วันที่ 20 ม.ค. 2567 ที่สำนักสงฆ์วัดป่าหนองน้ำใส อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ได้มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลให้กับป้าบัวผันวันสุดท้าย ซึ่งนิมนต์พระมาทำพิธีบังสุกุลพร้อมกับเทศน์หนึ่งกัณฑ์ จากนั้นช่วงเวลาเวลาประมาณ 14.00 น. มีการให้ญาติของป้าบัวผัน นำโดยพี่สาวและคนในครอบครัว จุดธูปบริเวณหน้าโลงศพ เป็นการขอขมากรรมกับป้าบัวผันเป็นครั้งสุดท้าย
บรรยากาศในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่สาวของป้าบัวผันร้องไห้โฮออกมา ก่อนที่จะมีการปักธูป และพี่สาวป้าบัวผันพูดทำนองว่า "ขอให้น้องไปสู่สุคติ อย่าเป็นทุกข์ อย่าเจ็บ อย่าปวด ใครทำน้องก็ขอให้ได้รับโทษสูงที่สุด ฝากถึงญาติคนก่อเหตุ ไม่ต้องมาอีกแล้ว เพราะนี่ถือเป็นวินาทีสุดท้าย ส่วนตำรวจที่โดน ม.157 ก็ให้ว่าตามขั้นตอนของกฎหมาย และฝากถึงตำรวจให้คืนความยุติธรรมได้เสียที
ร่ำไห้ส่งวิญญาณบัวผัน ญาติวอนอย่ารังแกคนจน
จากนั้น ญาติพร้อมกับอาสากู้ภัยก็ได้มีการเคลื่อนร่างของป้าบัวผันออกจากโลงเย็น แล้วไปที่เมรุเพื่อเวียน 3 รอบ ซึ่งสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเพียง พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ให้รักษาราชการแทน ผกก.สภ.อรัญประเทศ เดินทางมาเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงคนเดียว และมีเพียงตำรวจ สภ.วัฒนานคร ที่คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
รวมถึงยังมีนายอำเภอวัฒนานคร และนายอำเภออรัญประเทศ ซึ่งเป็นประธานในพิธีแทน และสังเกตว่าภายในงานไม่ได้มีญาติของเยาวชนทั้ง 5 มาร่วมงานแต่อย่างใด ตามที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าพ่อของนายเชนจะเดินทางมาส่งเป็นครั้งสุดท้ายด้วย แต่จนกระทั่งพิธีเริ่มขึ้นก็ยังไม่ปรากฏตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายสอบสวนและสืบสวนในคดี ก็ไม่มีใครเดินทางมาร่วมงานเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีนางรำจากศาลพระสยามเทวาธิราช บริเวณด้านหน้าโรงพักอรัญประเทศ ซึ่งเป็นนางรำที่สนิทและรู้จักกับป้าบัวผัน ได้มารำภายในงานเพื่อส่งป้าบัวผันเป็นครั้งสุดท้าย รวมถึงมีกลุ่มนางรำประจำหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอวัฒนานคร ซึ่งก็เคยพบเห็นและเจอกับป้าบัวผัน แต่งชุดนางรำสีดำ มาร่วมรำให้ป้าบัวผันเช่นเดียวกัน
ด้าน ชีต้า นางรำประจำองค์พระสยามเทวาธิราช อรัญประเทศ ในฐานะคนรู้จักกับป้าบัวผันตอนที่ยังมีชีวิต เผยว่า ตนเองเป็นนางรำที่รำถวายอยู่ที่องค์พระสยามฯ และทุกครั้งที่ตนเองรำก็จะมีป้าบัวผันคอยเป็นเอฟซีและไปนั่งดูเกือบทุกครั้ง และในครั้งนี้เป็นวาระสุดท้ายของป้าบัวผันตนเองก็ตั้งใจมาช่วยและรำส่งป้าเป็นครั้งสุดท้าย และชุดที่ตัวเองสวมใส่มานั้นก็เป็นชุดที่ป้ามักจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก จึงได้แต่งชุดนี้มารำให้ป้าดู ส่วนตัวในฐานะที่รู้จักกับป้า ยอมรับว่าป้าเป็นคนน่ารัก และมักจะมีการหยอกล้อกับตนเอง บางครั้งเมาก็อาจจะมีบ้างที่อาจจะโวยวายแต่ก็ตามประสาของป้าบัวผัน ซึ่งก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับใคร
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการอ่านประวัติของป้าบัวผัน และกล่าวถึงวจีกรรมมโนกรรมเพื่อขอให้อโหสิกรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ดวงวิญญาณของป้าบัวผันไปสู่สุคติ ในระหว่างนั้น สังเกตว่าพี่สาวและคนในครอบครัวต่างก้มหน้าร้องไห้เสียใจด้วยอาการที่สงบนิ่ง ก่อนที่พิธีกรจะเชิญให้แขกที่มาร่วมงานร่วมยืนไว้อาลัย
ก่อนที่จะมีพิธีประชุมเพลิง ได้มีการอ่านบทกลอนกลอน ซึ่งพูดถึงตัวป้าบัวผันและรวมถึงเหตุการณ์ที่ถูกเยาวชน 5 คน ทำร้ายจนตาย โดยมีการอ่านผ่านเครื่องขยายเสียงภายในงาน ระบุว่า “จาก 12 มกรา เป็นวันที่ความจริงถูกเปิดเผย คนทำผิดรับความจริงไม่เฉยเมย จากที่เคยปิดบังเรื่องทำมา ขอขอบคุณณัฐดนัยอันดับแรก ที่ช่วยแยกความจริงให้เกิดขึ้น สื่อหลายช่องช่วยค้นหาซึ่งความจริง ทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตามคลองธรรม ขอขอบคุณรายการโหนกระแส ความจริงแท้ที่เกิดไม่ผิดหวัง กัน จอมพลัง สืบเต็มกำลัง ลุยพื้นที่อรัญไม่หวั่นใคร ทั้งยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยประกาศความยุติธรรมย้ำให้ได้ ความถูกต้อง ต้องเกิดตลอดไป ญาติถูกใจทุก ๆ ท่านที่ช่วยกัน ขอขอบคุณทุก ๆ สื่อช่วยกันรื้อ แม้ไม่ได้เอ่ยนามให้งามงด ขอจงโปรดให้รับรู้เราขอบคุณ ขอดวงจิตดวงวิญญาณป้ากบ ให้ประสบภพภูมิสุขสนอง บนสวรรค์ชั้นฟ้าอันเรืองรอง เกิดในที่ไม่เศร้าหมองตลอดไป ด้วยความรักอะไรยิ่งจากญาติพี่น้อง”
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติและชาวบ้านขึ้นร่วมวางดอกไม้จันทน์เพื่อส่งภาพบัวผันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สัปเหร่อจะให้พี่สาวป้าบัวผันพร้อมกับพี่เขย นำน้ำมะพร้าวไปล้างหน้าให้ป้าบัวผันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งระหว่างนั้นสังเกตว่า พี่สาวของป้าบัวผันและญาติได้ร้องไห้เสียใจ อยู่ข้างโลงศพ พร้อมพูดว่า “เขาเห็นเราเป็นแค่คนเร่ร่อนข้างถนน แต่เราก็มีค่า ไม่ต้องกังวลอะไร เดี๋ยวจะจัดการให้ ให้สื่อมวลชนจัดการให้ หมดทุกอย่างนั่นแหละ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำศพป้าบัวผันเข้าไปในเมรุเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
นางปราง พี่สาวของป้าบัวผัน กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นพิธีว่า เรื่องนี้ถ้าไม่มีสื่อมวลชน น้องสาวของตัวเองคงจะตายฟรี ลุงปัญญาก็ติดคุกฟรี เพราะตำรวจคงคิดว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา ป้าจึงไม่อยากให้ใครโดนเหมือนป้า ถ้าได้เจอเด็กกลุ่มนี้ ป้าอยากบอกให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ และป้ามองว่าการกระทำของเด็กไม่ใช่คน เปรียบเหมือนสัตว์ที่กระทำกับป้าบัวผันอย่างโหดเหี้ยม หากเป็นไปได้อยากให้เด็กที่ก่อเหตุติดคุกแบบผู้ใหญ่
ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติและคนในครอบครัวของป้าบัวผัน โดยนายณัฐดนัย นะราช ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจวางดอกไม้จันทน์แสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
ด้านนายบำรุง อายุ 62 ปี อดีตครูที่เคยสอนป้ากบก็ได้มาร่วมส่งป้าเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมเปิดใจกับทีมข่าวว่า สำหรับป้ากบเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน แต่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้เนื่องจากเขาสติไม่ค่อยดี แต่ป้ากบหรือเด็กหญิงบัวผันขณะนั้น เขาก็เป็นคนที่มีความมานะอดทน โดยเขาบอกกับตัวเองว่า อยากจะเป็นนักกีฬากระโดดเชือกของโรงเรียน ตอนแรกเขากระโดดเชือกไม่เป็นเลย กระทั่งเขาไปฝึกซ้อมจนสามารถเข้าร่วมแข่งขันกับเพื่อน ๆ ได้ ถึงเขาจะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศก็ตาม
วันนี้ ตัวเองก็อยากจะบอกป้ากบ ลูกศิษย์ของตัวเองว่า ให้ดวงวิญญาณของเขาไปสู่สุคติ แล้วตัวเองก็อยากขอบคุณผู้สื่อข่าวในช่อง 8 ขอบคุณ กัน จอมพลัง รายการโหนกระแส ที่ช่วยคลี่คลายคดีของป้ากบ