ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งเหตุเด็กชายวัย 2 ขวบ ถูกฆ่าพันด้วยผ้าห่มใส่ถุงผ้ายัดไว้ในตู้เย็น เหตุเกิดเหตุบริเวณบ้านหลังหนึ่ง ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี



ล่าสุดทีมข่าวยังได้รับอนุญาตจากคุณปู่เจ้าของบ้าน ให้เข้าไปดูภายในห้องนอนที่เกิดเหตุ และเข้าไปสำรวจตู้เย็นที่ซุกซ่อนศพ ซึ่งจากการสำรวจของทีมข่าวพบว่า ห้องที่เกิดเหตุอยู่บริเวณท้ายสุดของบ้าน บริเวณชั้นหนึ่ง

ภายในตู้เย็นที่ร่างเด็กซุกซ่อน ทีมข่าวพบว่า ผู้ก่อเหตุได้ถอดชั้นวางของภายในตู้เย็นทิ้งจนหมดเพื่อขยายขนาดในการซุกซ่อนศพได้มากขึ้น ส่วนบริเวณช่องแช่แข็ง พบว่าผู้ก่อเหตุได้ซื้อน้ำแข็ง 1 ถุงใหญ่ แช่ไว้ภายในช่องแช่แข็งเพื่อสร้างอุณหภูมิให้เย็นขึ้น และให้เย็นเร็วที่สุดเพื่อทำให้ศพไม่เน่า รวมไปถึงปรับอุณหภูมิตู้เย็นให้อยู่ในระดับเย็นสุด

ทีมข่าวสังเกตพบด้านบนของตู้เย็น มีผ้ายันต์สีแดงลงอาคม คาดว่านำมาสะกดวิญญาณของเด็ก นอกจากนี้บริเวณผนังห้องยังพบสร้อยพระ ผ้ายันต์ เศษจีวรพระ บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแขวนไว้ที่ผนังห้องอีกด้วย ส่วนบริเวณผนังห้องฝั่งตรงข้ามตู้เย็น ทีมข่าวพบคราบคล้ายเลือดสาดกระเด็นทั่วผนังห้อง ซึ่งบริเวณนี้จากการสอบถามปู่ของผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า เป็นบริเวณหัวนอนที่ผู้ก่อเหตุใช้หลับนอนกับเด็ก นอกจากนี้ยังพบหนังสือสวดมนต์จำนวน 2 เล่ม วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือบนหัวนอนด้วย



ส่วนบริเวณประตูหลังบ้าน ทีมข่าวยังพบกระจกแปดเหลี่ยม ซึ่งกระจกแปดเหลี่ยมดังกล่าวถูกติดไว้บริเวณประตูหลังบ้าน ซึ่งตรงกับประตูหน้าห้องและประตูหน้าบ้านที่เกิดเหตุด้วย โดยตามหลักฮวงจุ้ยและความเชื่อ กระจกแปดเหลี่ยม สามารถกันและกลับสิ่งชั่วร้ายที่เข้ามาในบ้านให้กลายเป็นดีได้

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้เข้าไปพูดคุยคุณลุงอู๊ด (ตาบอด) อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นปู่ของนายแบงค์ผู้ก่อเหตุ เผยว่า ไม่คิดว่าจะฆ่าเด็กได้เพราะก่อนเกิดเหตุพบว่า นายแบงค์เป็นพ่อที่ค่อนข้างรักลูกสาวมาก โดยนายแบงค์มีลูกสาวแท้ ๆ 1 คน กับภรรยาเก่า และเจ้าตัวมักจะโพสต์บอกรักกับลูกสาวอยู่ตลอด

โพสต์แรก 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าตัวโพสต์รูปอยู่กับลูกสาว กำลังถักเปียให้ลูกสาว ระบุโพสต์ว่า “ดวงใจของป๊า” โพสต์ที่ 2 เมื่อ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ “คิดถึงลูกจัง” และโพสต์ล่าสุด 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายแบงค์ได้แชร์โพสต์ลูกสาว พร้อมระบุแคปชั่นว่า “ดวงใจของป๊ากับแม่”

โดยลุงอู๊ดได้พาทีมข่าวเข้าไปดูภายในห้องนอนที่เกิดเหตุ พร้อมให้ข้อมูลว่า น้องนาย วัย 2 ปีที่เสียชีวิต เป็นเด็กน่ารักมักจะเล่นกับลุงเสมอเวลาที่อยู่ในบ้าน น้องนายก็จะมักมากอดและเล่นด้วยเป็นประจำ และลุงก็จะสอนกินข้าวเหนียวปั้นเป็นคำเล็ก ๆ อยู่เป็นประจำ



น้องนายเป็นเด็กที่น่ารักเชื่อฟัง และไม่เคยเกเร แต่มักจะถูกนายแบงค์และนางสาวก้อยทุบตีเป็นประจำ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดทำไมจะต้องทุบตีเด็ก ซึ่งถึงแม้ตัวเองจะตาบอด แต่ได้ยินเสียงน้องนายร้องอยู่บ่อยครั้ง แต่ตนเองทำอะไรไม่ได้ พยายามห้ามแล้ว ก็มักจะถูกนายแบงค์ ต่อว่า “อย่ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของมึง”

ส่วนที่ตนเองและภรรยาจะมารู้ว่าน้องนายเป็นศพ ย้อนไป 2-3 วันที่ผ่านมา ตนเองไม่ได้ยินเสียงของน้องนายมาหา และไม่ได้ยินนายแบงค์และนางสาวก้อยตีน้องนาย แต่ประตูห้องของนายแบงค์ถูกล็อกไว้

จนกระทั่งภรรยาของตนเดินมาทำกับข้าวอยู่ใกล้ห้องนั้น และได้กลิ่นคล้ายกลิ่นเหม็นเน่า จึงพยายามตรวจสอบแต่ก็ไม่พบว่ากลิ่นนั้นมาจากที่ไหน กระทั่งวันนี้ภรรยาเปิดประตูห้องของนายแบงค์ก็พบร่างของน้องนายถูกแช่อยู่ในตู้เย็นโดยใส่กระเป๋ายัดไว้

ซึ่งจากการสอบถามนายแบงค์ให้การว่า น้องนายกินข้าวเหนียวแล้วติดคอจึงเสียชีวิต ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงนำมาไว้ในตู้เย็น ซึ่งเรื่องนี้ลุงอู๊ดยืนยันว่าไม่เชื่อแน่นอน และเชื่อว่าเป็นการตีให้ตายแล้วนำมาแช่ตู้เย็นไว้

อยากขอให้ตำรวจนำนายแบงค์ และนางสาวก้อยไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ยืนยันว่า สองคนผัวเมียคู่นี้เป็นผู้ทุบตีทำร้ายเด็กจริง ๆ ตนเองยืนยันเพราะบ้านนี้ไม่ได้มีใคร และตนเองได้ยินเสียงเด็กร้องและเสียงทุบตีดังสนั่นประจำ อีกทั้งเชื่อว่า ก้อยชอบเล่นของ เลยทำให้ผัวรักผัวหลง



ขณะที่ นายบูม (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อน้องนาย ได้เดินทางมายัง สภ.บางบัวทอง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนายแบงค์ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร โดยนายบูมเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้านายแบงค์ได้โทรศัพท์มาหาแฟนของตน และแจ้งว่าน้องนายได้เสียชีวิตแล้ว และอ้างว่าไม่ได้เป็นคนลงมือทำให้น้องนายเสียชีวิต ก่อนที่จะสายหลุดไปและติดต่อกับนายแบงค์ไม่ได้อีก

ที่ผ่านมา นายแบงค์ รับน้องนายไปเลี้ยงดูแลกินดีอยู่ดี และส่งรูปตอนน้องมีความสุขมาให้พ่อแม่ของน้องนายดูตลอด จนกระทั่งทราบข่าวว่าน้องนายนั้นเสียชีวิต ตอนนี้จึงอยากมาถามในแบงค์ให้ชัดเจนว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ทำไมน้องเสียชีวิตแล้วถึงไม่แจ้งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องรับทราบ และยังจับน้องนายเข้าตู้เย็นอำพรางศพอีก

ส่วนเรื่องที่ว่า น้องนายถูกกักขังภายในกรงอยู่ร่วมกับสุนัขจนเห็บขึ้นหัวนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คนก็อยู่ส่วนคน สุนัขก็อยู่ส่วนสุนัข ไม่มีความจำเป็นต้องจับไปอยู่รวมกัน



ด้านนายไชรัตน์ อายุ 59 ปี ลุงของก้อย ภรรยาของนายแบงค์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้นายแบงค์และนางสาวก้อยมาหาตนเอง ซึ่งจากการสังเกตเห็นว่านายแบงค์ มีลักษณะสีหน้าเคร่งเครียดและใบหน้าซีดเซียว ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอตื่นมาตอนเช้าทั้งนายแบงค์และนางสาวก้อยก็ตื่นขึ้นมาใส่บาตร ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน คาดว่าจะกลับมาจากบ้านหลังเกิดเหตุ

โดยที่ผ่านมายอมรับว่า หลานสาวตนเองเป็นคนดื้อแต่ก็มีจิตใจสงสารคน จึงได้ไปรับน้องนายมาเลี้ยง ตนเองก็ถามว่ารับลูกของใครมาเลี้ยง หลานได้ตอบว่าเป็นลูกของเพื่อนที่แม่ติดคุกแล้วพ่อก็ติดยาเสพติดด้วย ซึ่งตนเองก็เห็นเด็กแล้วรู้สึกสงสาร เพราะว่าเหมือนกับเป็นเด็กพัฒนาการช้าพูดได้ไม่มาก เพราะไม่เคยได้รับการฉีดอะไรมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเด็กฉลาดตนเองเห็นก็ยังเอ็นดู

ส่วนผู้ที่ก่อเหตุ ตนเองเชื่อว่าจะเป็นหลานเขยคือ นายแบงค์ เพราะมีอุปนิสัยจิตใจที่ไม่ปกติ ชอบใช้ความรุนแรง แม้กระทั่งเมียตั้งครรภ์ก็ยังทำร้าย แม้กระทั่งปู่และย่าแท้ ๆ ก็ถูกนายแบงค์ทำร้ายเหมือนกัน ซึ่งตนเองคาดว่าน่าจะเป็นจากยาเสพติดที่นายแบงค์เสพอยู่

ทีมข่าวได้สอบถามนายณรงค์ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านหลังเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่กันทั้งหมด 4 คน คือ ปู่กับย่า และผู้ก่อเหตุทั้งสอง ตัวนายแบงค์ผู้ก่อเหตุเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำได้ประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมานายแบงค์มักจะมีอารมณ์รุนแรง บ่อยครั้งที่ตนเองได้ยินเสียงทะเลาะกันภายในบ้าน แต่ตนเองเป็นเพื่อนบ้าน นายแบงค์ผู้ก่อเหตุไม่เคยมายุ่งและดีกับตนเองมาตลอด



ยอมรับว่าตนเองไม่ได้เห็นเด็กที่เสียชีวิตออกมาวิ่งเล่นหลายวันแล้วนับเป็นอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร และก่อนหน้านี้เมื่อ 4 มกราคม ที่ผ่านมา นายแบงค์และเพื่อนยังเดินทางมาขอจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์กับตนเอง เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ติด โดยกล้องวงจรปิดหน้าบ้านของตนเองจับภาพไว้ได้ ซึ่งนายแบงค์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน ซึ่งเป็นปกติของนายแบงค์ ตนเองไม่คิดเลยว่า เหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดเกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านของตนเอง

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดเวลา 07.49 น. เป็นภาพหลังจากสองผัวเมียขี่รถหลบหนีออกจากหมู่บ้าน โดยจะเห็นนายแบงค์มือซ้ายได้ถือโทรศัพท์คุยกับใครบางคนระหว่างทาง ส่วนนางสาวก้อยซ้อนท้าย ถือถุงอะไรบางอย่าง

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังเรือนหนังหน้าครู เพื่อพบกับอาจารย์จิลล์ จักรพงศ์ การสมพร อดีตศิลปิน กูรูกุมารทอง และเครื่องรางของขลัง ในประเด็นที่เมื่อเช้าที่ผ่านมาพบศพเด็กวัย 2 ขวบ ถูกฆ่ายัดตู้เย็น และพบว่าศพนั้นได้มีการห่อและพันด้วยสายสิญจน์ และภายในห้องพบยันต์และของขลังจำนวนหนึ่ง คล้ายกับการสะกดวิญญาณ

โดยอาจารย์จิลล์ ได้เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ประเด็นแรกคือเรื่องของการพันสายสิญจน์ไว้ที่เด็กนั้น เชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อเรื่องของการสะกดวิญญาณ แต่การพันเช่นนี้ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเป็นการพันแบบผิดวิธี แบบถูกวิธีนั้นต้องมีขั้นตอนมากมาย ส่วนมัดแบบไหนถึงจะถูกวิธีไม่ขอสอนดีกว่า และการพันผิด ๆ เช่นนี้อาจจะไปดูตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ แล้วนำมาทำตามเพื่อความสบายใจก็เป็นได้ เนื่องจากกลัวผีเด็กออกมาหลอกหลอนนั่นเอง อีกทั้งหากต้องการสะกดวิญญาณ ก็ต้องทำโดยผู้ที่มีวิชาแก่กล้าจริง ๆ ถึงจะสามารถสะกดวิญญาณได้



ประเด็นที่ 2 คือเรื่องที่มียันต์เสือโคร่งวางอยู่บนตู้เย็น ยันต์ดังกล่าวก็ไม่ใช่ยันต์สะกดวิญญาณแต่อย่างใด ไม่สามารถกันผีได้อย่างแน่นอน เป็นเพียงยันต์เรื่องโภคทรัพย์ เสริมเรื่องโชคลาภและอำนาจเท่านั้น

ประเด็นที่ 3 คือหนังสือสวดมนต์ที่มีรูปของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะคิดว่าบทสวดชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ น่าจะช่วยสะกดวิญญาณได้ หรือหาหนังสือสวดมนต์รอบตัวนำมาไว้ในห้องเพื่อความสบายใจแค่นั้นเอง

ประเด็นที่ 4 ผ้ายันต์อีกผืนและมีพระเครื่องห้อยอยู่ด้วย ซึ่งพระเครื่องน่าจะเป็นหลวงพ่อโต วัดบางพลี มองว่าจังหวะนั้นเห็นเครื่องรางของขลังอะไร ก็เอามาแขวนเอาไว้ในห้องเพื่อสะกดวิญญาณหรือเพื่อความสบายใจของตนเอง แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเกี่ยกับการสะกดวิญญาณ

ประเด็นที่ 5 คือกระจก 8 เหลี่ยม ที่เป็นศาสตร์ของจีน เอาไว้สะท้อนสิ่งไม่ดีตามสามแยกสี่แยกต่าง ๆ ให้ออกไปนอกบ้าน ยิ่งไม่ได้ช่วยอะไรเกี่ยวกับการสะกดวิญญาณเลย อีกทั้งในกระจก 8 เหลี่ยมดังกล่าว มีเสือคาบดาบด้วย โดยในการนำมาไว้ในบ้านแบบนี้ เสือแทนที่จะกัดสิ่งชั่วร้ายนอกบ้าน ก็กลับมากัดคนในบ้านแทนอีกด้วย ไม่มีอะไรดีเลย

สรุปแล้วเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อด้านไสยศาสตร์ แต่ไม่ได้มีความรู้ที่ดีพอทั้งการพันสายสิญจน์ การนำยันต์มาวางไว้ การนำกระจก 8 เหลี่ยมมาไว้ในห้อง ฯลฯ เพราะน่าจะไปดูจากสื่อโซเชียลมาลองผิดลองถูก ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้อง คล้ายกับว่าจะนำมาสะกดวิญญาณ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยทั้งนั้น มั่วไปหมด

เปิดห้องซ่อนร่างในตู้เย็น ตะลึงใช้พระสะกดวิญญาณ อึ้งเลือดข้างฝาปิดเกม 2 ผัวเมีย