จากกรณีเมื่อเวลา 10.25 น. ของวันนี้ 9 ม.ค. 2567 ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท รับแจ้งเหตุมีรถกระบะประสบเหตุพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้มีบุคคลติดคาอยู่ภายในรถ ที่เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 288 ขาล่อง พื้นที่ ม.3 ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยที่เกิดเหตุพบรถกระบะสีเขียว ลอยขึ้นไปตกทับรถยนต์ของร้านยางที่จอดอยู่ข้างทาง ในลักษณะล้อชี้ฟ้า ข้างรถมีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย เป็นหญิง ตรวจสอบเอกสารภายในรถ มีบัตรประจำตัวประชาชนใช้ชื่อ นางสาวอารีส แต่ลักษณะศพเป็นสาวตั้งครรภ์ ซึ่งในรถมีสมุดตรวจครรภ์และสมุดบัญชี ปรากฏชื่อคือ นางสาววิษณีย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าผู้ตาย อาจชื่อนางสาววิษณีย์
เบื้องต้นรอญาติยืนยันตัวบุคคล ขณะที่คนขับกระบะ ทราบชื่อ นายสาโรจน์ อายุประมาณ 35-40 ปี เป็นชาว อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยร่วมกตัญญูจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล นั่นในที่เกิดเหตุยังมีกระบะที่ขับแซงกันมา เป็นรถกระบะจอดอยู่มีรอยเฉี่ยวชนที่กันชนหน้าด้านซ้าย ล้อแม็กหน้าซ้ายแตกเสียหาย และมีผู้โดยสารเป็นน้องหมา 2 ตัว อยู่ที่ท้ายกระบะซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยยังอยู่ในอาการตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบชื่อ คือ นายเอกพงษ์ อายุ 33 ปี คนขับรถดีแมกซ์ นั้น
นายเอกพงษ์ ได้ให้ทีมข่าวดูภาพจากโทรศัพท์มือถือช่วงที่เกิดเหตุของรถกระบะคู่กรณีเป็นรถเชฟโรเลตสีเขียวลักษณะแต่งซิ่ง ที่พยายามขวางไม่ให้แซง และปาดหน้าจนเกิดเฉี่ยวชนกัน จากนั้นภาพก็หมุนเคว้งไปกับรถที่เสียหลักหมุนเป็นลูกข่างทั้งคู่ โดยนายเอกพงษ์ เล่าว่า ตนเองขับรถจาก จ.พิษณุโลก เพื่อกลับไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต มากับภรรยาและน้องหมาอีก 2 ตัว ก่อนเกิดเหตุตนขับผ่านแยกมโนรมย์มา
จากนั้นก็มีรถกระบะคู่กรณีวิ่งเทียบข้างลักษณะพยามยามท้าแข่ง แต่ตนไม่สนใจจึงได้ขับมาเรื่อย ๆ ในเลนขวา เพราะเริ่มใช้ความเร็ว โดยยังมีรถสีเขียวคู่กรณีพยายามไล่บี้ไล่แซงมาตลอดทาง ผ่านมาได้ประมาณ 4-5 กม. ถึงที่เกิดเหตุ ตนขับตามหลังอยู่เห็นถนนโล่งจึงเร่งเครื่องแซง แต่ปรากฏว่ารถคู่กรณีไม่ยอม ได้เปิดไฟเลี้ยวขวาแล้วปาดหน้าลักษณะจะตบให้รถตนร่วงถนน แต่ผิดคาดเพราะรถคู่กรณีเกิดเสียหลักเสียเอง จากนั้นก็พุ่งลงข้างทางฝั่งตรงข้ามชนคันดินจากนั้นก็กระเด้งขึ้นไปทับบนรถกระบะที่จอดอยู่ ส่วนรถตนก็หมุนไถลไปบนไหล่ทาง เมื่อลงมาดูก็พบว่ามีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิด 2 ตัว จับภาพวันนี้เวลาประมาณ 10.21 น. ซึ่งเป็นเวลาช่วงที่ก่อนเกิดเหตุ มีวงจรปิดก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร จับภาพรถกระบะสีเขียวขับนำ และรถดีแมกซ์สีบรอนซ์ขับตามหลัง ลักษณะเร่งเครื่องใช้ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเห็นว่ารถดีแมกซ์ที่ขับตามหลังมีลักษณะควันท่อไอเสียพุ่งออกมาท้ายรถจนกระทั่งเห็นเป็นกลุ่มควันหนาแน่น ขับตามหลังรถกระบะสีเขียวไปอย่างประชิด ก่อนที่จะผ่านกล้องตัวดังกล่าวไปแล้วประสบเหตุ แล้วมีคลิปที่รถดีแมกซ์ถ่ายเอาไว้ได้
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นบ้านของนายสาโรจน์ คนขับกระบะสีเขียว ที่ภรรยาเสียชีวิตคาที่ ทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงบ้านดังกล่าว เจอกับนายนิด (นามสมมติ) พ่อเลี้ยงของคนขับกระบะสีเขียว เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตัวของนายสาโรจน์ไม่ได้กลับมาอยู่บ้าน เข้าใจว่าไปอยู่ห้องเช่าที่อื่น และเพิ่งมารู้หลังจากที่เกิดเหตุ เมื่อเช้าตนเองก็เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แต่อาการสาหัส หมอบอกว่าอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ และเมื่อช่วงเย็นทางโรงพยาบาลโทรกลับมาอีกครั้ง ให้แม่ของนายสาโรจน์ไปเซ็นรับทราบหากยื้อชีวิตไม่ไหว
สำหรับตัวของนายสาโรจน์ ยอมรับว่าเป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวอย่างมาก ไม่ว่าจะชีวิต 13 ปีที่ผ่านมา เข้าออกคุกเป็นว่าเล่นว่า ไม่ว่าจะเป็นคดียาเสพติด คดีปืน และคดีลักทรัพย์ ซึ่งออกคุกมาล่าสุดตนเองก็เข้าใจว่า จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี แต่ที่ไหนได้มาบังคับให้ตนเองและพี่ชาย เซ็นออกรถเก๋งให้ โดยเป็นการบังคับให้ทั้งเป็นผู้ออกรถและให้เป็นผู้ค้ำ แต่เจ้าตัวกลับขาดส่งจนกระทั่งธนาคารมายึดรถ และก่อนที่จะถูกยึดขับรถไปประสบเหตุที่จังหวัดพิจิตร จนต้องมีการเสียเงินหลายแสน ซึ่งตอนนี้ก็มีหมายศาลมาหาตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าของรถ ส่วนตัวก็กำลังรอขึ้นศาล เพราะเกิดจากการก่อวีรกรรมของนายสาโรจน์เอง
และจากกรณีที่เจ้าตัวไปขับรถประสบเหตุ ส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นเพราะนิสัยการขับแข่งหรือการขับรถประมาทของเจ้าตัวอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาก็มีประวัติเรื่องของการขับรถหวาดเสียวและไปขับแข่งกับคนอื่นจนเป็นเรื่องเป็นราว เช่นเดียวกับเหตุการณ์วันนี้ก็น่าจะเป็นลักษณะคล้ายกันที่ไปขับแข่งกับคนอื่นจนประสบเหตุเอง
และก่อนหน้านี้แม่ของนายสาโรจน์ก็เคยบ่นเอาไว้ตลอดว่า “หากไม่ตายก็คงติดคุก แต่ถ้าตายรถคว่ำที่ไหนก็อย่าโทร. มาบอก” ซึ่งก็ไม่คิดว่าคำสาปแช่งของแม่นายสาโรจน์เป็นจริง และในฐานะที่ตนเองเป็นครอบครัวฝั่งของกระบะเขียว ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับกระบะสีบรอนด์ พอเข้าใจว่าจากคลิปก็เห็นชัดว่ามีการขับแข่งกัน ฉะนั้นก็ว่าไปตามกระบวนการ แต่ส่วนตัวสงสารเมียที่นั่งโดยสารไปด้วยที่กำลังตั้งท้องที่จะต้องมาจบชีวิตแบบนี้
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้เดินทางไปบ้านเช่า ซึ่งเป็นบ้านของนายสาโรจน์ คนขับกระบะเขียว โดยหลังจากที่เจ้าตัวออกคุกและไปมีภรรยาคนที่ตั้งท้อง ได้ไปเช่าบ้านอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่อำเภอมโนรมย์ แต่หลังจากที่ตัวเมียเสียชีวิตคาที่ และเจ้าตัวนอนโคม่าอยู่โรงพยาบาล จึงไม่มีใครอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะเนื่องจากเป็นบ้านเช่า มีลักษณะลักษณะปิดเงียบ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในรถกระบะสีเขียวของนายสาโรจน์ พบในกระเป๋าสะพายและกระเป๋าคาดอกมีวัตถุที่มีลักษณะคล้ายยาบ้า และไอซ์ซุกซ่อนไว้จำนวนหนึ่ง และนอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนอาวุธเป็นเป็นโครง ลำกล้อง และส่วนอื่น ๆ อีก 1 ชุด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะเมื่อตรวจสอบแล้วรถคันสีเขียวที่มีคนเจ็บ คนตาย ยาเสพติดและอาวุธปืน มีชื่อจดทะเบียนเป็นของคนอื่น ที่ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำว่าเกี่ยวของเชื่อมโยงกับสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดด้วยหรือไม่
ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายนายบุญเทิน คนเห็นเหตุการณ์ ซึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นตนเองกำลังยืนลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่หน้าร้าน โดยเห็นรถสองคันลักษณะขับแซงกันขึ้นมา โดยมีรถกระบะสีเขียวขับนำ และกระบะสีบรอนซ์ขับตามหลัง เหมือนเป็นการจี้ตูดกันมา และพยามขับแซงขึ้น และเห็นแต่ควันท่อไอเสียรอยคลุ้งจนมองไม่เห็นถนน ก่อนที่จะได้ยินเสียงพุ่งลงไปข้างทาง และตีลังกาไปทับกับรถที่จอดขายอยู่ริมทาง ส่วนกระบะสีบรอนซ์ ได้ขับเลยไปหยุดอยู่ที่เสาไฟฟ้าห่างจากที่เกิดเหตุประมาณเกือบ 100 เมตร แต่ในตอนนั้นตนเองไม่แน่ใจว่าผู้หญิงเป็นคนขับหรือผู้ชายขับ เพราะในรถมีหมามาด้วย
หลังจากที่ประสบเหตุได้ไม่นานยังไม่ถึง 1 นาที ก็มีรถกู้ภัยเข้ามาถึงที่เกิดเหตุทันที และพยามเข้าไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในรถ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สภาพโดนรถทับเนื่องจากรถตีลังกาล้อชี้ฟ้า แล้วตัวเองพึ่งมาทราบภายหลังว่าผู้หญิงคนนั้นดังกล่าวเป็นสาวท้อง นั่งโดยสารมากับคนขับกระบะสีเขียวตายคาที่ แต่สำหรับรายละเอียดว่าใครเป็นคนชนใครหรือเบียดแซงใครตัวเองไม่ทราบ เพราะเท่าที่ยืนฟังคำให้การของคนขับรถสีบรอน บอกว่าเจอกับรถสีเขียวตั้งแต่แยกอำเภอมโน และขับแซงกันมาจนกระทั่งถึงที่เกิด