จากกรณีหนุ่มขี้เหงาหาคู่ในโซเชียลเจอแก๊งค์มิจฉาชีพหลอกโปรไฟล์เป็นครูสาวสวยชื่อดังในโลกออนไลน์ หยอดคำหวานให้เหยื่อหลงเชื่อหากต้องการคบหาให้ช่วยตัวเองผ่านวิดีโอคอล ก่อนจะถูกแบล็กเมล์ เสียเงินไปกว่า 50,000 บาท เครียดจนคิดจะทำร้ายตัวเอง
ปรากฏว่า เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมมิจฉาชีพคนดังกล่าวกลับพบเป็นชายชื่อ นายนิพนธ์ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลศาลอาญาข้อหา “รีดเอาทรัพย์” และเป็นอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมตัวได้ที่ ริมชายหาดบ้านอำเภอ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โดยก่อนหน้านี้มี หนุ่มวัยกลางคนหน้าที่การงานดี อนาคตไกลตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ โดยคนร้ายสร้างโปรไฟล์เป็นครูเบส ครูสาวชื่อดังในโลกออนไลน์ และเหยื่อได้หลงเขื่อแชตข้อความสนทนาตามประสาชายโสด ขบวนการนี้ได้ใช้มารยาต่าง ๆ นา ๆ ทำให้เหยื่อเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะชักชวนด้วยการขอ “คอลเสียว” ซึ่งหว่านล้อมให้เหยื่อช่วยตัวเองให้ดู อ้างว่าถ้าทำให้ดูจะยอมตกลงคบเป็นแฟนซึ่งเหยื่อที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก สติสัมปชัญญะมักลดลง เหยื่อจึงได้หลวมช่วยตัวเองให้ดูผ่านวีดิโอคอล ซึ่งเห็นทั้งอวัยวะเพศเห็นทั้งใบหน้า ระหว่างนั้นถูกมิจฉาชีพบันทึกวีดิโอไว้ทุกอย่าง
หลังจากนั้น ครูสาวแสนสวยได้เปลี่ยนเป็นมิจฉาชีพทันที พร้อมข่มขู่เรียกเงิน หากไม่จ่ายจะส่งคลิปให้เพื่อนในเฟสบุ๊คของเหยื่อทั้งหมด ผู้เสียหายกลัวจึงยอมโอนเงินให้ แต่ก็ยังถูกข่มขู่เรื่อยมา รวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง จ่ายเงินให้ไปกว่า 50,000 บาท จึงทนไม่ไหวเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะเหยื่อมีความวิตกกังวลและเครียด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงขั้น “อยากทำร้ายตัวเอง ซึ่งต่อมาได้มีการสอบสวนจนทราบว่าหนึ่งในขบวนการนี้ คือ นายนิพนธ์ จึงได้สืบสวนพบเบาะแสทราบเพียงว่าเป็นบุคคลที่เร่ร่อนอยู่ตามริมชายหาดพัทยา กระทั่งวันที่ 8 ม.ค. 2566 พบนายนิพนธ์ ผู้ต้องหาอยู่ที่ริมชายจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อประมาณปี 2566 ตอนนั้นพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชานเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีคนมาตระเวนเกณฑ์คนจากหมู่บ้านที่ละ 100-200 คน ไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อใช้บัญชี ซึ่งตนเองก็ได้ตกลงไปด้วย โดยเมื่อไปถึงจะให้พักอยู่ในตึกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นจะให้เปิดบัญชีม้าใช้ในรับเงินจากการหลอกลวง โดยจะมีที่พักมีอาหารคอยเลี้ยงดู ตนเองมีหน้าที่แค่คอยแสกนใบหน้าให้ ซึ่งตอนนั้นตนเองอยู่ในตึกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 6 วัน จากนั้นก็กลับมายังประเทศไทย โดยตนเองได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 7,000 บาท ซึ่งตนเองเปิดไป 3 บัญชี ได้เงินมา 21,000 บาท ซึ่งหลังจากวันนั้นตนเองก็ไม่ทราบแล้วว่าบัญชีจะถูกนำไปใช้หลอกลวงอะไรบ้าง
ผู้การสืบนครบาล ระบุว่า ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พัฒนารูปแบบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรูปแบบนี้ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้นำมาใช้ ถือเป็นภัยอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเหยื่อจะสูญเงินเป็นจำนวนมาก ให้กับกลุ่มคนร้ายเหล่านี้แล้ว ยังจำต้องแลกมาด้วยชื่อเสียง เกียรติยศ และที่สำคัญคือ บาดแผลทางจิตใจที่ยากต่อการเยี่ยวยา จนบางรายไม่กล้าจะเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ และบางรายถึงขั้นคิดจะจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีกับอดีตที่ผิดพลาด จึงขอฝากเตือนผู้ช่วยทุกท่านที่ต้องการหาเพื่อนหรือพูดคุยกับบุคคลอื่น ๆ ให้คิดไว้เสมอว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ” พร้อมกับ แจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังเพ่อบ้านหรือบุคคลใด เชื่อว่าหากตนเคยถูกหลอกลวง แบล็คเมล ในลักษณะนี้ สามารถติดต่อให้เบาะแสทาง เฟสบุ๊คเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง “แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที”
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อและเข้าไปพูดคุยกับครูสาวตัวจริง เบื้องต้นคุณครูนั้นสอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนในพื้นที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยครูสาวรายนี้มีชื่อว่า “ครูเบสท์” อิทธิพร อายุ 32 ปี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครูเบสท์ได้เปิดใจว่า ตนก็เพิ่งมาทราบเรื่องจากข่าวช่อง 8 ว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างและนำรูปของตนไปใช้ เพื่อทำการหลอกลวงและรีดไถเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งก็ทราบจากช่อง 8 อีกเหมือนกันว่าสามารถจับคนก่อเหตุได้แล้ว ก็รู้สึกตกใจที่คนก่อเหตุเป็นชายวัย 64 ปี
โดยครูเบสท์ยังเล่าอีกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รูปของตนถูกไปใช้ในทางที่ผิดเพราะตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา แทบจะทุกวันที่มีชาวเน็ตส่งข้อความมาสอบถามว่า “อันนี้เฟซบุ๊กจริงหรือเปล่า, ครูเปลี่ยนเฟซบุ๊กใหม่เหรอ” เนื่องจากทุก ๆ วันจะมีรูปภาพของตนไปโผล่ตามแอคเคาท์ต่าง ๆ ซึ่งวันนึงไม่ต่ำกว่า 10 บัญชี หากนับรวมตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ต่ำกว่า 300 บัญชี ซึ่งเท่าที่ตนได้สอบถามเหยื่อ ก็พบว่าพฤติกรรมของมิจฉาชีพนั้นคล้าย ๆ กัน โดยจะมีการทักไปพูดคุยเชิงชู้สาวกับเหยื่อ
จากนั้นก็จะมีการวิดีโอคอลเสียวและบันทึกภาพใต้สะดือเพื่อที่จะมาแบล็กเมล์รีดไถเงิน ซึ่งเหยื่อที่โดนก็มีหลากหลาย อย่างเช่น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่, ผู้ชายที่มีหน้าที่การงานดี ๆ ซึ่งหากเหยื่อไม่ยอมโอนเงินให้ตามที่ร้องขอ มิจฉาชีพก็จะมีการข่มขู่ว่าจะนำรูปส่งไปยังภรรยา, เพื่อน, ที่ทำงาน ที่ผ่านมาตนมีการเดินทางไปแจ้งบันทึกประจำวันแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งตนก็อยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบหาและจับกุมกลุ่มคนเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะตนเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีการทำเป็นขบวนการ
ในตอนนี้ตนได้รับผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสภาพจิตใจของตัวเอง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มักจะมีคนนั้น คนนี้ โทรศัพท์มาหาตนแทบจะทั้งวันเพื่อที่จะสอบถามเรื่องดังกล่าว และยังมีบางคนที่หลงเชื่อว่าตนได้ทำพฤติกรรมเช่นนั้น ทำให้ตนนั้นถูกต่อว่าอยู่หลายครั้ง ตนจึงต้องเผชิญกับอาการเครียดมาโดยตลอด
สุดท้ายก็อยากจะฝากถึงผู้ที่ใช้สื่อโซเชียล อยากให้ทุกคนมีสติและรอบคอบ “อย่าหวังกับความรักออนไลน์ให้มาก” อยากให้ลองเช็กประวัติหรือตัวตนที่แท้จริงกับคนที่เรากำลังคุยอยู่ให้ดีก่อน ส่วนตัวครูเบสท์เองยืนยันว่า ตนจะไม่มีการทักไปพูดคุยกับใครเด็ดขาด เนื่องจากตนมีครอบครัวแล้ว