จากกรณีโรงงานพลุระเบิด ที่ จ.สุพรรณบุรี คนงานเสียชีวิตกว่า 20 ราย

ทีมข่าวได้พบกับนายวัฒนา อายุ 33 ปี ซึ่งมีเครือเครือญาติทำงานอยู่ในโรงงานพลุดังกล่าวถึง 6 ราย และบ้านอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า

“ญาติของตนจำนวนหกคนทำงานอยู่ในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งญาติทั้งหมดหกคนเป็นญาติที่บ้านอยู่แถวบ้านของตนทั้งหมด และเป็นเครือญาตห่างๆ ซึ่งจำชื่อจริงของญาติทั้งหมดไม่ได้ แต่จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบมาแล้วนั้น พบว่ามีญาติของตนทั้งหกคนอยู่ในนั้น

 

ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนอยู่ภายในบ้าน ในที่เกิดเหตุเสียงระเบิดดังมาก และมีแรงสั่นสะเทือนจนทำให้หลอดไฟในบ้านของตนและกระจกแตก จึงได้ทราบทันทีว่าเป็นโรงงานแห่งนี้ระเบิดแน่นอน เพราะเมื่อปี 2565 โรงงานแห่งนี้เคยระเบิดแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่รุนแรงถึงขนาดครั้งนี้ หลังจากนั้นตนจึงรีบวิ่งมาดูบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่ามี กลุ่มควันสีดำจำนวนมากและยังมีเสียงระเบิดอยู่ในบริเวณดังกล่าว ตนจึงได้รีบวิ่งเข้าไปห้ามญาติของผู้บาดเจ็บคนอื่นที่กำลังวิ่งเข้าไปดูที่เกิดเหตุ ว่าไม่ให้เข้าไป

หลังจากนั้นจึงมองไปโดยรอบ ซึ่งมีเศษซากของโรงงานกระจัดกระจายและมีเศษร่างของมนุษย์อยู่เต็มพื้นที่โดยรอบไปหมด แต่ในส่วนที่มองว่าเป็นผู้เสียชีวิตนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดเลย เพราะมีรอยไหม้เกรียมแทบทุกราย โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนตกใจมาก และมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายราย ซึ่งส่วนตัวแล้วตนก็ไม่เคยเตือนญาติที่จะไปทำงานที่โรงงานดังกล่าวเนื่องจากก็เป็นอาชีพหนึ่งซึ่งคิดว่าไม่มีอันตรายถึงขั้นนี้”

 

ต่อมาทีมข่าวได้พบกับ น.ส.วราพร อายุ 28 ปี โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

“พี่สาวของตนชื่อ น.ส.น้ำฝน อายุ 29 ปี เป็นคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งปกติแล้วตนและพี่สาวเป็นคนอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อกลับจังหวัดสุพรรณบุรี แต่พี่สาวของตนได้มาทำงานที่โรงงานแห่งนี้เพราะได้มาอยู่กับสามีที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงกับโรงงานแห่งนี้

ในวันนี้ตนได้ทราบว่าเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะบ้านสามีของพี่สาวของตนนั้นอยู่ใกล้เคียงกับโรงงานแห่งนี้เพียง 500 เมตร ซึ่งหลังจากทราบตนก็ได้เดินทางมาบริเวณจุดเกิดเหตุทันที

โดยในช่วงแรก ตนได้ทราบว่าเกิดเหตุจากสามีของพี่สาวตนได้โทรมาบอก เพราะหลังจากเกิดเหตุสามีของพี่สาวของคนนั้นได้วิ่งไปที่โรงงานดังกล่าว และพบว่าไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย เมื่อตนมาถึงที่เกิดเหตุก็ยังพบว่า เศษซากของโรงงานระเบิดกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ไปหมด และยังมีเศษชิ้นเนื้อและร่างของมนุษย์กระจายอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่งแยกไม่ออกว่าเป็นผู้ใดเลย ตนเองนั้นได้เดินเข้าไปดูใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าร่างไหนเป็นร่างของพี่สาวของตน เพราะสภาพแต่ละร่างจะไหม้เกรียมแทบทุกร่าง และจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร

 

ทางด้าน นางนกน้อย อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นป้าของ น.ส.น้ำฝน 29 ปี ได้กล่าวทั้งน้ำตากับทีมข่าวว่า

“ตนรู้สึกรับไม่ได้และทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก หลานสาวของตนคนนี้ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อทราบเรื่องก็รีบตามมาที่เกิดเหตุโดยทันที และนั่งรอตั้งแต่ช่วงเย็นเพื่อหวังที่จะพบกับร่างของหลานสาว

หลานสาวของคนตนคนนี้ยังมีลูกชายอีกหนึ่งคน ซึ่งอยู่ในวัยกำลังโต พอมาเกิดเหตุการณ์นี้ก็ต้องทำให้กำพร้าแม่ จึงน่าสงสารมาก โดยในช่วงเช้าวันนี้ตนได้ไปหาหมอเพราะหมอนัดตนตรวจร่างกาย แต่ก็มาทราบข่าวร้ายในตอนบ่ายจึงรีบมาที่เกิดเหตุ โดยในตอนนี้ก็หวังว่าจะพบร่างของหลานสาวของตนในสภาพที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะได้นำบำเพ็ญกุศลต่อไป

บีบใจ! พลุบึ้มญาติ 6 ชีวิตหายวับกับตา กู้ภัยช็อกเศษเนื้อ 23 คน หล่นเต็มนาข้าว