เจ้าของวัวใน จ.ขอนแก่น เผยซากลูกวัวที่มีชาวบ้านพบเหลือครึ่งตัว ไม่ใช่ถูกผีปอบกิน เป็นซากเตรียมฝัง
วันที่ 8 ม.ค. 2567 กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ฅน เมืองพล” โพสต์ภาพวัวตายอยู่ในทุ่งนา สภาพเนื้อหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือด้านหน้ายังมีหัว และขาหน้า 2 ข้าง แต่เครื่องในและส่วนท้ายหายไปทั้งหมด พร้อมข้อความระบุว่า "ออกไปดูที่โนนย่าฝ้ายฯ...เจอสภาพนี้!ดูซากแล้ว จากประสบการณ์ไม่ผีปอบก็ต้องเป็นผีกะแน่นอนฯ..ช่วงนี้วัวหายหลายครับ! ผิดปกติระวังกันใว้นะครับ (งานนี้หมอปลาต้องเข้าแล้วครับ)"
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายวิเชียร อายุ 47 ปี ชาวบ้านหนองแล่น ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น คนที่พบซากวัวตาย พาไปยังจุดที่พบซากวัว อยู่ที่โนนย่าฝ้าย ทางด้านทิศใต้บ้านหนองแล่น ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งก็พบซากวัวที่เป็นส่วนของหัวและขาคู่หน้า ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว มีแมลงวันตอม
นายวิเชียร กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมาเก็บมะกอกโนนย่าฝ้าย ทางด้านทิศใต้บ้านหนองแล่น ก็พบซากวัวตาย โดยขาคู่หลังและเครื่องในหายไปหมด เหลือแต่โครงกระดูกกับขาคู่หน้าและหัว จึงคิดว่า น่าจะมีวัวของชาวบ้านถูกปอปหรือผีกะกิน เพราะกินเครื่องในและขาคู่หลัง โดยไม่มีร่องรอยการกัดแทะแต่อย่างใด จึงถ่ายรูปไปโพสต์ในโซเชียล และที่สงสัยว่าปอบหรือผีกะนั้น เพราะเป็นความเชื่อส่วนตัว
ในเวลาต่อมา นางแพงศรี เจริญคุณ กำนันตำบลลอมคอม พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน และนายดำรง อายุ 64 ปี ชาวบ้านหนองแวงใน ต.หนองมะเขือ อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเจ้าของวัวที่ตายตัวดังกล่าวก็อยู่ด้วย ได้เดินทางมายังจุดที่พบซากวัวตาย โดยนายดำรง เจ้าของวัว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ซากวัวน้อยที่พบนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งนำมาทิ้งเพราะแม่วัวตกลูก และลูกวัวตัวนี้ตายค้างอยู่ในท้องแม่วัวเป็นเดือน จนส่งกลิ่นเหม็นเน่า ตนเองจึงดึงลูกวัวออกมา และนำไปทิ้งในป่า เพื่อจะเตรียมขุดหลุมฝังในวันรุ่งขึ้น เพราะช่วงที่ดึงลูกวัวออกมานั้นเป็นตอนกลางคืน และดินแข็งไม่สามารถขุดได้ หากจะก่อไฟแล้วเผาซากก็กลัวจะไหม้ลามที่นาซึ่งมีทั้งของตัวเองและเพื่อนบ้าน พอวันรุ่งขึ้นออกมาดูลูกวัวที่ทิ้ง ตั้งใจจะหาที่ขุดฝัง แต่พบว่ากลายเป็นซากเหลือครึ่งตัว คาดว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้และมีเป็นฝูงมาแทะกัดกิน และลากมาจนถึงจุดที่มีชาวบ้านมาพบ ซึ่งที่ตนเองคิดว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอกนั้น ตอนกลางคืนตนเองนอนเฝ้านาก็จะได้ยินเสียงหอนตลอด และชาวบ้านในพื้นที่เองรวมทั้งตนเองก็เคยเห็น และหากจะทิ้งที่ตัวเองมันก็เหม็นแล้วจึงนำไปทิ้งไกลๆ เพื่อรอฝัง พร้อมทั้งลูกวัวไม่สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้แล้ว ถ้าตายใหม่ๆ รับรองว่าไม่เหลือ ส่วนเรื่องผีปอปและผีกะนั้น เคยได้ยินคำร่ำลือ แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์มากัดกินวัวหรือสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านแต่อย่างใด ส่วนซากวัวที่เหลือนั้นจะขุดดินฝังให้เรียบร้อยจะได้ไม่ฮือฮาต่อไป
ด้านนางแพงศรี เจริญคุณ กำนันตำบลลอมคอม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฮือฮาในพื้นที่เป็นอย่างมากเรื่องที่ในความเชื่อของชาวบ้านว่าปอปและกระสือกินลูกวัว จึงมาตรวจสอบ และพบเจ้าของวัวจนทราบรายละเอียดที่มาของซากวัว จึงแนะนำให้เจ้าของวัวขุดหลุมฝัง เพราะส่งกลิ่นเหม็นและเป็นการทิ้งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป