จากเหตุการณ์ที่พบศพ น.ส.พราวรวี หรือ น้องโยโกะ นางแบบพริตตี้สาวสวย นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพัก ชั้น 6 คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านเอกมัย เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 มีผู้โพสต์แสดงความไว้อาลัยและเสียใจกับเหตุการณ์ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย

ขณะที่ นางธัญพัฒน์ แม่ของน้องโยโกะ ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวที่ยังมีข้อสงสัยเรื่องการชันสูตร การทำงานของพนักงานสอบสวนในการพลิกศพ ตรวจศพ ว่าเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนจาก สน.คลองตัน ที่ไม่ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานที่ในเกิดเหตุโดยทันที เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเอง



จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านมากว่าสองเดือน ผลชันสูตรศพน้องโยโกะ จากศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากภาวะพิษจากไซยาไนด์ โดยพบสมองบวมน้ำ ม้ามคั่งเลือด ตับอ่อนเน่า ไซยาไนด์ปริมาณ 1.26 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งแม่ของน้องโยโกะเตรียมเข้าพบพนักงานสอบ สน.คลองตัน เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี หลังทราบผลชันสูตรศพของลูกสาว

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Yyok’ Magarita ซึ่งเพื่อนในวงการพริตตี้ได้โพสต์อาลัยถึงโยโกะ ประมาณว่า "เจ้าแม่ออดี้ของชั้น แกเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ เป็นคนน่ารักยิ้มสดใส มีสเน่ห์ ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังชอบ ตั้งแต่รู้จักกันมา แกเป็นกันเองมาก ไม่ถือตัวเลย ขอให้ช่วยอะไรก็ช่วย ความสวยนี่ว่าไม่ได้ เพราะออร่าตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนเข้าสู่วงการพริตตี้ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก" พร้อมโพสต์ภาพไปร่วมงานศพของโยโกะด้วย

ล่าสุด พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้เรียกชุดสืบสวนสอบสวนกองกับกับการตำรวจนครบาลห้าพร้อมด้วย สน.คลองตัน เข้าประชุมเพื่อสรุปข้อมูลจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของนางแบบสาว หลังจากที่แม่ของน้องโยโกะติดใจกันเสียชีวิต

โดยภายหลังประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ได้เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่รวบรวมมาทั้งหมดเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยจากพยานหลักฐานที่พบในวันพบศพเวลา 2 ทุ่ม 45 นาที ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ผู้ตายนอนเสียชีวิตบนเตียง สภาพมีฟองอากาศสีขาวที่ริมฝีปาก ห่มผ้าครึ่งตัว ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และรอยรื้อค้นใด ๆ

ส่วนไทม์ไลน์ก่อนที่จะพบศพพบว่า วันที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลา 5 ทุ่ม 45 ผู้ตายได้ขับรถออกจากคอนโดเพื่อไปงานเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านเอกมัย โดยมีแฟนของผู้ตายวัย 38 ปีร่วมงานเลี้ยงด้วย

ระหว่างงานเลี้ยงเวลาตี 2 เกิดการน้อยใจแฟนหนุ่ม เนื่องจากครอบครัวของแฟนหนุ่ม (ที่มีอยู่แล้ว) ได้โทรศัพท์เข้ามาจึงเกิดการทะเลาะกันเล็กน้อย

ต่อมาเช้าวันที่ 31 ตุลาคมเวลา 6 โมง 42 นาที ผู้ตายได้ขับรถกลับเข้ามาที่คอนโดเพียงคนเดียว ซึ่งตามวงจรปิดผู้ตายกดลิฟต์เวลา 6 โมง 43 นาที และเข้าถึงห้องพัก เวลา 6 โมง 45 นาที โดยไม่มีผู้ใดตามขึ้นไปด้วย และหลังจากนั้นก็ไม่เห็นผู้ตายปรากฏออกมาจากห้องพักอีกเลย

กระทั่งเวลา ตี 2 ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 แฟนหนุ่มติดต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางมาที่คอนโดแต่ก็ขึ้นไปห้องพักไม่ได้ เพราะไม่มีคีย์การ์ด จึงตัดสินใจเดินทางกลับช่วงเวลาประมาณตี 4 ซึ่งตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าแฟนหนุ่มไม่ได้ขึ้นไปบนห้องพักแต่อย่างใด

ต่อมาแฟนหนุ่มจึงตัดสินใจติดต่อญาติของผู้ตายให้เข้ามาที่คอนโดอีกครั้ง ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ก่อนจะประสานให้นิติคอนโดช่วยพาขึ้นไปเปิดห้อง กระทั่งไปพบศพของผู้ตายนอนอยู่บนเตียง



เมื่อตำรวจไปถึงได้แจ้งนิติเวชเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่ได้ประสานพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากระหว่างพบศพ ญาติให้ข้อมูลว่าผู้ตาย มีประวัติรักษาโรคซึมเศร้าตั้งแต่ปี 2565 และตรวจสอบในห้องยังพบว่ามียากล่อมประสาท และยานอนหลับที่เกี่ยวกับการรักษาโรคซึมเศร้าอีกหลายเม็ด อีกทั้งในโน้ตโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ยังพบว่ามีการเขียนข้อความตัดพ้อและฝากถึงแฟนหนุ่ม ใจความคร่าว ๆ ว่า “ขอให้ Daddy ใช้ชีวิตได้ตามสบาย" ตำรวจจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต

ทว่า ในภายหลังแม่ของผู้ตายเริ่มติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว วันที่ 14 พฤศจิกายน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบห้องที่พบศพอีกครั้ง จนไปเจอไซยาไนด์บรรจุอยู่ในขวดขนาดเล็กเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องพัก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บไปตรวจสอบ

กระทั่ง ผลการชันสูตรพลิกศพออกมาล่าสุด พบว่าเจอสารไซยาไนด์ในร่างของผู้ตายประมาณ 1.26 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ทำให้เสียชีวิตได้ภายในภายเวลาไม่เกิน 30 นาที และนอกจากไซยาไนด์ ยังพบยากล่อมประสาทจำนวน 10 เม็ดอยู่ในร่างของผู้ตาย แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยทำให้เสียชีวิต

ส่วนข้อสงสัยเรื่องประตูหลังห้องพักที่ติดกับสระว่ายน้ำ ที่ไม่ได้มีการล็อกประตู ตรวจสอบพบว่าบริเวณนั้นไม่ได้มีการติดกล้องวงจรปิด แต่อย่างไรก็ตาม ชุดพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบลายนิ้วมือบริเวณประตูห้องพัก และบริเวณรอบ ๆ ไม่พบลายนิ้วมือแฝงของบุคคลอื่น นอกจากลายนิ้วมือของผู้ตาย

ข้อมูลทั้งหมดตำรวจจึงเชื่อว่า ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตจากการทำร้ายตัวเองแต่ยังไม่ได้มีการตัดประเด็นอื่นทิ้ง ส่วนร่องรอยเขียวช้ำตามร่างกายที่แม่ของผู้ตายและเพื่อนสงสัยนั้น ผลการตรวจสอบพบว่า เป็นร่องรอยที่เคยทะเลาะกับแฟนหนุ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตในครั้งนี้

หลังจากนี้จะมีการเรียกแฟนหนุ่มของผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติม และจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อขยายขยายผลที่มาของไซยาไนด์ที่ตรวจพบ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ระหว่างประสานแม่ของผู้ตายให้มาฟังคำชี้แจงเพื่อคลายข้อสงสัย แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อแม่ของผู้ตายได้



ล่าสุดแม่นก กมลพัฒน์ อายุ 52 ปี แม่ของน้องโยโกะ พริตตี้รถแบรนด์ดัง เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ขณะนี้ตนเองยังคงติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว เพราะไม่เชื่อว่าลูกสาวตนนั้นจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะเคยคุยเอาไว้หลายเรื่องว่าอยากให้ลูกสาวคนนี้สานต่อกิจการ ซึ่งลูกสาวก็ตอบรับคำขอพร้อมเป็นตัวแทนแม่ อีกทั้งลูกสาวก็ไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจมาเล่าให้ฟังเลยด้วย

โดยลูกสาวตนนั้นปกติเรื่องรายได้ ตนเองไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก เพราะตนไม่เคยขอเงินลูกสาว มีแต่ลูกสาวให้มาเพราะตนเองก็มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนเรื่องวันที่ 15 ม.ค. นี้ ทางตำรวจจะมีการแถลงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต และก็มีเรื่องของไซยาไนด์เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตนก็ไม่เชื่อแน่นอนว่าลูกสาวจะเป็นคนสั่งไซยาไนด์และคิดสั้นดื่มมันเข้าไป

ส่วนคอนโดของลูกสาว ตนก็สงสัยว่าจะมีคนเข้าไปเนื่องจากประตูหน้าต่างด้านหลังเปิดอยู่ 2 บาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าลูกสาวตนจะเป็นคนเปิดไว้ เชื่อว่าต้องมีคนเปิดไว้แน่นอน อีกทั้งเรื่องของกล้องวงจรปิดที่ตำรวจให้ดู ก็พบความผิดปกติว่าตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 1 พ.ย. 2566 พบว่ากระโดดข้ามช็อตไปเวลา 02.55.10 น. และข้ามช็อตไปในเวลา 03.43.05 น.

โดยทางตนนั้นได้ถามตำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเวลาภาพจากกล้องวงจรปิดหายไปถึง 2 ช่วงภายในวันเดียวเลย แต่ทางตำรวจยังให้คำตอบไม่ได้ สุดท้ายหากมีการแถลงของตำรวจแล้วยังไม่คืบหน้าอะไร ทางตนก็พร้อมลุยเพื่อความยุติธรรมของลูกอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยส่งภาพถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายด้วย

ขณะที่ นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี เพื่อนสนิทของคุณโยโกะ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตัวเองรู้จักกับโยโกะมาตั้งแต่เรียนมหาลัย ทำกิจกรรมมาด้วยกันตลอด จนกระทั่งเรียนจบ ตนเองกับโยโกะก็ยังมาทำงานในแวดวงเดียวกันคือ พริตตี้, พิธีกร และพรีเซ็นเตอร์

โดยโยโกะมักจะรับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับคลินิกเสริมความงาม และเป็นพริตตี้ให้กับค่ายรถยนต์ค่ายดัง ซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนคือ 50,000 - 100,000 บาท หรือบางเดือนก็อาจจะเกิน 100,000 บาทด้วยซ้ำ

นางสาวเอ ยืนยันว่าที่ผ่านมาโยโกะเป็นคนเฮฮา ร่าเริง ชอบช่วยเหลือคน เวลาเขามีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่เขาก็จะจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเองมาตลอด ก็เลยรู้สึกว่าไม่น่าจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้

อีกทั้งไม่เชื่อว่า โยโกะฆ่าตัวตายด้วยการใช้สารไซยาไนด์ เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารที่คนธรรมดาไม่สามารถสั่งซื้อ หรือเอาไว้ในครอบครองได้หายาก ฉะนั้นคิดว่าไม่น่ามีใครจะมีสารนี้ในครอบครองหรือหาซื้อได้ง่าย ๆ จึงอยากให้ทางตำรวจชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนมากกว่านี้ ว่าโยโกะ มีสารไซยาไนด์ไว้ในครอบครองได้อย่างไร



อีกหนึ่งประเด็นที่เพื่อนสนิทของคุณโยโกะ ติดใจก็คือประตูหลังห้องพักที่ติดกับสระว่ายน้ำ ซึ่งหลังคุณโยโกะเสียชีวิต พบว่าไม่ได้มีการล็อกประตูนั้น

นางสาวเอ บอกว่า ปกติโยโกะเป็นคนรอบคอบ จึงไม่คิดว่าเขาจะเปิดประตูห้องทิ้งไว้ หรือไม่ล็อกกลอน ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนและครอบครัวอย่างสงสัยเหมือนกัน

ส่วนกรณีที่พบแชตในมือถือผู้ตาย ปรากฏว่ามีการเขียนข้อความตัดพ้อและฝากถึงแฟนหนุ่ม ใจความคร่าว ๆ ว่า "ขอให้ Daddy ใช้ชีวิตได้ตามสบาย" นั้น นางสาวเอบอกว่า เพิ่งมาทราบหลังแม่ผู้ตายนำหลักฐานดังกล่าวออกมาเปิดเผย แต่ก่อนหน้านี้ โยโกะก็ไม่เคยมาปรึกษาเพื่อนหรือว่าถามเพื่อน ๆ ในเรื่องนี้เลย

นอกจากนี้นางสาวเอ ยังตั้งข้อสังเกตถึงลักษณะการตายของโยโกะ ว่าเขาตายท่าแบบเรียบร้อยมาก อันนี้คือสิ่งที่ได้ทราบจากคุณแม่ผู้ตาย เพราะปกติคนกินยาฆ่าตัวตายจะต้องมีน้ำลายฟูมปาก หรือมีอาการดิ้นทุรนทุราย ซึ่งมันไม่น่าจะนอนตายได้สวยขนาดนั้น หรืออาจจะมีคนจัดวางท่าทางหรือเปล่า จึงทำให้รู้สึกเอะใจว่า คนฆ่าตัวตายเองจะเป็นแบบนี้เหรอ ก็เลยคิดว่าโยโกะไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่คอนโดที่น้องโยโกะได้เสียชีวิต ซึ่งชั้นที่น้องโยโกะอยู่คือชั้น 6 ชั้นที่มีสระน้ำ โดยทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจภายในคอนโดชั้น 6 ซึ่งชั้นดังกล่าวเป็นชั้นส่วนกลางของคอนโด โดยมีฟิตเนส มีที่นั่งทำงานและสระน้ำให้กับผู้พักอาศัย

ต่อมาทีมข่าวได้สังเกตไปรอบบริเวณและพบว่า ห้องที่อยู่ในชั้นนี้คนภายนอกไม่สามารถเปิดประตูหรือหน้าต่างได้ เนื่องจากมีต้นไม้ปกคลุมบริเวณดังกล่าว หรือถ้าจะให้ปีนมาจากห้องอื่น ๆ ก็ไม่น่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากมี รปภ. เฝ้าอยู่ตามจุดต่าง ๆ ตลอด 24 ชม.

ล่าสุทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดจากแม่นก แม่น้องโยะโกะที่เสียชีวิต โดยได้พบความผิดปกติในช่วงวันที่ 1 พ.ย. 2566 ช่วงที่คาดว่าน้องโยะโกะเสียชีวิต ในช่วงเที่ยงเวลา 00.00.00 น. - 00.01.11 น. ยังคงปกติ



ทว่า หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดได้กระโดดข้ามช็อตไปที่เวลา 02.54.54 - 02.55.10 น. และจากช่วง 02.55.10 น. ก็กระโดดข้ามช็อตไปอีกที่เวลา 03.48.06 น. และจากนั้นกล้องวงจรปิดก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ จากคำชี้แจงของ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีน้องโยโกะ ช่วงหนึ่งระบุว่า ในที่เกิดเหตุเบื้องต้นของวันแรกไม่พบไซยาไนด์ มาพบวันหลังในตู้เซฟภายในห้องพัก และมีแม่ของน้องโยโกะมาร่วมตรวจสอบด้วย และพอมีการเปิดตู้เซฟก็พบไซยาไนด์บรรจุอยู่ในขวดขนาดเล็ก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บไปตรวจสอบ

โดยผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบเจอสารไซยาไนด์ในเลือดของผู้ตายประมาณ 1.26 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ทำให้เสียชีวิตได้ภายในภายเวลาไม่เกิน 30 นาที อีกทั้งพบว่าน้องเสียชีวิตอยู่บนเตียงมีผ้าห่มคลุมครึ่งตัว และมีลักษณะเป็นฟองอากาศสีขาวที่ปาก ตามที่สันนิษฐานของแพทย์น่าจะมีการกินยาเข้าไปด้วย

ด้าน นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยว่า ในการตรวจหาสารไซยาไนด์ในเลือด หากพบมีค่ามากกว่า 1 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ถือว่าเป็นการรับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งสามารถทำให้เสียชีวิตได้ โดยสารไซยาไนด์ทำให้ร่างกายขาดออกชิเจนระดับเซลล์ เมื่อมีการตรวจดูเซลล์ด้วยกล้องจุลทัศน์อย่างละเอียด จะพบว่าอวัยวะที่ไวต่อการขนาดออกซิเจนจะได้รับความเสียหาย เช่น สมอง และไต โดยสมองจะมีลักษณะบวม ส่วนไตจะมีลักษณะเซลล์ท่อไตตายหลายตำแหน่ง



ขณะที่อวัยวะอื่น เช่น ปอด หัวใจ ตับ และม้าม จะไม่พบความผิดปกติใดให้เห็นได้อย่างชัดเจนเว้นแต่การตรวจเป็นรายจุดอย่างละเอียดเช่นกัน ดังนั้น การที่ร่างกายได้รับสารไซยาไนด์เข้าไปจำนวนมาก จึงส่งผลทำให้อวัยวะหลายส่วนที่ไวต่อการขาดออกซิเจน ได้รับผลกระทบตามไปด้วยนั้นเอง

อย่างไรก็ตาม การตรวจวัดสารไซยาไนด์ในเลือดเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด ว่าเป็นการได้รับสารผ่านทางการ กิน สัมผัส หรือการสูดดม เนื่องจากมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ระยะเวลาที่สัมผัสกับสาร หรือปริมาณของสารไซยาไนด์ที่ได้รับ อาจส่งผลต่อระดับสารที่วัดค่าในเลือด ฉะนั้น จึงต้องนำไปรวมกับปัจจัยอื่น เช่น การตรวจที่เกิดเหตุเพื่อหาสารไซยาไนด์ในห้องหรือในที่เกิดเหตุ ว่าอยู่ในรูปแบบใด เช่น หากพบในลักษณะแคปซูล ก็อาจสันนิฐานได้ว่าเกิดจากการกลืนกิน และที่สำคัญการผ่านชันสูตรศพในการหาสารในเลือด และร่างกายจะใช้เวลาขั้นต่ำ 45-60 วัน เป็นขั้นต่ำอยู่แล้ว เพราะเป็นมาตราฐาน เป็นขั้นตอนในการตรวจของห้องปฏิบัติการ รวมถึงการตัดชั้นเนื้ออาจต้องใช้เวลาพอสมควร

ที่แรก! เปิดวงจรปิดดูพริตตี้ "โยโกะ" ถูกไซยาไนด์เจอนาทีกระตุก อึ้งร่างน่วมจับแฟนนอกใจ