีกก็เป็นได้

 

พ่อแม่ “ไอ้โบ้” เครียดหนัก ลั่น ลูกชายถูกฝ่ายหญิงหลายคนปอกลอก - แฉเมียเก่าโบ้พูดไม่หมด

 

ล่าสุดทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายโบ้อีกครั้ง โดยเราพบว่าแม่ของนายโบ้ เครียดหนักและไม่ขอสัมภาษณ์อะไรกับนักข่าวอีกแล้ว ทีมข่าวจึงเดินทางไปที่ร้านขายของชำของบ้านนายโบ้ ซึ่งอยู่ติดถนนใหญ่ใกล้บ้าน เราได้พบกับ นายแอ๊ด (นามสมมุติ) พ่อของนายโบ้ โดยเจ้าตัวนั้น บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อวานนี้ที่ ภรรยาเก่าของนายโบ้ออกมาแฉพฤติกรรมของลูกชาย ว่า ลูกชายไปบังคับขอให้จดทะเบียนสมรส ตนเองอยากจะบอกว่า ฝ่ายหญิงพูดโกหก และเป็นฝ่ายหญิงเองที่ต้องการจะจับชายเป็นสามี เพราะฝ่ายหญิงมีอาชีพเป็นเพียงแค่คนขายไส้กรอก และเป็นฝ่ายหญิงเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากอยากจดทะเบียนสมรสกับลูกชาย เพราะหวังอยากได้ธุรกิจร้านของของชำครอบครัวตนเอง

  

ตนเองไม่เคยสนับสนุนให้ลูกชายทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ตนเองไม่รู้จริงๆว่า ลูกชายจะทำร้ายแฟนตัวเองแต่ละคนในบ้าน เพราะตนเองทำแต่งานไม่เคยสนใจ ซึ่งหากลูกชายทำผิด ตนเองก็ไม่ปกป้องอยู่แล้ว แต่อย่ามาโทษว่า ตัวเองเกี่ยวข้อง เพราะตนเองไม่เคยไปสนใจชีวิตของลูกชายเลย

ไอ้โบ้งามไส้! เมียแฉแก้ผ้าหนี ซาดิสม์ตบสลบปลุกมาปล้ำ พ่อฟาด "อีนี่เกาะลูก"