จากกรณี นางฝั้น อายุ 66 ปี ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสื่อ หลังจาก น.ส.อุไรวัน อายุ 45 ปี หรือ นีน่า ลูกสาวคนโตที่หน้าตาดี หายไปเดือนกว่าไม่ติดต่อกลับมาบ้านจนผิดสังเกตุ ติดต่อทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้ แม้กระทั่งปีใหม่ก็ไม่กลับมาหาแม่และลูกชาย ทั้งที่ลูกสาวคนนี้จะห่วงลูกชายลูกครึ่งที่มีลูกกับชาวต่างชาติอย่างมาก อยากจะขอให้เป็นสื่อกลางหาลูกสาวให้ที หลังพบกระเป๋าสตางค์ของลูกสาวที่บ้านผู้ชายเหลือเงินแค่ 1 บาท เชื่อว่าลูกสาวอาจจะโดนฆาตกรรมสะกดวิญญาณแล้วนั้น
ล่าสุด แม่ของนีน่า เชิญ "อดีตปู่เดือนชัย ธัมมวิจโย" เกจิทางภาคอีสาน ที่เคยโด่งดังในดังคดีน้องชมพู่ มาประทับทรงตรวจดูชะตาชีวิตลูกสาว อดีตปู่เดือนชัย มาพร้อมรูปปั้นกุมาร "บุญฤทธิ์ สร้างสุระ" ประทับทรงตัวสั่น ทำนาย "นีน่า ตายเเล้ว ศพอยู่ที่กอไผ่ ห่างจากบ้านพักประมาณ 300-500 เมตร"
ล่าสุดวันนี้ (5 ม.ค. 2567) ตำรวจสืบสวน สภ.ดงเย็น ลงพื้นที่สอบสวน บอกว่า กรณีที่ปู่เดือนชัย บอกว่ามีศพที่กอไผ่นั้น ทางตำรวจขอไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี ตอนนี้อยู่ระหว่างเรียกผู้เกี่ยวข้อง ทั้งพยานแวดล้อม ญาติพี่น้อง และ 2 ชายต้องสงสัยที่เป็นคนใกล้ตัวนีน่า เพื่อมาสอบปากคำอีกครั้ง
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางถึงบ้านของนางฝั้น แม่ของนีน่าที่หายตัวไป ได้มีการสอบถามปู่เดือนชัย สร้างสุระ ในช่วงตอนทำพิธีให้กับทีมข่าวฟังว่า ช่วงตอนทำพิธีแม่ของคนที่หายได้จัดขันห้า คือ มีเทียนห้าเล่มธูปห้าดอก และดอกไม้ เงินอีก 100 บาท มายกขันธ์ถวายให้กับตน ซึ่งจากนั้นตนก็ได้รับมาและมีการเข้าทรง โดยในช่วงที่รับขันธ์ห้าและวางลง เทียนและดอกไม้ก็หันหัวกลับด้านกันอยู่ในพาน และเมื่อวางลงเทียนได้หล่นลงมาที่พื้นสองเล่ม ก็เปรียบเสมือนว่า ผู้หญิงคนนี้หายตัวไปอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มีอายุและผู้ค้าชายคนหนึ่งที่วัยกลางคน แต่หมอทำที่เข้าทรงตนได้บอกว่า ผู้หญิงคนนี้นอนขาชี้ฟ้าอยู่ โดยมีก้อนหินทับใบล้อมรอบและอยู่ใกล้กอไผ่
โดยหลังจากนั้นหมอทำที่เข้าทรงตน ก็ได้พูดคำว่า “ตาย ตาย ตาย” จากนั้นตนก็ล้มหงายหลังลงไป ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบความหมายที่ชัดเจนว่าคืออะไร แต่ในคำที่หมอทำพูดนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้ที่หายตัวไปนั้นจะเสียชีวิต แต่อาจจะพูดในลักษณะว่าอาจจะเป็นสิ่งไม่ดีกับผู้ที่หายตัวไปเพียงเท่านั้น
จากกรณีดังกล่าว ในวันนี้ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางฝั้น ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนได้ไปอยู่กับ โกเม็ก ที่สวนยางพาราท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตนประมาณ 1 กิโลเมตร โดยการที่ลูกสาวของตนไปอาศัยอยู่นั้นตนก็ไม่ทราบความสัมพันธ์เช่นกัน ว่าอยู่ในลักษณะใด แต่ลูกสาวของตนเคยยืนยันกับตนว่าอยู่ในลักษณะพี่น้อง ซึ่งทั้งสองคนมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด แล้วมักจะเสพอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ซึ่งลูกสาวของตนคนนี้มีลูกชายเป็นลูกครึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เค้าเคยมีสามีเป็นชาวต่างชาติและได้ทิ้งลูกให้ตนเลี้ยง แต่มักจะเทียวเข้ามาหาลูกอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขารักลูกชายของเขาคนนี้มาก
แต่ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เขาได้เข้ามาที่บ้านของตน และบัตรประชาชนมาให้ เพื่อนำไว้กดเงินประชารัฐ เพื่อเอาไว้ซื้อรองเท้าให้ลูกชายของเขา โดยหลังจากนั้นได้หายตัวไปและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ซึ่งโทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนถึงตอนนี้เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนแล้ว
จากนั้นตนจึงได้ให้หลานของตนไปตามหาที่บ้านของ นายโกเม็ก ก็ไม่พบลูกสาวของตน และได้ทราบจากนายโกเม็กว่าลูกสาวของตนได้ออกจากบ้าน ไปได้เกือบสองเดือนแล้ว โดยไปคบหากับ เสี่ยชุนซึ่งบ้านอยู่แถวในตัวอำเภอบ้านดุง แต่เมื่อหลานสาวของตนขึ้นไปตรวจสอบบริเวณบ้านที่ลูกสาวของตนเคยอยู่ ก็เพราะว่าข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ครบปกติ โดยไม่ได้นำอะไรไปเลย
จากนั้นหลานสาวจึงได้นำข้าวของเครื่องใช้ของลูกสาวของตนกลับมาที่บ้านเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเสื้อกั๊กอยู่ตัวหนึ่งซึ่งพับเป็นลักษณะเหมือนหมอนและเย็บปิด เมื่อหลานสาวของตนจับขึ้นมาก็พบว่ามันมีน้ำหนักแปลกๆ จึงได้แกะดูพบว่ามีกระเป๋าสตางค์ ซึ่งในกระเป๋ามีเหรียญบาทอยู่ 1 เหรียญ และมีรูปอดีตสามีของลูกสาวของตนอยู่ ตนจึงคิดว่าลูกสาวของตนน่าจะถูกฆาตกรรม เราไม่เช่นนั้นต้องมีการติดต่อกลับมาบ้าง และข้าวของของเขาไม่น่าจะอยู่ในลักษณะแบบนี้
ซึ่งในตอนนี้ตนคิดว่าลูกสาวน่าจะเสียชีวิตแล้วและถ้าให้คาดหวังว่าลูกสาวยังจะมีชีวิตอยู่ก็คงคาดหวังแค่ 20% เพียงเท่านั้น จึงอยากวอนให้สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันติดตามตัว เพื่อที่จะจะได้ทราบว่าลูกสาวของตนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และถ้าไม่มีชีวิตก็อยากจะขอให้พบศพเพื่อจะได้นำกลับมาบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป
โดยหลังจากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับ นายทวี อายุ 40 ปี หรือ โกเม็ก โดยได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.นีน่า ได้มาอยู่กับจริง แต่อยู่ในลักษณะเหมือนญาติกัน เพราะ น.ส.นีน่า มีศักดิ์เป็นป้าของตน แต่ก่อนก่อนหน้านี้ประมาณเกือบสองเดือน น.ส.นีน่า ได้ออกจากบ้านของตนไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไร และออกช่วงกลางกลางคืน โดยมาทราบภายหลังว่าได้ไปคบหากับ เสี่ยหนูชุน และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
โดยในช่วงที่ น.ส.นีน่า อยู่กับตนได้มีการทะเลาะกันบ่อยครั้งแต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือมีแต่เพียงปากเสียงกันเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็เพราะว่า น.ส.นีน่า มักจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของตนมากเกินไป ตนจึงไม่พอใจ
โดยในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ. ดงเย็น เข้ามาพบกับตนและได้แจ้งว่า ในตอนนี้ได้พบแล้วว่า น.ส.นีน่า อยู่กับเสี่ยหนูชุน และในช่วงเมื่อวานได้ไปรับจ้างคีบอ้อยกับเสี่ยหนูชุน ที่บริเวณแถวบ้านดงดารา และในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างไปรับตัวเพื่อนำมามอบให้กับญาติ
โดยหลังจากที่ทีมข่าวทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ น.ส.นีน่า แล้วยังมีชีวิตอยู่และยังปลอดภัยดี ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.ดงเย็น จากนั้นจึงได้พบกับ พ.ต.ท.จำลอง ทับสีแก้ว รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ. ดงเย็น โดยได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในตอนนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ไปติดตามตัว น.ส.นีน่า โดยทราบว่าในตอนนี้ได้ไปอยู่กับ นายหนูชุน หรือ เสี่ยหนูชุน จึงลงพื้นที่ทั้งที่ไร่อ้อยที่เขาไปทำงานกับเสี่ยหนูชุน และบ้านของเสี่ยหนูชุน แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่พบตัวทั้งสองคน ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจึงได้พากันหลบหนี เพราะทั้งสองคนมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
แต่จากคำบอกเล่าของพยานจึงเชื่อได้ว่า น.ส.นีน่า ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี แต่ที่ไม่ติดติดต่อกับทางญาติเลยก็เพราะว่า โทรศัพท์มือถือของ น.ส.นีน่า ได้ชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ จึงไม่ได้ติดต่อกับทางญาติ