วันที่ 21 ม.ค. 2567 เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิท่าข้าม ได้รับรายงานว่า พบศพชายชาวเมียนมา ไม่ทราบอายุ ถูกฆาตกรรมแล้วหั่นศพเป็นชิ้นๆ แช่ในตู้เย็น ในชั้น 4 ของอาคารหลังหนึ่งในซอยสะแกงาม 35/3 แยก10 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
โดยเพื่อนของผู้ตายให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายและเพื่อนรวม 5 คน มาให้นายจ้างที่เป็นลูกครึ่งเมียนมา-อินเดีย หางานให้ ซึ่งเพื่อน 4 คนได้งานหมดแล้ว ยกเว้นผู้ตาย ต่อมานายจ้างได้ส่งเพื่อนทั้ง 5 คนไปทำงาน เหลือเพียงผู้ตายที่ยังอยู่บ้านหลังเกิดเหตุ
ต่อมาเพื่อนติดต่อผู้ตายและนายจ้างได้ครั้งสุดท้าย คือ วันศุกร์ที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีก วันนี้เพื่อนทั้งหมดจึงเข้ามาตามหาผู้ตายในบ้านหลังเกิดเหตุ เมื่อมาถึงพบว่าไม่สามารถเปิดประตูเข้ามาได้ จึงติดต่อไปหาเจ้าของตึก ด้านเจ้าของตึกจึงให้งัดเข้าไปจนพบว่าเพื่อนเป็นศพในตู้เย็น หลังจากเพื่อนผู้ตายเข้ามาที่บ้านหลังเกิดเหตุ พบว่ารถ MG สีแดงของนายจ้างหายไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงคาดว่าหนีไปแล้ว และเพื่อนผู้ตายเชื่อว่าอาจเป็นผู้ก่อเหตุ
ต่อมาเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเลื่อยไฟฟ้า อยู่ใต้เตียงนอนของห้องที่เกิดเหตุ
นายณัชพล เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในที่เกิดเหตุเปิดเผยว่า เบื้องต้นตนได้รับรายงานว่าเป็นชาวเมียนมา คาดว่าอาจจะเสียชีวิตมาประมาณ 1-2 วัน โดยสภาพศพเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ถูกตัดเป็น 6 ชิ้น หัว 1 ชิ้น, ขาตั้งแต่หัวเข่าลงไป 2 ข้าง, แขนตั้งแต่หัวไหล่ 2 ข้าง, ลำตัว แช่ไว้อยู่ในตู้เย็นลักษณะเป็นตู้แช่ไอศครีม ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน มีการตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 13 องศา จึงไม่มีกลิ่นเหม็น แต่พบผ้าเช็ดเลือดในถังขยะภายในบ้าน และภายในห้องก็ค่อนข้างสะอาด ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แต่มีคราบเลือดในห้องน้ำ โดยพบอาวุธที่คาดว่าอาจจะใช้ก่อเหตุคือเลื่อยไฟฟ้าอยู่ภายในห้อง
ไทม์ไลน์หนุ่มชาวเมียนมา ก่อนถูกพบเป็นศพถูกหั่น
13 ม.ค.67 นายยาว ผู้เสียชีวิตและเพื่อนรวม 5 คน มาพักกับนายจ้างเพื่อช่วยให้หางาน
18 ม.ค.67 เพื่อน 4 คนออกไปทำงานกันหมด เหลือแค่นายยาว ผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้งานและยังพักอยู่ที่บ้านเช่าเพียงคนเดียว
19 ม.ค.67 เพื่อนติดต่อนายยาวผู้เสียชีวิต และนายจ้างได้ครั้งสุดท้าย
21 ม.ค.67 พบศพนายยาว ผู้เสียชีวิต ถูกหั่นแช่ตู้เย็น และนายจ้างหายตัวไป
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ดล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม
กล้องตัวที่ 1 เวลา 14.41.53 จับภาพ รถ MG ต้องสงสัย ขับเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ
ต่อมาเวลาประมาณ 15.02 น. เห็นรถคันเดิมอยู่แถวที่เกิดเหตุซึ่งคือบ้านพัก
เวลา 19.22 น. จับภาพรถต้องสงสัย ขับเข้าไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ
และอีกคลิปเวลา 21.24 น. กล้องวงจรปิดจับภาพรถต้องสงสัยขับออกจากจุดเกิดเหตุ
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้กล้องวงจรปิดรถต้องสงสัย ซึ่งเป็นกระบะสีขาว มีการบรรทุกอะไรบางอย่างไว้ท้ายกระบะ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตู้เย็นสำหรับใส่ศพ
กล้องวงจรปิดเวลา 19.25 น. ของวันที่ 19 มกราคม จับภาพรถคันดังกล่าวขับเข้าไปบริเวณใกล้ซอยที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะมีการไปวนเข้าบ้านหลังเกิดเหตุในภายหลัง
วงจรปิดเวลาประมาณ 19.32 น. จับภาพรถกระบะขาวที่คาดว่าขนตู้เย็น มีการจอดกระพริบไฟรอที่หน้าปากซอย
กล้องอีกตัวเวลาประมาณ 19.35 น. จับภาพรถ MG สีแดง ขับวนเวียนแถวซอยจุดเกิดเหตุและซอยข้างๆ
ต่อมาเวลา 19.59 น. รถยนต์ MG ต้องสงสัยเข้ามาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุแล้ว เป็นการถอยหลังเข้าไปจอด
เวลา 21.45 น. รถต้องสงสัยขับออกจากจุดเกิดเหตุและไม่กลับเข้ามาอีกเลย
ด้านนายสยาม อายุ 47 ปี เพื่อนบ้านตรงข้ามที่เกิดเหตุ ยืนยันกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ตัวเองเห็นรถกระบะคันสีขาว บรรทุกอะไรบางอย่างอยู่ท้ายกระบะ แล้วมาจอดที่บ้านหลังเกิดเหตุ คาดว่าน่าจะนำตู้เย็นที่ใช้ใส่ศพมาให้กับผู้ก่อเหตุ แต่ตัวเองแค่มองผ่านๆ จึงไม่ได้เห็นอะไรมากนัก
ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากจุดเกิดเหตุก็อยู่ตรงข้ามบ้านของตัวเอง หากถามว่าบ้านหลังดังกล่าวมีเสียงทะเลาะหรือเอะอะโวยวายหรือไม่นั้น ตัวเองก็ไม่ได้ยิน
ขณะที่นายบี (นามสมมุติ) เผยว่า ตนสังเกตเห็นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณเที่ยง มีรถ MG สีแดง ซึ่งเป็นของนายจ้างชายชาวเมียนมาขับเข้ามาในบ้านหลังเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงรถลากไปกับพื้นถนนคล้ายกับบรรทุกของหนักเข้ามา ตนจึงออกมาดู พบรถสีแดงของนายจ้างคนนี้ พยายามถอยรถขึ้นไปบนบ้านที่เกิดเหตุ พยายามถอยอยู่นานกว่าจะขึ้นบ้านได้ ตอนที่เห็นมา 2 คน คือคนขับ และคนดูท้ายรถ จากการสังเกตเห็นคาดว่าน่าจะเป็นชาวอินเดีย ซึ่งปกติรถคันนี้จะไม่ถอยขึ้นบ้าน ปกติถ้ามาจะจอดไว้เฉยๆ ส่วนตอนยกของลงตนไม่เห็น
ส่วนบ้านหลังนี้ คนเหล่านี้เพิ่งมาอยู่ได้เพียง 1 อาทิตย์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีเสียงทะเลาะกัน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพล อายุ 56 ปี เจ้าของตึกที่เกิดเหตุบอกกับผู้สื่อข่าวว่า นายหน้าชาวอินเดียนั้นทีแรกติดต่อตนมา บอกว่าจะมาขายข้าวที่ตึกของตน และมีการเอาใบจดสิทธิบัตรให้ดู ตนจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นคนขายข้าวชาวอินเดีย
ที่ผ่านมา นายหน้ารายนี้ไม่เคยบอกตนมาก่อนเลยว่า ที่แท้จริงแล้วเป็นนายหน้าจัดหางานให้กับคนต่างด้าว แล้วมาเช่าตึกของตน ตนมาทราบเรื่องราวจากผู้สื่อข่าว ซึ่งตนทราบข่าวว่ามีคนเสียชีวิตในตึกตอนที่เพื่อนของผู้เสียชีวิตโทรศัพท์มาบอกว่าจะขึ้นไปหาผู้เสียชีวิตบนตึก ตนจึงบอกว่าให้งัดประตูเข้าไป หลังจากนั้นก็พบศพของผู้เสียชีวิตอยู่ในตู้เย็น ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนนายหน้าชาวอินเดียนั้นทำสัญญาเช่าตึกกับตน 1 ปี จ่ายเงินมาให้ 33,000 บาท หลังจากที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่ตึกของตน ตนเองก็ไม่สามารถติดต่อนายหน้าชาวอินเดียรายนี้ได้อีกเลย
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังพื้นที่ของ บกน.9 ได้รับแจ้งเหตุ พบศพถูกแช่อยู่ในตู้แช่ใหม่เอี่ยม และกล่องเลื่อยที่เพิ่งซื้อมาด้วย เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลบ้านเช่าหลังนี้ พบชาวอินเดียซึ่งเป็นคนจัดหางาน มาเช่าตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีชาวเมียนมาทั้ง 5 คนมาเข้าพัก เพื่อรอส่งไปทำงาน
โดยเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ชาวเมียนมา 4 คนแรก ได้ออกไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังมีอีก 1 คนที่เหลือซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตยังไม่ได้งาน จนกระทั่งวันนี้เพื่อนชาวเมียนมาล็อตแรกจะเข้ามาเอากระเป๋าที่บ้าน แต่ปรากฏว่าเข้าบ้านไม่ได้ จึงไปขอกุญแจมางัดประตูบ้านให้ แต่พองัดเข้าไปกลับพบศพเพื่อนถูกแช่แข็ง
เบื้องต้นยังต้องขอรอสอบปากคำพยานทั้ง 4 ปากให้เรียบร้อยก่อน เนื่องจากสภาพศพมีร่องรอยคล้ายถูกเลื่อยไฟฟ้าตัดแขนทั้ง 2 ข้าง และมีบาดแผลอยู่ที่หน้าท้องและเข่า เชื่อว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีเหตุทะเลาะวิวาทกับนายจ้างกับชาวอินเดีย เนื่องจากพบร่องรอยการต่อสู้บริเวณห้องนอน ห้องน้ำ และจุดเกิดเหตุ โดยฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างไล่เลียงข้อมูลทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และในส่วนของชาวเมียนมาเข้ามาในเมืองถูกกฎหมายหรือไม่