ตั้งห้องชันสูตร 23 ศพ พิสูจน์อัตลักษณ์

หลังจากที่ทางเจ้าที่กู้ภัยได้เคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตมาที่วัดโรงช้างแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ ณ บริเวณด้านหลังของวัดโรงช้างให้เสมือนห้องชันสูตรชั่วคราว โดยมีการนำอุปกรณ์ที่มีอยู่ภายในห้องชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจมาติดตั้งที่วัดโรงช้าง เพื่อชันสูตรและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ซึ่งมีเจ้าที่กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ มาเป็นผู้ช่วยในการชันสูตรพลิกศพ นอกจากนี้ ทางมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพฯ ยังได้นำตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น ซึ่งเป็นอุณหภูมิติดลบ มาเพื่อช่วยรักษาสภาพศพด้วย



เบื้องต้น การชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ส่วนร่างที่สามารถชันสูตรพลิกศพ และพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ ทางเจ้าที่ก็จะนำส่งมอบคืนให้กับญาติผู้เสียชีวิตเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป แต่ถ้าหากร่างใดที่ยังไม่สามารถชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ จะต้องมีการนำส่งเข้าไปที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป ซึ่งในตอนนี้มีประมาณ 4-5 ราย

ในส่วนเรื่องการขอเก็บดีเอ็นเอญาติผู้เสียชีวิต เพื่อเปรียบเทียบกับร่างของผู้เสียชีวิตจะต้องรอผลประมาณ 1 อาทิตย์ โดยทาง พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงค์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ได้มีการกำชับและเน้นย้ำในเรื่องของการส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตคืนให้กับญาติว่าจะต้องไม่มีการผิดพลาดในเรื่องอัตลักษณ์

ในส่วนการชันสูตรพลิกศพวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ร่างได้ครบ 23 ราย โดยสภาพร่างแต่ละราย ชิ้นส่วนอวัยวะไม่ครบเนื่องจากถูกแรงระเบิด พร้อมกับเก็บชิ้นเนื้อได้เพิ่มอีกประมาณ 10 ถุง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตคนไหน



ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่วัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด โดยเผยว่า นอกจากการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่แล้ว ยังต้องรักษาสภาพที่เกิดเหตุด้วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปตรวจสอบสาเหตุการเกิดเหตุระเบิดให้ได้มากที่สุด และเป็นเรื่องที่ต้องละเอียดมาก ๆ เพราะไม่มีพยานบุคคลที่จะสามารถเล่าเหตุการณ์ได้ ต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น

เมื่อถามว่า เมื่อเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้วจะดำเนินการคดีอย่างไร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เผยว่า เบื้องต้นต้องดูว่าทางโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ซึ่งฝ่ายปกครองและตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบโรงงานนี้อยู่บ่อย แล้วก็โชคดีที่โรงงานนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชน ซึ่งรัศมีการระเบิดกว่า 5 กิโลเมตร หากอยู่ในเขตชุมชนจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ ย้ำว่าในส่วนของการดำเนินคดีทำเต็มที่อย่างแน่นอน ผิดก็ว่าไปตามผิด

อย่างไรก็ตาม โรงงานพลุแห่งนี้เคยเกิดเหตุระเบิด มาแล้วจำนวน 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565



พฐ. ตรวจจุดบึ้มสยอง 23 ศพ เจอหลุมระเบิด 23 หลุม

พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เปิดเผยว่า ในโรงงานจุดที่เกิดการระเบิดจุดแรก เป็นจุดที่บรรจุดินปืน (โซน D, C) โดยคนงานส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตรงนั้น จากการตรวจสอบพบหลุมเล็ก ๆ จำนวนมากในบริเวณนั้น และตรวจสอบฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นโรงผสมดินปืน (โซน B) พบหลุมขนาดใหญ่กว้าง 5.3 เมตร และลึก 1 เมตร คาดว่าประกายไฟจากการระเบิดในจุดแรกได้ลุกลามไปยังโรงผสมดินปืน จึงทำให้เกิดการระเบิดลูกที่ใหญ่ขึ้นตรงบริเวณนั้น



คาดว่าจุดโรงผสมดินปืน น่าจะมีดินปืนจำนวนมากอยู่ตรงนั้น ซึ่งรัศมีทำลายล้างประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทำให้คาดคะเนน้ำหนักระเบิดน่าจะประมาณ 500 กิโลกรัม จึงส่งผลให้เกิดความเสียหายทำโรงงานพังเสียหายทั้งหลัง ส่วนสาเหตุของการระเบิด โดยหลักการแล้วการระเบิดจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากสาเหตุ 2 อย่าง อย่างแรกเกิดจากการเสียดสี และอย่างที่สองเกิดจากประกายไฟ

ตั้งโรงชันสูตรหลังวัด แยกชิ้นเนื้อ 23 ร่าง หา DNA ตะลึงพลุบึ้มหนัก 500 กิโล