จากกรณีเมื่อ วันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายยิงนายวรวุฒิ อายุ 33 ปี หรือฉายา "ทิว รถถัง วังไทร" ซึ่งเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ นอนเสียชีวิตคว่ำหน้าคร่อมรถ จยย. รุ่นวิบาก บนถนนสายบ้านสังกะสี-บ้านคีรีวง ม.12 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 เข้าศีรษะ 2 นัดตายคาที่ ค้นในตัวพบอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่มยาว 50 ซม. และสนับมือ 1 อัน



โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ ทิว วังไทร กำลังยืนมีปากเสียงโต้เถียงชายคนหนึ่ง ซึ่งงเป็นคู่อริเก่าที่ทะเลาะกันมานานแล้ว ก่อนอีกฝ่ายจะใช้อาวุธปืน .38 ยิงใส่ศีรษะ 2 นัดเสียชีวิต จากนั้นขี่รถ จยย. หลบหนีไป ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสาเหตุโกรธแค้นส่วนตัวกันมานาน ในเรื่องบางเรื่องระหว่างผู้ตายกับคนยิง

สำหรับประวัติ ทิว วังไทร ผู้ตาย มีอาชีพทำสวนผลไม้ และเคยถูกจับกุมในข้อหาพยายามฆ่ายิงคู่อริคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ลานสกา มาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ประกันตัวออกมาจนมาถูกคู่อริเก่าตามยิงล้างแค้นดังกล่าว



ซึ่งหลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.ประภาส ศรีสังจร ผกก. สภ.ลานสกา พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน สามารถไปจับกุมมือปืนได้บนภูเขาพื้นที่หมู่ 7 ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา ก็คือ นายนายสมรักษ์ อายุ 21 ปี หรือ เซียน กำโลน พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

ล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.ลานสกา โดยบรรยากาศที่โรงพักเช้าวันนี้ ตำรวจได้นำตัวเซียน กำโลน ผู้ต้องหาออกมาสอบปากคำ และมีการเชิญตัวพ่อและแม่ของ เซียน กำโลน มาร่วมสอบปากคำด้วย พร้อมกับทนายความ ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จ ขณะที่ตำรวจนำตัวไปเข้าห้องขัง เซียน กำโลน เดินก้มหน้าไม่พูดอะไรกับทีมข่าว

ต่อมานางวันดี แม่ของผู้ต้องหายืนอยู่ที่หน้าโรงพัก จู่ ๆ นางสุนทรี ซึ่งเป็นแม่ของผู้ตาย ก็ได้มาเจอหน้ากันที่โรงพัก ซึ่งบรรยากาศเมื่อทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากแม่ของผู้ตายไปเห็นหลักฐานจากภาพวงจรปิด ว่าตอนเกิดเหตุที่นายเซียน ผู้ต้องหา ไปก่อเหตุทั้งหมด 4 คน ซึ่งในภาพมีพ่อและแม่ของนายเซียน และผู้ชายอีก 1 คน

ซึ่งด้วยความโกรธแค้น นางสุนทรี แม่ของผู้ตายจึงชี้หน้าถามกับนางวันดี แม่ของผู้ต้องหาต่อหน้านักข่าวว่า "นี่นะแม่และพ่อของผู้ต้องหาอยู่กับลูกตอนเกิดเหตุด้วย" ในภาพเห็นว่าลงมาจากรถ และยังบอกกับนางวันดี อีกว่า "อีดีมึงไม่น่าทำแบบนั้นเลย" จากนั้นนางวันดี ก็เดือดขึ้นมา

โดยพยายามจะเดินเข้าไปหานางสุนทรี แม่ของผู้ตาย โดยอ้างว่า "ก็กูโทรศัพท์ไปหามึงแต่มึงไม่ยอมออกมาหา" ซึ่งเหตุการณ์ไม่ได้บานปลาย เนื่องจากมีทางญาติมาห้ามนางวันดี แม่ของผู้ต้องหาเอาไว้



จากนั้นนางสุนทรี แม่ของผู้ตาย ก็เดินเข้าไปหาร้อยเวรในห้องสอบสวน โดยขอให้ตำรวจเรียกพ่อแม่ของนายเซียนมาสอบปากคำด้วย เพราะเห็นว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์

โดยนางสุนทรี แม่ของผู้ตาย ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ที่ต้องมาโรงพักเป็นเพราะว่าไปเห็นภาพวงจรปิดว่าตอนเกิดเหตุ นายเซียนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุคนเดียว ซึ่งในภาพที่เห็นมีทั้งหมด 4 คน ที่สำคัญมีพ่อและแม่ของนายเซียนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงอยากมาเรียกร้องให้ตำรวจสอบปากคำใหม่ทั้งหมด ซึ่งที่นายเซียน อ้างว่าป้องกันตัว ทำไมถึงต้องยิงถึง 5 นัด วันนี้ที่มาโรงพักเพราะอยากเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.พัชราภรณ์ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกับสามี กระทั่งประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ก่อนที่สามีจะออกไปถูกยิง สามีพูดคำสุดท้ายแค่ว่า จะขึ้นไปช่วยพ่อทำสวนบนภูเขา ซึ่งมีดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นมีดที่พกติดตัวไปทำสวนเป็นประจำอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นเรื่องที่ทะเลาะกับนายเซียน ผู้ต้องหา ยืนยันว่าก่อนจะเกิดเหตุ สามีไม่เคยไปหาเรื่องนายเซียน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของรุ่นน้องที่ทะเลาะกันแล้วเอาชื่อสามีไปอ้าง ซึ่งที่ผู้ต้องหากับพ่อแม่ของเขาอ้างว่า สามีไปหาเรื่องโดยการไปยิงปืนขู่คืนก่อนจะเกิดเหตุ ก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากสามีถูกตำรวจยึดปืนไปนานแล้ว ถ้าฝั่งผู้ต้องหามีหลักฐานก็เอามาเปิดให้ดูเพื่อยืนยันว่าสามี ไปยิงปืนขู่จริง

ที่สำคัญทำไมตอนเกิดเหตุผู้ต้องหาถึงอ้างว่า กำลังจะถูกสามีฟัน จึงป้องกันตัว ทั้ง ๆ ที่ตอนสามีถูกยิงตาย ตอนญาติไปถึงที่เกิดเหตุ มีดบังเหน็บอยู่ที่ท้ายรถแต่พอตำรวจไปถึงไม่รู้ใครเอามีดออกจากท้ายรถมาวางตรงข้างศพของสามี

เรื่องที่เกิดขึ้นคนตายพูดไม่ได้ และส่วนตัวก็ไม่เชื่อคำพูดของผู้ต้องหาที่อ้างว่าป้องกันตัว เพราะถ้าป้องกันตัวทำไมถึงต้องยิงที่หัว และตอนก่อเหตุนายเซียนก็ไม่ได้อยู่คนเดียว จึงอยากจะขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้เด็ดขาด ไม่ใช่ซุกหลักฐานเอาไว้ให้นายเซียนรับผิดคนเดียว ทั้ง ๆที่ภาพกล้องวงจรปิด เห็นฝ่ายผู้ต้องหามาด้วยกันทั้งหมด 4 คน



ส่วนบรรยากาศที่วัดวังไทร ตำบลกําโลน อําเภอลานสกา เมื่อเวลา 13.05 น. ทันทีที่กู้ภัยนำศพของ ทิว วังไทร มาถึงวัด ทางพ่อของทิว ผู้ตาย ได้มีการเอามือไปจับที่ร่างไร้วิญญาณของลูก และได้บอกกับลูกก่อนจะศพลงจากรถว่า "ถึงวัดแล้วนะลูก ไม่ต้องห่วง ลูกเมียเดี๋ยวพ่อจะเป็นคนดูแลให้ ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง มาถึงวัดแล้วนะพ่อเอาไว้ที่วัด เรื่องคดีแม่กำลังไปที่ศาล ญาติพี่น้องทุกคนรออยู่"

จากนั้นกู้ภัยและเพื่อน ๆ ของผู้ตายจึงได้มีการยกศพลงจากรถไปวางที่โต๊ะภายในศาลาวัด ซึ่งบรรยากาศทันทีที่เปิดศพออกมา เมื่อทางทางญาติ ๆ เห็นหน้านายทิว ก็พากันร้องไห้กันระงม เนื่องจากศพของนายทิวนอนตายตาไม่หลับ ซึ่งวันนี้ก่อนจะมีการรดน้ำศพ ทางน้องชายได้มีการนำรองเท้าคู่ใจของนายทิว มาสวมใส่ให้กับศพพี่ชาย ส่วนภรรยาของนายทิวได้มีการนำนาฬิกา ซึ่งเป็นของติดตัวนายทิวมาใส่ให้ที่ข้อมือและยังนำแว่นกับหมวกที่นายทิวชอบใส่ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ไปใส่ให้กับศพของนายทิว ส่วนพ่อของนายทิวก่อนจะเริ่มพิธีรดน้ำศพ พ่อได้เดินไปปิดตาให้ลูก โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เมื่อแต่วตัวให้ศพเสร็จแล้ว ก็มีการจุดธูปคนละดอก เพื่อให้พระสงฆ์ได้นำสวดพิธีขออโหสิกรรมให้กับดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว กระทั่งมีการรดน้ำศพ ซึ่งคนแรกที่ไปรดน้ำศพคือพ่อของนายทิว ต่อมาก็จะเป็นผู้เฒ่าผู้แกแล้วก็ญาติ ๆ รวมถึงเพื่อนของนายทิว ที่มาร่วมแสดงความอาลัยกับการจากไปในครั้งนี้



ด้านพ่อและแม่ของนายเซียน ผู้ต้องหา หลังตำรวจสอบปากคำเสร็จ ขณะที่พ่อและแม่ของนายเซียนเดินออกมาจากโรงพัก ทีมข่าวก็พยายามถามกับพ่อและแม่ของนายเซียน ว่าสรุปตอนเกิดเหตุอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ แต่นายสุพร พ่อของผู้ต้องหา โบกมือให้กับนักข่าวแล้วก็บอกว่าไม่ ไม่รู้อะไรเลย จากนั้นก็เดินตามแม่ไปขึ้นรถ ซึ่งเมื่อวานนี้นางวันดี ยังให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอยู่เลยว่า ตอนเกิดเหตุใช้ให้ลูกขับรถไปซื้อข้าวสาร

จนกระทั่งประมาณ 12.00 น. ก็มีเพื่อนรุ่นพี่ของนายเซียน กำโลน ได้เข้ามารอเยี่ยมผู้ต้องหาที่โรงพัก ซึ่งทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับรุ่นพี่ของนายเซียน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายเบิ้ม (นามสมมติ) รุ่นพี่ของผู้ต้องหา บอกกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้ตาย ที่ผ่านมายืนยันว่านายทิว ผู้ตายพยายามจะมาหาเรื่องนายเซียนอยู่ตลอด ซึ่งก่อนเกิดเหตุยอมรับว่าเซียนก็โทรศัพท์มาบอกว่า นายทิวเข้ามายิงปืนขู่ที่หน้าบ้าน แล้วก็ท้าให้นายเซียนออกไปหา แต่เซียนไม่กล้าออกไปกระทั่งไปเจอกันหน้าวัดก็เลยเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ยืนยันก่อนหน้านี้ ฝั่งของตนเองพยายามเคลียร์กับกลุ่มของนายทิวแล้ว แต่พวกของนายทิว ไม่ยอมมาเคลียร์ และตัวนายทิวก็พยายามจะเอาเรื่องโดยไม่ยอมจบปัญหาเรื่องที่รุ่นน้องทะเลาะกัน