หลานลุงเปี๊ยก ยังไม่ขออโหสิตำรวจ เดินหน้าทวงความยุติธรรม

นางสาววิ หลานลุงเปี๊ยก หรือนายปัญญา สามีป้าบัวผัน บอกว่า จะสู้จะฟ้องไม่ยอมเพราะรู้สึกว่าลุงไม่ได้รับความเป็นธรรมและรู้สึกสงสาร ตอนนี้ลุงเสียสุขภาพจิตสุขภาพกายกับการที่ตำรวจกระทำแบบนั้น และแม่ของลุงเปี๊ยกก็ไม่ยอม ตำรวจมาทำแบบนี้กับคนของเรา

วันนี้เลยเธอทางมาเรียกร้องความเป็นธรรมและรู้สึกโกรธตำรวจมาก อย่ามาถาวว่าอโหสิกรรมให้ได้ไหม มันได้แต่ต้องใช้เวลา คนเราวัน 2 วันจะมาหายโกรธมันเป็นไปไม่ได้ และถ้ามาขอขมามาขอโทษยังตอบอะไรไม่ได้ ว่าจะให้อภัยไหม ตอนนี้ขอโทษสักคำก็ไม่มี

ส่วนกรณีที่แม่ของเชนโฟนอินเข้ารายการประมาณว่าจะไม่ช่วยลูก มายอมรับความจริงในรายการ ตนก็รู้สึกโอเคที่เขายอมรับว่าลูกเขาไม่ได้เป็นคนดี



ส่วนคลิปเสียงตนมองว่าเป็นเรื่องตลก เหมือนมาเล่าเรื่องตลกให้ฟัง เหมือนเอาอะไรหนังที่มันเกิดขึ้นแล้วมาพากย์ใหม่ เหมือนคิดว่าทำมาทีหลัง ไม่ใช่ของจริง และจากนี้ตนจะทำทุกทาง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะไปแจ้งความวันไหน ตอนไหนขอไปคุยกับที่บ้านก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับลุงเปี๊ยกเลย แกบำบัดสุราอยู่ตอนนี้ อีกอย่างแกก็ไม่มีโทรศัพท์และอยู่ในความดูแลเลยยังไม่ได้คุย และยืนยันว่าลุงไม่ได้ป่วยอะไร แค่ติดเหล้าเฉย ๆ และหลังจากที่ลุงได้คุยกับวินวินก็สบายใจมากขึ้น และต้องขอบคุณวินวินด้วย ที่ให้แกได้พูดได้เล่าความจริง รู้สึกปลอดภัย ไม่อย่างนั้นแกคงอึดอัด เพราะแกไว้ใจสนิทใจเล่าความจริงที่โดนกระทำทั้งโดนถอดเสื้อให้อยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ และโดนถุงดำคลุม จนทำให้แกโอเคขึ้นและทำให้คนอื่นได้รู้ว่าแกเจออะไรบ้าง

สุดท้ายนางสาววิบอกว่า การดำเนินคดีตนจะดำเนินคดีทั้งชุดในห้อง ซึ่งลุงเปี๊ยกแค้นมากที่มาทำแบบนี้โดยเฉพาะคนที่ขาเป๋ที่คลุมถุงดำบังคับคนขี้เมาให้ถอดเสื้อให้ยอมรับ ซึ่งยืนยันจะผิดดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และตำรวจชุดนี้เป็นเหมือนหมารังแกลุงเปี๊ยก ซึ่งไม่น่าจะเป็นตำรวจต่อทำกับคนไม่มีทางสู้ ก็คงเป็นหมาไม่น่ามาเป็นตำรวจ

ทนายษิทรา ยันพิสูจน์ได้ คลิปเสียงเกิดเวลาไหน

วันนี้จากกรณีคลิปเสียง ที่เป็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างชาย 2 คน ที่อ้างว่าเป็นเสียงนายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก อายุ 54 ปี สามี น.ส.บัวผัน หรือ ป้ากบ ที่เสียชีวิต โดยบทสนทนา พูดถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ใช้ถุงดำคลุมศีรษะ ซ้อม ล่ามโซ่ นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงที่เป็นระหว่างคนสองคน สอบถามถึงเหตุการณ์ ที่ลุงเปี๊ยก ระบุว่า ถูกคลุมถุงดำ และบังคับให้รับสารภาพ ตอนหนึ่งของบทสนทนาได้ระบุว่า เป็นการหยอกล้อของตำรวจชุดสืบสวน

โดยในวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในประเด็น การตรวจสอบคลิปเสียงที่มีการปล่อยออกมา ในเริ่องการทราบว่า “ลุงเปี๊ยก” ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดนั้น เมื่อเทียบกับของ ครูปรีชานั้น ต้องบอกว่า สามารถทำการเช็กได้ ไม่ว่าจากเครือข่ายมือถือ หรือโทรศัพท์ตัวเครื่องจริง ๆ ก็สามารถทำได้ แค่เพียงเจ้าของมือถือ หรือเจ้าของเบอร์บริสุทธิ์ใจ อนุญาตให้กระทำการดังกล่าว ยังไงก็สามารถรู้ความจริงว่าเสียงจากคลิป เกิดตอนไหน เวลาใด อย่างไร ไม่สามารถโกหกกันได้อยู่แล้ว ทางวิทยาศาสตร์

หรือแม้กระทั่งคลิปที่เป็นประเด็นว่าใครได้ก่อนหรือหลัง ก็ต้องมองว่าไม่ได้มีผลเพราะมันอยู่ที่ว่ารู้ก่อน แต่ทำอะไรหรือเปล่า และจนตอนนี้เมื่อมีการแจ้งว่าได้ก่อน มันก็มีคำถามตามว่า เมื่อรู้แล้วว่าเป็นเยาวชน และนำลุงเปี๊ยกไปทำแผนทำไม หรืออยู่ ๆ ก็มีการเร่งรีบทำคดีแต่ก็เป็นเรื่องปกติที่พอเป็นคดีแบบนี้ ก็อยากรีบปิด แต่มันเกิดความผิดพลาดมากมาย หรือการเอาถุงดำไปคลุมหัวเขาก็ไม่ควรทำ จะรีบปิดยังไงก็ต้องหาพยานแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้ชัดเจนก่อน อย่างกรณี สารวัตรโจ้ ที่เอาถุงดำไปคลุมผู้ต้องหาและเสียชีวิต ผลสุดท้ายตอนนี้ติดคุกกันหมด ก็อยากให้คำนึงสิ่งนี้ด้วย



และเมื่อการทำงานของตำรวจ มันคือความไม่เหมาะสม ทำให้ทุกคนตั้งคำถาม ว่ากำลังช่วยใครไหม หรือรู้มาก่อนหรือเปล่า ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ทำไมเมื่อทำแผนถึงเหมือนจับวาง ทำไมเอาเก้าอี้ ยัดใส่มือลุง และลุงรู้ว่าทำอะไรอย่างไร มันตั้งคำถามได้แน่นอน และยิ่งผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรงแบบนี้ แต่ก็ยังอยากมองในแง่ดีว่า ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น อาจแค่เป็นความผิดพลาดของการทำงานที่จะรีบปิดคดีก็ได้

หรือในประโยคที่ว่าเพราะลุงเปี๊ยกเป็นคนไม่มีค่า ไร้บ้าน ตำรวจเลยทำแบบนี้ และเหมือนติดคุกฟรี ก็ต้องบอกว่า ต้องยอมรับว่า การที่คนธรรมดา นามสกุลไม่ดัง ไม่มีบ้าน มักจะโดนกระทำอะไรบ้างอย่าง ที่บางคนอาจมองว่า ทำอะไรกับเขาก็ได้ หรือจะให้เขาไปทำแผน ยัดอะไรใส่มือก็ได้ เขาไม่มีอะไร มาต่อรองหรือต่อสู้ ยิ่งเป็นคนต่างจังหวัดไม่รู้กฏหมาย เขาบอกอะไรก็ทำหมด ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนี้ เพราะเมื่อความจริง ปรากฏ มันก็ทำให้ต้องมาสาวความกันต่อ และหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น

โดยในตอนนี้มีบิ๊กโจ๊กลงไป เพื่อเคลียร์ปมต่าง ๆ หรือแม้กระทั้ง ผบ.ตร. ต่อศักดิ์ ก็ต้องลงมาคลี่คลายให้กระจ่าง และลบคำถามจากประชาชน เพื่อให้ความเชื่อมั่นกลับมา ตนก็เชื่อว่า มันไม่มีอะไรจะไม่กระจ่างแล้ว เพราะหลักฐานจากกล้องก็บอกชัดเจนว่า เป็นเยาวชน 5 คนทำ

หรือในตอนนี้ที่มีการถกเถียงกันว่าควรเปลี่ยนกฏหมายเยาวชนไหม ในมุมของตนและตนเป็นหนึ่งคนที่รณรงค์เรื่องนี้ด้วยนั้น ตนมองว่า ควรเปลี่ยนให้รับโทษอย่างเหมาะสม เพรากฎหมายตอนนี้ เยาวชนทำผิดไม่ต้องติดคุก หรืออย่างมากกังชัง ตักเตือน เพียง 2 ปีก็ปล่อยออกมาแล้ว แต่ถ้ามองกันดีเยาวชนเรียนรู้เร็ว และการก่ออาชญากรรมจากเด็กเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นควรเปลี่ยนเพื่อตามโลกหรืออาจจะ ระบุโทษเป็นคดี ๆ ไป คดีที่ร้ายแรงก็อาจต้องลงโทษหนัก ติดคุกกี่ปีให้เหมือนผู้ใหญ่ ก็มาว่ากัน และในเรื่องของเยาวชนทำผิด ผู้ปกครองต้องมีความผิดด้วยนั้น ก็เหมาะสมแล้ว เพราะจะเป็นโทษทางแพ่ง แต่ถ้าจะมาเป็นโทษเทียบเท่าผู้กระทำความผิดนั้น ก็ไม่เหมาะสม เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้กระทำสิ่งนั้



จับพิรุธคลิปเสียงตำรวจ จิ้งหรีดร้องตอนเที่ยง

จากกรณีคลิปเสียงตำรวจที่กำลังเป็นประเด็นในเรื่องคดีป้าบัวผัน ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างตำรวจคุยกันเรื่องการจับผิดตัว นำลุงเปี๊ยกไปฝากขังแล้ว นั้น ปรากฏว่ามีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในคลิปเสียงนั้นได้ยินเสียงจิ้งหรีดอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ไทม์ไลน์ในการพูดคุยนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่าย จึงเป็นที่มาที่ทำให้โซเชียลสงสัยว่า คลิปนี้ถูกเซตขึ้นมานั่นเอง

อึ้งเสียงจิ้งหรีดโผล่ในคลิปเสียงตำรวจ "ตั้ม" เตือนระวังเกม หลานลุงเปี๊ยกจ่อฟ้อง