จากกรณีนางบุญช่วย อายุ 56 ปี ผู้เป็นแม่ ชาว ต.ปางตาไว อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ได้เข้าร้องเรียนกับทีมข่าวช่อง 8 หลังเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นายวสันต์ อายุ 38 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้าง ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ได้หายตัวไปอย่างปริศนาหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง จับกุมตัวไประงับสติอารมณ์ เนื่องจากไปก่อเหตุก่อความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเหตุเกิดในท้องที่ สน.ดอนเมือง บริเวณห้องเช่าใน ซ.ช่างอากาศอุทิศ 16 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
จากประวัติ นายวสันต์ มีอาการป่วยจิตเวช และคลุ้มคลั่ง (บางครั้ง) ซึ่งถูกจับกุมไปแต่จนถึงตอนนี้ญาติยังติดต่อนายวสันต์ไม่ได้ ทั้งที่ตำรวจอ้างว่าได้ปล่อยตัวนายวสันต์ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. แต่สิ่งที่เป็นข้อพิรุธคือ เมื่อทางครอบครัวเค้นถามตำรวจขอหลักฐานกล้องวงจรปิดการปล่อยตัวที่โรงพัก กลับพบว่า นายวสันต์ถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อ 1 ธันวาคม 2566 เวลา 21.45 น. ซึ่งไม่ตรงกับใบประจำวันที่ลงบันทึกไว้ ครอบครัวจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายวสันต์กันแน่ และนายวสันต์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ห้องเช่าของนายวสันต์ พบว่าห้องพักดังกล่าวอยู่ภายในชุมชน ซ.ช่างอากาศอุทิศ เราได้พูดคุยกับ นางสาวสุชญา เพื่อนข้างห้อง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตัวของนายวสันต์นั้นก่อนที่จะถูกตำรวจจับตัวไป ช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน เจ้าตัวได้เกิดอาการคุ้มคลั่ง อาละวาด โดยถือขวดปากฉลาม และสะพายบ้องกัญชาโวยวายเสียงดัง ขู่จะทำร้ายคนในห้องเช่า ตนเองเห็นเหตุการณ์และคิดว่าท่าจะไม่ดีแล้ว จึงได้อัดคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน และบอกให้เพื่อนข้างห้องอีกคนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
โดยเธอได้ส่งคลิปให้กับทีมข่าว คลิปที่ 1 จะเห็นวสันต์ถอดเสื้อผ้ายืนโวยวายอยู่บนชั้น 2 ของห้องเช่า พูดจับใจความไม่ค่อยได้ ได้ยินเพียงแต่ว่า “กูบอกให้มึงออกมา ไม่ออกกูจะสั่งประหารชีวิต 7 ชั่วโคตรนะ” พร้อมกับทุบทำลายข้าวของไปด้วย
จากนั้นเมื่อตำรวจมาถึงตนเองจึงได้อัดคลิปวิดีโออีกเป็นคลิปที่ 2 ซึ่งจะเห็นนายวสันต์ ยังอาละวาดไม่เลิก และดิ้นขัดขืนตำรวจระหว่างจับกุม พร้อมกับผู้ขู่ตำรวจว่า “ใครทำร้ายกู จะเจอโทษประหาร 7 ชั่วโคตรนะ ใครทำกูจะต้องตาย ตาย ตายให้หมด” พร้อมกับนับเลข 1,2 อยู่ตลอด
ซึ่งจากเหตุการณ์วันนั้น ตำรวจได้นำตัวนายวสันต์ไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก จากนั้นตนเองก็ไม่เห็นนายวสันต์กลับมาที่ห้องเช่าอีกเลย เมื่อผ่านไปสักระยะแม่ของนายวสันต์ได้เดินทางมาหาลูกชายที่ห้องเช่า แต่ก็ไร้วี่แวว ภายในห้องพักเพียงเศษกัญชา บ้องกัญชา อุปกรณ์การเสพ และกีต้าร์หลงเหลืออยู่เท่านั้น ทุกคนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่านายวสันต์นั้นหายตัวไปไหน
ส่วนที่ผ่านมา ตัวนายวสันต์ไม่เคยมีอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดแบบนี้ ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ตนเองก็เพิ่งมารู้จากแม่ของนายวสันต์ที่ตามหาลูกชายว่า ตัวนายวสันต์มีภาวะการป่วยทางจิต เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวมีอาชีพขับรถแท็กซี่ตอนกลางคืน ซึ่งจะขับรถสลับกับลุงคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่หูของนายวสันต์ สลับกันขับช่วงเช้ากับกลางวัน แต่หลังจากเกิดเหตุคู่หูของนายวสันต์ก็ไม่เคยกลับตามหานายวสันต์ที่ห้องเช่าอีกเลยเช่นกัน
ด้านนางบุญช่วย แม่ของนายวสันต์ กล่าวว่า ตนผิดสังเกตุว่าทำไมลูกชายตนเมื่อโทร. ไปจึงไม่รับโทร. ประกอบกับปกติในทุก ๆ วันนายวสันต์ลูกชายจะโทร. ถามไถ่ทุกข์สุขทางครอบครัวทุกวัน ตนจึงได้ติดต่อไปยังญาติที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงให้ไปดูที่ห้องเช่าของนายวสันต์ จึงทราบว่าลูกชายตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2566 และต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ตนจึงได้เดินทางไปยัง สน.ดอนเมือง เข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำเรื่องปล่อยตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. ตนจึงถือโอกาสแจ้งความคนหายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้พยายามขอกล้องวงจรปิดในวันที่เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว (27 พ.ย. 2566) แต่ทางเจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้แต่อย่างใด จากนั้นได้เดินทางไปยังห้องเช่าที่ลูกชายเคยพักอาศัยอยู่ ปรากฏว่ามีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้เคียงกันแจ้งว่า “ตำรวจจับเอาไปปล่อยแล้ว” และยังบอกกับตนว่าตำรวจเอาไปปล่อยแล้วที่สถานีรถไฟตนเกิดความสงสัยจึงย้อนกลับ สน.ดอนเมือง อีกครั้งเพื่อจะเค้นเอากล้องวงจรปิดที่บริเวณ สน.ดอนเมือง แต่ทางเจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงและแจ้งให้ตนแอดไลน์ของ “ชุดสืบสวน สน.ดอนเมือง” เอาไว้
จากนั้นตนจึงเดินทางกลับมายังจังหวัดกำแพงเพชร จึงทราบว่าทางชุดสืบฯ ได้ส่งคลิปกล้องวงวรปิดมาให้ในไลน์ของตน ซึ่งตนมีความสงสัยมากเนื่องจากในใบบันทึกประจำวัน ระบุว่ามีการปล่อยตัวลูกชายตนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ส่วนในคลิปกล้องวงจรปิดใน สน.ดอนเมือง ระบุว่าเป็นวันที่ 1 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณ 21.45 น. ซึ่งมีไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งตนสงสัยจึงประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยสอบถามถึงกรณีดังกล่าวแต่ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเจ้าหน้าที่เลย ตนยอมรับว่าตนสงสัยในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ซึ่งอยากจะให้เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ซึ่งอยากจะทราบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของตนกันแน่
ทั้งนี้นางบุญช่วย โพธิ์พูล (ผู้เป็นแม่) ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังพร้อมกับ หลั่งน้ำตา ร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า “ปกติลูกชายของตนเป็นคนรักครอบครัวมีลูกสาว 3 คนและได้เลิกรากับภรรยามากว่า 10 ปีแล้ว ปกตินายวสันต์ ลูกชายตนจะโทรศัพท์มาหาลูกสาวทั้ง 3 คนแทบทุกวัน ตนยอมรับว่ารู้สึกคิดถึงและสงสารลูกมาก ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ลูกชายตนหายไป ตนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ พยามติดตามหาลูกทุกช่อง ติดสติ๊กเกอร์รูปลูกชายรอบตัวรถกระบะพร้อมข้อความ "คนหาย" พร้อมทั้งระบุรูปพรรณสัณฐาน เบอร์โทร. แจ้งเบาะแส ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากมูลนิธิกระจกเงา
ล่าสุดทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง ให้เป็นข้อมูลว่า ตำรวจไม่ได้ลงบันทึกประจำวันไม่ตรงกับวันปล่อยตัวนายวสันต์ และใบบันทึกประจำวันมีหลักฐานทั้งหมดว่าทำไมถึงต้องปล่อยตัวนายวสันต์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ทั้งที่จับมาตั้งแต่ 26 พฤศจิกายน ซึ่งเพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง แต่จากการตรวจสอบพบว่า ช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน ตำรวจสายตรวจได้รับแจ้งว่านายวสันต์อาละวาดโวยวายในห้องเช่า จึงเดินทางไปจับกุม
จากนั้นในช่วงค่ำตำรวจได้มีการปล่อยตัวกลับ แต่นายวสันต์หลังจากถูกปล่อยตัวไม่ยอมกลับ และได้นั่งอยู่บริเวณหน้าเสาธงของโรงพักไม่ไปไหน พร้อมกับจะทำร้ายประชาชนที่เข้ามาแจ้งความในโรงพัก มองตาขวาง เมื่อตำรวจสายตรวจเข้าไปสอบถามกลับถูกนายวสันต์จะทำร้าย ตำรวจจึงจำเป็นต้องพาตัวนายวสันต์ไปควบคุมขังในห้องขังของโรงพักอีก 1 วัน
กระทั่ง 27 พฤศจิกายน ช่วงเวลาค่ำเช่นเดิม ตัวนายวสันต์ได้ถูกปล่อยตัวอีกครั้ง แต่นายวสันต์ได้อาละวาดอยู่ในโรงพักเหมือนเดิม ทำให้ตำรวจต้องนำตัวนายวสันต์ ไปสงบสติอารมณ์ ภายในห้องควบคุมขังอีกครั้ง เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนรำคาญและไม่ยอมกลับบ้าน
ต่อมา 28 พฤศจิกายน ตัวนายวสันต์ยังมีอาการคุ้มคลั่งไม่หาย แถมยังทำร้ายผู้ต้องขังด้วยกันในห้องขัง ตำรวจจึงได้แยกนายวสันต์ไปอยู่อีกห้องควบคุมขังหนึ่ง และจับขังเดี่ยวเอาไว้จนถึง 30 พฤศจิกายน และได้ปล่อยตัวนายวสันต์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ให้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมกับทีมข่าวอีก 3 มุม ซึ่งจะเห็นนายวสันต์ได้เดินมุ่งหน้าออกจากโรงพักไปแล้ว ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.20 น. จากนั้นจะเห็นนายวสันต์เดินเลาะกำแพง มุ่งหน้าไปยังถนนวิภาวดี ซึ่งจะเห็นว่านายวสันต์ มีสติสัมปชัญญะครบทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นตัวนายวสันต์นั้นเดินทางไปไหนต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำอะไรตัวนายวสันต์เลย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน