จากกรณีที่เมื่อเวลา 23.10 น. ของวันที่ 8 ม.ค. 2567 ร.ต.อ.ทองดี หัดที่ รอง สว.สอบสวน สภ.นาเชือก ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน ใช้อาวุธปืนทำร้ายกันและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองเรือ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
ที่เกิดเหตุไปถึงเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ บริเวณชั้นล่าง พบกองเลือดและพบอาวุธปืนอัดลมยาวแบบไทยประดิษฐ์ สภาพด้ามปืนและลำกล้องหลุดออกจากกัน ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ 1. นางยุภาวดี อายุ 39 หรือ ลิลลี่ (ภรรยา) 2. นายประสิทธิ์ อายุ 73 ปี (พ่อตา) 3. นางบัวลอย อายุ 72 ปี (แม่ยาย) 4. นางนิตา อายุ 40 ปี (ป้า) 5. นายปิยณัฐ หรือ กล้วย อายุ 37 ปี ลูกเขย เป็นผู้ก่อเหตุ จากนั้นผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน ได้ถูกนําตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาสารคาม
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ โดยวันนี้บ้านยังปิดเงียบไม่มีใครอยู่ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวผู้บาดเจ็บอยู่อาศัยด้วยกันทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลมหาสารคาม
ผู้สื่อข่าวได้คุยนายหมุน อายุ 59 ปี เพื่อนบ้าน ซึ่งมีบ้านอยู่เยื้องกับบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เล่าว่า ช่วงประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งขณะนั้นในหมู่บ้านค่อนข้างมืดและเงียบสงบ แต่ในขณะที่ตนเองกำลังนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงปืนอัดลมดังประมาณ 5-6 ครั้ง อยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย พร้อมกับเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของผู้บาดเจ็บ
ส่วนช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนเองไม่เห็นเนื่องจากเป็นช่วงที่ค่ำ อีกทั้งบริเวณบ้านที่เกิดเหตุก็ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ตนเองจึงไม่เห็นนายปิยณัฐ หรือกล้วย ลูกเขย ถือปืนมาที่บ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นตนเองจึงได้ออกมาดู พบชาวบ้านอยู่ในที่เกิดเหตุกำลังช่วยกันนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
นายหมุน เพื่อนบ้าน ยังบอกอีกว่า นายกล้วย ผู้ก่อเหตุ เป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะ เอาแต่ใจ จึงทำให้ครอบครัวผู้บาดเจ็บไม่ค่อยชอบ หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกัน ภรรยาได้มาอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้ก่อเหตุไม่ไกล ส่วนนายกล้วยผู้ก่อเหตุอยู่บ้านพ่อ
นอกจากนี้ นายกล้วยเคยข่มขู่ฆ่าครอบครัวนี้มาแล้วหลายครั้ง ทำให้ครอบครัวของภรรยา ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด เพราะกลัวนายกล้วยจะฆ่า แต่วันเกิดเหตุตนเองไม่รู้ว่ามาจากอะไร จึงทำให้นายกล้วยก่อเหตุ แต่คาดว่าน่าจะเครียดจากที่ภรรยาขอหย่า
ต่อมาเราได้ไปคุยกับนายประดิษฐ์ แก้ววันนา กำนันตำบลหนองเรือ อำเภอนาเชือก เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน นายประสิทธิ์ พ่อตา, นางบัวลอย แม่ยาย, นางยุภาวดี หรือ ลิลลี่ ภรรยา และหลานอีก 3 คน ส่วนนางนิตา ป้า ตนเองทราบว่าวันเกิดเหตุได้นำเอากับข้าวมาให้พ่อกับแม่ที่บ้านที่เกิดเหตุ จึงถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
กำนันบอกกับทีมข่าวอีกว่า เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตนได้เรียกนายกล้วยและนางลิลลี่พร้อมด้วยนางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ที่ถูกกล่าวหาเป็นกิ๊กนายกล้วย มาพูดคุยไกล่เกลี่ย เพื่อให้นางแก้วและนายกล้วยเลิกรากันไป ไม่ให้ยุ่งกัน เพราะต่างคนต่างมีครอบครัว กลับทำให้นายกล้วยไม่พอใจ ไม่อยากเลิกกับกิ๊ก พร้อมขอมีภรรยาเพิ่มอีกคน ทำให้นางลิลลี่ภรรยารับไม่ได้จึงขอหย่า ส่วนนางแก้วรับปากว่าจะไม่ยุ่ง แต่ภายหลังตนเองได้ข่าวว่ากลับไปหากันเหมือนเดิม
ส่วนสาเหตุที่ทำให้นายกล้วยก่อเหตุ ตนเองคาดว่านายกล้วยน่าจะเมาสุรา และต้องการอยากจะไปขอคืนดีกับภรรยา แต่ภรรยาไม่ยอม ประกอบกับถูกครอบครัวกีดกัน จึงทำให้นายกล้วยตัดสินใจก่อเหตุยิงยกครัว
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปคุยกับนางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกิ๊กนายกล้วย ที่บ้านของนางแก้ว ซึ่งอยู่หมู่บ้านติดกัน
โดยนางแก้ว เล่าว่า ตนเองและนายกล้วยรู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก เพราะอยู่หมู่บ้านใกล้กัน แต่พอโตขึ้นต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัว ตนเองก็ไปมีครอบครัวอยู่ที่บุรีรัมย์ และก็ไม่ได้ติดต่อกันกับนายกล้วยอีกเลย
จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว ตนเองแยกทางกลับสามีแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านพร้อมกับลูก และทำอาชีพนวดจับเส้นตามหมู่บ้าน
โดยช่วงที่ตนเองกลับมาอยู่ที่บ้านใหม่ ๆ ก็ได้ชักชวนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันรวมไปถึงนายกล้วย มากินลาบไก่และดื่มสังสรรค์กันอยู่ที่บ้านญาติอีกหลัง จึงได้สนิทกัน ซึ่งในช่วงที่กินสังสรรค์กันอยู่ นายกล้วยก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมาจีบตนเอง อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้สนใจนายกล้วย เพราะทราบว่านายกล้วยมีครอบครัวแล้ว
จากนั้นก็ยอมรับว่า ช่วงกลางวันนายกล้วยมักจะแวะมาเล่นกับตนเองที่บ้าน แต่ไม่ได้บ่อย ซึ่งตนเองก็อนุญาตให้นายกล้วยมาเล่นได้ตามปกติ เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่ได้มีเรื่องชู้สาวแน่นอน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าภรรยาของนายกล้วยหึงหวงตนเองกับสามี
จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่เกิดเรื่อง ช่วงนั้นตนเองต้องการซื้อรถกระบะมือสอง จึงได้ติดต่อไปตามเพจและเต็นท์รถ เพื่อติดต่อขอรายละเอียดการซื้อขายรถ จึงทำให้มีการโทรศัพท์เข้าออกหลายสาย และในวันดังกล่าวมีเบอร์โทรศัพท์โทรเข้ามาหาตนเอง 3 สาย ซึ่งตนเองไม่ได้รับ มาทราบภายหลังว่าเป็นเบอร์โทรของนายกล้วยที่โทรหาตนเอง ตนเองจึงได้โทรกลับไป แต่กลับเป็นภรรยาของนายกล้วยเป็นคนรับสาย และได้ต่อว่าตนเอง
ซึ่งตอนนั้นตนเองได้อธิบายให้กับภรรยาของนายกล้วยให้ทราบว่า ตนเองไม่ได้แอบคุยกันกับนายกล้วย และตนเองก็ไม่รู้ว่าเบอร์โทรดังกล่าวเป็นเบอร์โทรของนายกล้วย อีกทั้งตนเองก็ไม่เคยมีเบอร์ของนายกล้วย แต่ยอมรับว่าตนเองมีอาชีพเป็นหมอนวดจับเส้น จึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์กับชาวบ้านไว้เพื่อเรียกใช้บริการ แต่ภรรยาของนายกล้วยกลับไม่เชื่อ ได้บุกมาที่บ้านของตนเองกลางดึก มาต่อว่าและขอให้ตนเองเลิกกับสามี
ส่วนเรื่องที่ภรรยาของนายกล้วย อ้างว่า ทุกครั้งที่สามีไม่อยู่ที่บ้านเพราะหายไปอยู่กับตนเอง ตนเองขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นกิ๊กนายกล้วย ส่วนเรื่องที่นายกล้วยจะคิดกับตนแบบไหนตนเองไม่รู้ ส่วนเรื่องที่นายกล้วยไปก่อเหตุยิงครอบครัวของภรรยา ยอมรับว่าตกใจและไม่คิดว่านายกล้วยจะตัดสินใจทำแบบนี้