เปิดผังแก๊งป่วนอรัญฯ จี้ ตร. เอาผิด
จากกรณีเพจ Red Skull ได้โพสต์ภาพแฉเครือข่าย “แก๊งไอ้โก๊ะ” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีป้าบัวผัน และ “แก๊งตังค์ไม่ออก” เยาวชนในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบบางคนมีประวัติก่อเหตุหลายคดีและมีเครือข่ายมากกว่า 5 กลุ่ม
กระทั่งกรณีเหตุการณ์วานนี้ ที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอรัญประเทศ พร้อมด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งมีคนก่อเหตุควงปืนเข้าไปภายในโรงพยาบาล พร้อมกับข่มขู่และอ้างว่าจะให้เด็กแก๊งตังค์ไม่ออก มาอุ้มเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล หลังจากไม่พอใจที่ทางโรงพยาบาลที่ไม่ให้เข้าห้องฉุกเฉิน
ครอบครัวลุงหัวร้อน แจงไม่ได้ตั้งใจขู่เจ้าหน้าที่
วันนี้ (20 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลที่เกิดเหตุอีกครั้ง ได้คุยกับนายนิวส์ (นามสมมติ) การ์ดของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในฐานะคนในเหตุการณ์ที่ถูกข่มขู่อีกคน เผยว่า เหตุการณ์ในคืนนั้น ยืนยันว่ามีชายซึ่งคาดว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กที่ถูกยิงขาเจ็บ เข้ามาภายในโรงพยาบาล แล้วมีท่าทีไม่พอใจที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปภายในห้องฉุกเฉิน เพราะเนื่องจากอยู่ระหว่างการปฐมพยาบาลและเตรียมส่งผ่าตัดเอากระสุนปืนออก โดยชายคนดังกล่าวพยายามกดกริ่งและพยายามเปิดประตูเข้าไปด้านใน จนกระทั่งการ์ดของโรงพยาบาลต้องเข้ามาระงับเหตุ แต่ก็ถูกต่อว่าพร้อมกับหาเรื่อง
จากนั้นเจ้าตัวได้ขับรถวนออกไป และกลับมาอีกครั้งพร้อมอาวุธที่บริเวณเอว เจ้าหน้าที่เห็นว่าชายคนดังกล่าวมีอาวุธจึงพยายามที่จะป้องกันและให้ออกนอกพื้นที่โรงพยาบาล แต่ก็ถูกต่อว่าพร้อมกับข่มขู่ ทำนองว่า “จะให้กลุ่มเด็กหรือก๊วนเด็กตังค์ไม่ออก” อุ้มเจ้าหน้าที่ เพราะเนื่องจากกีดกันไม่ให้เข้าห้องฉุกเฉิน หลังจากที่ทราบเรื่องดังกล่าวและพยายามผูกโยงกับแก๊งเด็กเยาวชนที่ก่อเหตุกับป้าบัวผัน จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายตรวจเข้ามาโดยด่วน หลังจากที่ตำรวจเข้ามาก็ไม่ได้ตรวจค้นอะไร โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่มีหน้าที่ในการตรวจค้น ทั้งที่ทราบว่าภายในตัวมีปืน
และในวันนี้เด็กที่ถูกยิงขา หมออนุญาตให้ออกโรงพยาบาลได้ โดยเข้าใจว่าตัวของชายคนที่ก่อเหตุและภรรยาไม่ได้มารับลูกออกจากโรงพยาบาลเอง มีการส่งญาติคนอื่นมารับออกไปแทน เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีการเผยแพร่ข่าว พร้อมกับภาพกล้องวงจรปิดและการก่อเหตุ จึงเชื่อว่าเจ้าตัวไม่กล้าที่จะมาโรงพยาบาล ประกอบกับรายงานของชุดสืบสวน เดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวก็พบว่าเจ้าตัวหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว
และภายหลังให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวยังได้รับภาพของนายหนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นชายที่บุกเข้าไปภายในโรงพยาบาลและมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ โดยทีมข่าวได้รับภาพนิ่งซึ่งเป็นภาพใบหน้าที่ภาพจากกล้องวงจรปิด ด้านหน้าโรงพยาบาลจับภาพได้ โดยเจ้าตัวย้อมผมสีทอง ลักษณะอวบ
แล้ววันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ซอยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตลาดอรัญประเทศ ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านของนายหนึ่งคนก่อเหตุ ทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงได้เจอกับน้องชายของนายหนึ่ง
นายนิด (นามสมมติ) น้องชายคนที่ถูกกล่าวหาข่มขู่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เผยว่า เหตุการณ์ในคืนนั้นตนเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากได้ยินเสียงปืนก็ได้เข้าไปดูเหตุการณ์ จึงทราบว่าหลานสาวถูกอาวุธปืนในมือของนายหนึ่ง ลั่นใส่ขาจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บ โดยตัวของนายหนึ่งอยู่ในอาการมึนเมา แต่เอาปืนออกมาเล่นจนกระทั่งลั่นไปโดนฝาบ้านที่เป็นปูน แล้วกระเด้งไปโดนที่ขาของลูก เจ้าตัวจึงได้ให้พากันส่งโรงพยาบาล
และตอนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งยืนยันว่าตัวของนายหนึ่งอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อย ก็มีการพูดคุยกระทบกระทั่งบ้าง เพราะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ให้ออกจากโรงพยาบาล ทำให้เจ้าตัวมีอารมณ์ฉุนเฉียว เนื่องจากไปดูอาการของลูกไม่ได้ จึงได้มีการพูดกระทบกระทั่งกับทางเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมออกไป
จังหวะที่ขับรถออกไปนั้นก็เข้าใจว่ามีการตะโกนด่าเล็กน้อย แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีประโยคใดเป็นการข่มขู่หรือหาเรื่องเจ้าหน้าที่ และยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องประเด็นเด็กแก๊งตังค์ไม่ออก ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีคนได้ยินประโยคดังกล่าว แล้วเอามาผูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะครอบครัวของตนเองไม่มีใครรู้จัก หรือไปยุ่งเกี่ยวกับแก๊งค์เด็กอันธพาลแบบนั้น เพราะทุกวันนี้ก็ดูข่าวอยู่เหมือนกัน ไม่ชอบสิ่งที่เด็กกระทำจนกระทั่งทำให้อรัญประเทศเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวในฐานะครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหา ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้รู้จักกับกลุ่มเด็กเหล่านั้น และไม่อยากรู้จัก แต่ส่วนเรื่องของการที่ถูกเข้าใจผิดก็พร้อมที่จะไปชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเข้าใจว่ามีการแจ้งความไปแล้ว แต่เบื้องต้นตอนนี้นายหนึ่งออกไปทำธุระข้างนอกไม่อยู่ในพื้นที่ หากตำรวจมีการเรียกให้ไปพบก็จะติดต่อให้เจ้าตัวไปทันที และเรื่องของอาวุธปืนนั้น ยืนยันว่า ตัวของนายหนึ่งพี่ชายไม่ได้มาเอาปืนที่บ้านไปที่โรงพยาบาล เพราะเป็นปืนมีทะเบียนต้องเก็บเอาไว้ที่บ้านเท่านั้น และที่สำคัญในคืนดังกล่าวได้มีการถกเสื้อให้ตำรวจดูแล้ว ว่าไม่ได้มีปืนอยู่ที่เอวตามที่ถูกกล่าวหา