รวบมือฆ่าเผานั่งยางหนุ่มขับโบลท์ฉุนโดนด่าไม่มีเงินจ่าย

จากกรณีฆ่าโหด เผานั่งยางนายธนาธิป แวดไธสง หรือโน่ อายุ 31 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ มีอาชีพขับรถรับส่งผู้โดยสาร ผ่านแอปพลิเคชั่น (Bolt) ในพื้นที่เมืองพัทยา แล้วนำศพไปเผานั่งยางในป่าทางขึ้นเขาวัดถ้ำประทุน จนกระทั่งตำรวจมีการติดตามตัวแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดจนรู้ตัวคนก่อเหตุ ทราบคือ นายธีรพรรดิ์ อายุ 23 ปี หรือวา กับนางสาวรมิตา หรือตา อายุ16 ปี และนางเอลีย่าห์ อายุ 51 ปี โดยมีการเข้าควบคุมตัวได้ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ก่อนที่จะคุมตัวส่งกลับมาสอบสวนในพื้นที่โรงพักที่เกิดเหตุ สภ. หนองปรือ จังหวัดชลบุรี นั้น

วันนี้ (16 ม.ค) ที่ สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี ภายหลังที่มีการคุมตัว 3 ผู้ต้องหาในคดีเผาเผานั่งยาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวแยกสอบปากคำ โดยแบ่งเป็นตัวของนายธีรพรรดิ์ หรือวา โดยมีการคุมสอบที่ห้องสอบสวนชั้น 2 ส่วนตัวของนางเอลีย่าห์ แม่ของนายวา แยกคุมสอบชั้นล่าง ขณะเดียวกันตัวของนางสาวรมิตา ได้มีการแยกสอบกรณีพิเศษ เพราะเนื่องจากเป็นเยาวชน โดยจะต้องมีญาติอยู่ด้วยระหว่างการสอบปากคำ

 

ซึ่งระหว่างที่มีการคุมตัว นางเอลีย่าห์ แม่ของนายวาไปสอบสวนนั้น ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามโดยเจ้าตัวตอบ สั้นๆ ว่า “ไม่ได้ทำ ไม่ได้ตั้งใจ ห้ามลูกแล้ว และฝากขอโทษ”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้มีการสอบถาม นายธีรพรรดิ์ หรือวา เจ้าตัวปฏิเสธ และเอาแต่ก้มหน้าเดินเงียบขึ้นไปที่ห้องสอบสวน แม้ว่าผู้สื่อข่าวจะพยายามสอบถาม และให้ตอบในหลายประเด็นก็ตาม แต่เจ้าตัวไม่ได้มีการตอบคำถามใดๆ

 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่องแปดตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมบริเวณหน้าวัดหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 12 ม.ค. เวลา 03.10น. จับภาพรถกระบะแต่งซิ่ง 2 มุม ขับเข้ามาส่งตัวของนายวาและนางสาวรมิตา ผู้ต้องหา ที่บริเวณศาลาริมทาง และขับออกไป

 

จากนั้น เวลา 03.29 น. มีภาพจากกล้องวงจรปิดภาพต่อ ซึ่งเห็นรถของคนตายขับมารับนายวาและนางสาวรมิตา หลังจากที่มีการเรียกผ่านแอปพลิเคชั่นโบลท์ ได้ขับเข้ามารับ 2 คนออกไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะถูกฆ่าตาย

ต่อมาจะเป็นภาพที่ผู้ต้องหาขับรถผู้เสียชีวิต และเกิดอุบัติตุชนกับรถมอเตอร์ไซค์

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นอีกจุด ที่ทราบว่าตัวของนายวาผู้ต้องหา มีการขับเข้าไปภายในซอยหนองใหญ่ในคืนวันที่ 13 ม.ค. เวลาจริง 03.10 น. จับภาพรถเก๋งของคนตาย ซึ่งมีนายวาเป็นคนขับ ขับมาที่ซอยดังกล่าวเพื่อที่จะขโมยยางรถยนต์มอเตอร์ไซค์ที่ไม่ใช้แล้วจากร้านซ่อมรถแห่งหนึ่ง จำนวน 4 เส้น เพื่อที่จะใช้ในการเผาหนังยาง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด 2 มุม จากภาพรถขับผ่าน หลังจากที่ขโมยยางเสร็จแล้วเพื่อมุ่งหน้าไปต่อที่ปั๊มน้ำมันเพื่อซื้อน้ำมันไปเผาอำพราง

 

ไทม์ไลน์ฆ่าหนุ่มรถรับจ้างเผานั่งยาง

 

วงจรปิดจับภาพรถคนตายขับขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดของทางด่วนพิเศษชลบุรี- กรุงเทพ ซึ่งจับภาพรถเก๋งของคนตาย โดยมีนายวาเป็นคนขับ มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเมื่อวันที่ 14 ม.ค. เวลา 03.43น. จับภาพรถของคนตายขับขึ้นทางด่วนเพื่อ เพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เอารถไปขายให้กับนายโบว์ ก่อนที่จะพากันหลบหนีมุ่งหน้าไปที่จังหวัดพิษณุโลก และถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา

 

คนรับซื้อรถจากนายวายืนยันไม่รู้ที่มาที่ไป รับซื้อเพราะถูกถูกติดต่อว่าจะให้ซ่อมรถให้ก่อนให้ช่วยขาย

วันเดียวกันนี้ ที่ สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี ยังได้มีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับซื้อรถของกลางจากนายวา ผู้ต้องหา  โดยพบว่ามีนายโบว์ เป็นคนกรุงเทพในพื้นที่เพชรเกษม ซึ่งรับรถจากนายวาหลังจากที่มีการก่อเหตุแทงและเผานั่งยางเสร็จ เจ้าตัวได้ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องในคดีว่ารู้เห็นมากน้อยเพียงใด เพราะเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บุกตรวจค้นที่บ้านในพื้นที่เพชรเกษม ปรากฏว่าเจอรถของกลาง จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวค่อนข้างอยู่ในอาการเครียดพอสมควร เพราะเนื่องจากอาจถูกดำเนินคดีในข้อหารับซื้อของโจร

นายโบว์ เผยว่า ตนเองได้รับการติดต่อจากนายวา ซึ่งอ้างว่าเห็นข้อมูลตนเองจากเพจ หรือกลุ่มแต่งรถ เพราะเนื่องจากตนเองมีลักษณะทำทุกอย่างจิปาถะเกี่ยวกับรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นซ่อม ทำสี ซื้อมาขายไป หรือแม้แต่จัดไฟแนนซ์ เงินด่วน ซึ่งตัวของนายวาได้มีการติดต่อผ่านช่องทางดังกล่าวมาหาตนเอง ช่วงประมาณวันที่ 12 ม.ค. ช่วงค่ำ โดยนายวาได้ทักมาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลจัดไฟแนนซ์เงินด่วน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังมีการตอบตกลงว่าจะมีการจัดไฟแนนซ์หรือจัดหาด่วนให้หรือไม่ อย่างไร

 

จนกระทั่งวันที่ 13 ม.ค. นายวาได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง แต่ได้มีการเปลี่ยนจากให้จัดหาไฟแนนซ์เงินด่วน กลายมาเป็นติดต่อหาที่ซ่อมรถ โดยอ้างว่ารถถูกชน ซึ่งตนเองก็ได้แนะนำให้นายวาเอารถมาให้ดู ที่เพชรเกษม กรุงเทพ แต่ก็ยังไม่ได้มีการสอบถามรายละเอียดอะไรมากนัก เพราะยังไม่เห็นสภาพรถว่าเสียหายหรือถูกชนมากน้อยแค่ไหน และตัวเองก็ไม่ได้สอบถามนายวาว่าไปทำอะไร หรือใครเข้ามาชน

วันที่ 14 ม.ค. นายวาได้เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้ามืดมืด และมาจอดคอยตนเองอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบริเวณปากซอยเพชรเกษท ซึ่งนายวาได้โทรหาตนเองหลังเวลา 08:00 น. ว่ามาถึงแล้ว ตนเองก็ได้เดินทางไปที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว ซึ่งเจอเพียงรถที่จอดอยู่ในปั๊มแต่ไม่เจอคน เข้าใจว่าอาจจะไปกินข้าวหรือไปพักผ่อนที่อื่น ตนเองจึงได้ติดต่อนายวากลับมาที่รถ ซึ่งเจ้าตัวก็เดินมาพร้อมกับแม่และแฟน จากนั้นก็ได้มีการประเมินและจดรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับการซ่อมรถ เพราะมีกันชนหน้าเสียหาย แต่ไม่ได้มีการเรียกประกัน เพราะนายวาต้องการที่จะซ่อมเอง โดยอ้างว่าคู่กรณีพร้อมจ่าย ตนเองจึงได้มีการประเมินราคาซ่อมทำสีอยู่ที่ 20,000 บาท ทั้งที่ตนเองรู้ว่ากันชนรุ่นดังกล่าวสามารถซื้อในตลาดได้เพียง 4500 บาท ส่วนต่างที่เหลือก็เท่ากับเป็นกำไร ตนเองก็จะได้กำไรจากการรับเป็นนายหน้า

หลังจากที่แจ้งยอดดังกล่าวไปแล้วนายวาก็ไม่ติดขัด เพราะอ้างว่ามีการติดต่อกับคู่กรณีแล้วพร้อมจ่าย ตนเองจึงตอบตกลงที่จะซ่อมรถให้ ตามมูลค่าที่ตกลงกันคือ 20,000 บาท หลังจากตกลงกันได้แล้ว นายวาก็เริ่มมีเปลี่ยนท่าที โดยบอกกับตนเองว่า หากซ่อมรถได้แล้วสามารถปล่อยขายได้หรือไม่ ซึ่งตนเองก็งงว่าสรุปแล้วต้องการซ่อมหรือขาย หรืออะไรกันแน่ เริ่มดูผิดแปลก จึงได้ตั้งคำถามและถามกับนายวาว่า “รถถูกต้องหรือไม่” พร้อมกับขอดูเอกสารเอกสารเกี่ยวกับคู่มือรถ แต่ในตอนนั้นนายวสอ้างว่า  “เป็นรถที่น้าเอามาจำนองเอาไว้ 50,000 บาท และน้ามีการผ่อนจ่ายดอก แต่ตอนนี้ต้องการขายเพราะเนื่องจากน้าผิดนัดจ่าย และเรื่องของเอกสารรถจะทยอยส่งมาให้ตามหลัง“ ตัวเองเห็นว่าตัวของนายวาก็มีที่มาที่ไปเกี่ยวกับรายละเอียด จึงได้ตอบตกลงว่าจะซ่อม และจะหาคนมาซื้อรถให้ นายวาและแม่ขอให้ไปส่งที่ท่ารถตู้บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ตนเองก็พาคนในรถไปส่ง ซึ่งอ้างว่าจะเดินทางกลับพัทยา แต่หลังจากนั้นตนเองพยามติดต่อเพื่อขอรายละเอียดรายละเอียดเกี่ยวกับรถและพยายามติดต่อกับนายวา แต่โทรไม่ติดและติดต่อไม่ได้ จึงเริ่มรู้สึกผิดแปลก

จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 15 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจากภาค2 และตำรวจสืบสวนหนองปรือและหนองใหญ่ ได้มาพร้อมกับอาวุธครบมือบุกมาที่บ้านของตนเอง พร้อมกับสั่งให้นั่งลงและตอบคำถามทีละประเด็น เกี่ยวกับรถที่อยู่ในการครอบครองของตนเอง ส่วนตัวจึงเล่ารายละเอียดให้ฟังทั้งหมดว่าได้รถมาอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีท่าทีที่ผ่อนคลายลง แต่ก็ยังมีการบันทึกตรวจยึดรถคันดังกล่าว พร้อมกับบอกว่าเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับคดีเผานั่งยาง ตอนนั้นตอนนั้นตนเองก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าข้อมูลที่นายวาและครอบครัวให้มานั้นจะเป็นข้อมูลที่ผิดหรือโกหก

ส่วนตัวหลังจากที่ได้รับรถคันดังกล่าวมา ก็พยายามตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับเอกสารในรถ และรวมถึงความเรียบร้อย ก่อนที่จะรู้ความจริงว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถคันที่มีการฆ่ากันตาย ซึ่งในวันนั้นมีของร่วงตกลงไปที่ใต้เบาะคนขับ ตนเองก้มมองลงไป เพื่อที่จะหยิบของ แต่ได้กลิ่นเหม็นคาวอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไรเพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของรถ จนกระทั่งมารู้ความจริง แต่ถึงขนาดนี้ส่วนตัวยอมรับว่าเครียดเพราะไม่คิดว่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับคดีแบบนี้ แต่ก็เดินทางมาเพื่อที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจกับพนักงานสอบสวน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่ตำรวจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ส่วนตัวก็ยืนยันตามข้อมูลที่ให้ไปคือไม่ทราบที่มาของรถ

และวันเดียวกันนี้ ภายหลังการสอบปากคำนายวา และแม่ของนายวา เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ได้มีการคุมตัวขึ้นรถตำรวจเพื่อที่จะนำไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ

 

ระหว่างที่คุมตัวนายวาออกจากห้องสอบสวนเพื่อที่จะขึ้นรถนั้น ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามในหลายประเด็น ทั้งเหตุแรงจูงใจ และการก่อเหตุ รวมถึงจะฝากขอโทษและฝากอะไรถึงครอบครัวคนตายหรือไม่ และสำนึกผิดไหม โดยตัวของนายวาไม่ได้มีการตอบคำถามใด แต่มีบางช่วงพยายามพยักหน้า ตามที่ผู้สื่อข่าวถามโดยเฉพาะประเด็นที่สำนึกผิดหรือไม่

 

หลังจากนั้นตำรวจได้คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกตำรวจพาไปจุดที่ทะเลาะกับคนตาย และก่อเหตุแทง ซึ่งการทำแผนดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้มีการสวมใส่ชุดพีพีอีให้กับนายวา แต่ไม่ได้มีการสวมหมวกกันน็อก และเจ้าตัวถูกใส่กุญแจมือตลอดเวลา และที่สำคัญการทำแผนนั้นไม่ได้มีญาติหรือชาวบ้านมามุงดู เพราะรีบพามาชี้จุดและทำแผนก่อนที่จะพาขึ้นรถ

โดยช่วงที่มีการพามาทำแผนบริเวณจุดที่ทะเลาะและแทงผู้เสียชีวิตนั้น ยังคงมีเลือดของคนตายติดอยู่ที่พื้นถนน โดยช่วงที่มีการทำแผนนั้น นายวายอมรับว่า มาจอดรถอยู่ที่ริมทาง จากนั้นทะเลาะกับคนตายเกี่ยวกับค่ารถ และคนตายได้มีการต่อว่า จึงได้ก่อเหตุโดยการแทง และตัวของผู้ตายเปิดประตูพุ่งลงมาจากรถ ตนเองจึงได้เข้ามากระหน่ำแทงซ้ำ ก่อนที่จะลากกลับขึ้นรถ และขับกลับออกไป

 

ทีมข่าวสังเกตว่า การทำแผนของนายวา มีการพูดจาวกไปวนมาและสับสนเกี่ยวกับพฤติการณ์ในการก่อเหตุ บางช่วงต้องใช้เวลาคิดนานพอสมควรพอสม กว่าจะตอบกลับตำรวจที่พามาทำแผน และพยายามคิดทบทวนเกี่ยวกับคำพูดของตัวเองว่าที่การหรือทำแผนไปนั้นถูกหรือไม่

จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ จุดที่มีการขโมยยางรถของชาวบ้าน ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถอยู่แถวซอยหนองใหญ่ โดยอู่รถดังกล่าวเป็นอู่รถที่เปิดซ่อมรถมอเตอร์ไซต์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ แล้วมักจะนำยางที่ไม่ใช้แล้วมารวมเอาไว้ เผื่อชาวบ้านจะนำไปใช้ประโยชน์อื่น และชาวบ้านส่วนใหญ่ก็มักจะมาขอไปใช้ประโยชน์  ซึ่งร้านดังกล่าวติดอยู่กับถนนภายในซอย ตอนกลางคืนไม่มีคนอยู่ร้าน จึงง่ายต่อการที่นายวาจะมาขโมยยางรถ

 

ซึ่งทันทีที่ไปถึงจุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้มีการคุมตัวลงจากรถและพาไปชี้จุดที่เป็นกองยางเก่าบริเวณหน้าร้านซ่อมรถ  จากนั้นให้มีการชี้ไปที่เส้นทางหลบหนี โดยเจ้าตัวบอกว่าหลังจากที่ขโมยเสร็จได้หลบหนีออกถนนสุขุมวิท เพื่อมุ่งหน้าต่อไปซื้อน้ำมันก่อนไปก่อเหตุอำพราง แต่ในขณะนั้นมีศพของคนตายนั่งอยู่ในรถด้วย ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง และเอายางรถ 4 เส้นใส่ทับที่เบาะด้านหลังที่มีร่างของคนตายนั่งอยู่

ช่างเอ เจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซต์ที่ถูกขโมยยางรถ เผยว่า ยางรถส่วนใหญ่เป็นยางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เวลาเปลี่ยนให้กับลูกค้าเสร็จตนเองก็จะเอารวมกองเอาไว้เอาไว้ ขึ้นอยู่กับว่าชาวบ้านจะมาขอหรือนำไปใช้ประโยชน์อื่น ตนเองก็ไม่เคยหวง เพราะเวลามีคนมาเอายางไปใช้ก็จะตะโกนบอก แต่ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยรู้เลยว่าการก่อเหตุของนายวาและพวก มาเอายางรถที่ร้านของตนเองไป ดูแต่ข่าว แต่มารู้ก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้ามาตอนเช้าบอกว่าจะมีการทำแผน ซึ่งตนเองก็ตกใจ ที่ยางรถของร้านตนเองกลายเป็นของที่ถูกใช้อำพราง แต่หลังจากนี้ก็คงจะไม่จัดเก็บอะไรคงกองเอาไว้เหมือนเดิม เพราะเข้าใจว่าชาวบ้านบางคนเอาไปใช้ประโยชน์ที่ดีกว่า

 

ช่วงหนึ่งที่มีการพาไปทำแผน ทีมข่าวช่อง 8 บันทึกภาพได้เพียงช่องเดียว ซึ่งเป็นวินาทีที่ตำรวจให้ธูปคนละหนึ่งดอก สำหรับนายวาและแม่ ให้ทั้งคู่ได้มีการจุดธูปขอขมาคนตาย โดยทั้งคู่ได้มีการปักธูปลงบนเศษเผายางในป่า

ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า อยากจะพูดหรือขอโทษหรือสำนึกผิดอะไรหรือไม่ โดยตัวของนายวาตอบว่า “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”

แม่ปล่อยโฮเพิ่งสำนึกได้ช่วยลูกเผานั่งยาง ขนลุกกราบกองขี้เถ้าหนุ่มขับโบลท์