ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาฆ่าพ่อและน้องสาวตรวจร่างกาย ก่อนฝากขังต่อศาล ด้านผู้ต้องหาก้มหน้าไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน

 

นายวรุตย์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาฆ่าพ่อและน้องสาวยัดใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำ ที่อำเภอพังโคน ตำบลพังโคน จังหวัดสกลนคร ถูกตำรวจ สภ.พังโคน คุมตัวออกจากห้องขังมายังห้องสอบสวน เพื่อทำเอกสารทางคดีต่างๆ ช่วง 9.00 น. ที่ผ่านมา และ 9.30 น. คุมตัวไปยังโรงพยาบาลพังโคนเพื่อตรวจร่างกาย ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของตำรวจ ก่อนถูกคุมตัวกลับมายัง สภ.พังโคน อีกครั้ง

กระทั่ง 10.00 น. ตำรวจคุมตัวนายวรุตย์ ผู้ต้องหา ออกจากห้องสอบสวน ซึ่งยังคงก้มหน้าทุกครั้งที่เจอสื่อมวลชน และไม่ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะสีหน้าเรียบเฉย จนขึ้นไปนั่งบนรถคุมขังก็นิ่งเงียบ ก่อนมีตำรวจขึ้นไปนั่งประกบระหว่างส่งตัวไปยังศาลจังหวัดสกลนคร เพื่อพิจารณาคดี

ขณะที่มีรายงานว่า กำหนดการเดิมจะมีการคุมตัวนายวรุตย์ไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครเพื่อแถลงข่าว แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอม ตลอดจนปฏิเสธการทำแผนประกอบการรับสารภาพ

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้โดยเจตนา ฆ่าบุพการีโดยเจตนา โดยไตรตรองไว้ก่อน และฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณคนตาย แล้วคุมตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสกลนคร

ทีมข่าวได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางตั้งแต่ที่พักของผู้ก่อเหตุและครอบครัว ถนนจาก อ.สว่างแดนดิน มุ่งหน้าอ.พังโคน พบกล้องวงจรปิดบริเวณแยกภูมิภักดี หลังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน พบว่าช่วงเวลาเที่ยงของวันที่ 8 มกราคม จะเห็นรถนิสสันเอ็นวี สีน้ำเงิน ที่ผู้ก่อเหตุขับผ่านมาเส้นทางนี้โดยที่ในรถมีพ่อและน้องสาวนั่งมาด้วย พอถึงแยกภูมิภักดีก็เลี้ยวซ้ายเพื่อออกมาถนนนิตโย มุ่งหน้าอ.พังโคน โดยในกล้องจะเห็นว่ามีรถ 6 ล้อตามหลังมา ซึ่งด้านหลังรถ 6 ล้อคันนี้บรรทุกกล่องเหล็ก และแท่นยืนมาด้วย ซึ่งตามข้อมูลเป็นรถที่ผู้ก่อเหตุจ้างมาขนของที่ใช้ก่อเหตุ

จากนั้นวงจรปิดบนถนนนิตโยมุ่งหน้าอำเภอพังโคน ก็จะเห็นรถของคนก่อเหตุขับมาบนถนน โดยมีรถ 6 ล้อทิ้งระยะขับตามมามุ่งหน้าอำเภอพังโคน

 

จากนั้นทีมข่าวพบว่า 14.04 น. (เวลาจริง 13.53น.) วันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถยนต์ฟอร์ด สีน้ำเงิน มาบนถนนนิตโย อุดรธานี - สกลนคร จากนั้นได้เลี้ยวซ้ายเข้าไปในรีสอร์ต

จากนั้น 14.27 น. (เวลาจริง 14.16 น.) นายวรุตย์ ผู้ก่อเหตุ ก็ได้ขับพาพ่อกับน้องออกจากรีสอร์ตไปซื้อไก่ทอด

หลังจากนั้น 15.21 น. (เวลาจริง 15.10 น.) ก็ได้ขับรถกลับเข้ามาที่รีสอร์ตอีกครั้ง

จากนั้น 18.28 น. (เวลาจริง 18.17 น.) ทราบว่า นายวรุตย์ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถออกจากรีสอร์ตไปคนเดียว

แล้วก็ได้กลับเข้ามาที่รีสอร์ตอีกครั้งตอน 20.01 น. (เวลาจริง 19.50 น.)

 

น.ส.กัลยา หรือน้าน้อย อายุ 63 ปี น้าของผู้ก่อเหตุ เดินทางมาที่หอพักเพื่อเตรียมสถานที่สำหรับการจัดพิธีทำบุญใหญ่ในวันพรุ่งนี้เนื่องจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายมา โดยในวันนี้น้าน้อยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นคำรับสารภาพของนายวรุตย์ (ผู้ก่อเหตุ) ที่บอกว่า มีการวางแผนฆ่าพ่อและน้องสาวปมเรื่องมรดก โดยน้าน้อยบอกว่า

“ตนไม่ปักใจเชื่อว่าปมก่อเหตุจะเป็นเรื่องของมรดก แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของความน้อยใจ เพราะก่อนหน้านี้พ่อของวรุตย์เคยมาระบายให้ฟังว่า ทะเลาะกับวรุตย์บ่อยครั้ง โดยจะทะเลาะกันผ่านทางไลน์ ทั้งๆ ที่ทั้งสองอยู่หอพักเดียวกัน แต่จะพูดคุยกันผ่านทางไลน์เท่านั้น โดยนายวรุตย์มักบอกว่าพ่อไม่รัก และพ่อมักเรียกร้องความสนใจ ทำให้นายวรุตย์รู้สึกผิดว่าพ่อต้องทำอะไรด้วยตนเองทุกอย่าง และตัวนายวรุตย์ทำธุรกิจขายของออนไลน์และมีเงินมากกว่าพ่อด้วยซ้ำ ซึ่งนายวรุตย์เคยให้พ่อยืมเงินหลายครั้ง ครั้งละหลักแสน และนายวรุตย์มีเงินเก็บหลักล้าน

สำหรับนิสัยของนายวรุตย์ ในช่วงวัยเด็กก็มักจะเริ่มเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่สุงสิงกับใคร โดยจะอยู่ภายในห้องและเล่นแต่คอมพิวเตอร์ ซึ่งนายวรุตย์จะเป็นคนที่หวงคอมพิวเตอร์มาก ไม่ให้ใครไปยุ่งกับคอมพิวเตอร์ของตัวเองเลย และตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่เคยเห็นว่านายวรุตย์จะมีเพื่อนสนิท และไม่เคยรับรู้มาก่อนว่านายวรุตย์เรียนจบปริญญาที่ไหน รู้แค่เพียงว่าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ และเปลี่ยนมหาวิทยาลัยบ่อย ไม่เคยไปร่วมงานรับปริญญาหรือไม่เคยเห็นพ่อของนายวรุตย์นำมาอวด ซึ่งจะมีก็เพียงแต่ของน้องสาวที่จบแพทย์แผนไทยจากจังหวัดยะลา

ขณะที่ความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ ทั้งพ่อและแม่รักลูกมาก คอยดูแลลูกเป็นอย่างดี แม้กระทั่งที่นายวรุตย์โตแล้ว จะกินไก่ย่างพ่อยังต้องเป็นคนป้อนเพื่อที่จะไม่ให้มือลูกเปื้อน ทำให้ตนเองก็ตกใจที่รู้ว่าหลานก่อเหตุแบบนี้ สำหรับตอนนี้ส่วนตัวไม่อยากเจอหน้าหลาน ไม่ใช่เพราะโกรธแต่เป็นเพราะว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมันสะเทือนใจ ส่วนเรื่องทรัพย์สินในในช่วงนี้ญาติญาติก็คงจะช่วยกันดูแล รอให้นายวรุตย์ออกจากคุกและมาดูแลต่อ”

ในช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณจุดเกิดเหตุ ทางญาติของผู้เสียชีวิตได้นิมนต์พระมาจำนวนสองรูปทำพิธีเชิญวิญญาณ โดยนำสายสิญจน์ลงไปบริเวณจุดเกิดเหตุ มีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านเข้ามาร่วมพิธีด้วย ซึ่งจากพิธีก็เป็นพิธีการทางความเชื่อของภาคอีสานในการเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้าน

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางลำดวน อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านสร้างขุ่ย ที่เห็นรถของนายวรุตย์ ขับนำหน้ารถบรรทุกที่ขนกล่องเหล็กทั้งสองใบและฐาน วิ่่งเข้าไปในหมู่หมู่บ้านและมุ่งหน้าไปที่หนองหลุมหิน โดยนางลำดวนได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

“ในช่วงวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยง ตนเห็นรถของผู้ก่อเหตุเป็นรถเก๋งสีน้ำเงิน ขับนำหน้ารถบรรทุกหกล้อเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งในรถบรรทุกหกล้อ ตนเห็นว่าบริเวณด้านหน้ามีคนขับและผู้โดยสารนั่งมาด้วยกันสองคน แต่บริเวณด้านหลังนั้นมีแต่อุปกรณ์ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคืออะไรแต่ไม่มีคน

โดยตนเองนั้นคิดว่าอุปกรณ์ด้านหลังรถเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำน้ำบาดาล เพราะเนื่องจากในช่วงหน้าแล้งในหมู่บ้านจะแห้งจึงได้ประสานขอน้ำบาดาลไป ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านก็คิดว่าเป็นการเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำน้ำบาดาล จึงไม่ได้มีใครสนใจอะไร อีกทั้งปกติแล้วเส้นทางนี้ก็จะมีรถบรรทุกวิ่งผ่านอยู่บ่อยครั้งจึงไม่ได้เป็นที่ผิดสังเกต แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นรถของที่ใด เพราะไม่ได้สังเกตมองอย่างละเอียดและชัดเจน ทราบแต่ว่าเป็นเพียงรถส่งของ

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่เป็นการที่นำพ่อและน้องมาฆาตกรรมภายในหมู่บ้านของตนซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เสื่อมเสีย และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

ที่แรก! เปิดภาพลูกทรพีชวนพ่อขนโลงเหล็กไปนอนเล่นรีสอร์ต ก่อนป้อนไก่แล้วยัดลงน้ำ