เปิดใจพ่อบิ๊ก ลูกถูกบังคับอุ้มบัวผันทิ้งน้ำ
ด้านนายปอน (นามสมมติ) พ่อของนายบิ๊ก เผยว่า หลังจากที่ลูกชายถูกจับและตนเองได้มีโอกาสไปเยี่ยมที่สถานพินิจ ก่อนที่จะมีการส่งตัวแยกไปตามสถานสถานที่ต่างๆ ตนเองได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับลูกชาย ซึ่งวันแรกที่เจอกันหลังเข้าสถานพินิจ ลูกชายคุกเข่าร้องไห้พร้อมกับขอโทษตนเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลูกชายจะไปร่วมก่อเหตุทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ในวันที่ตนเองรู้ความจริงวันแรกก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน ที่ลูกชายไปก่อเหตุกับผู้หญิง และตนเองได้มีการสอบถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ไปร่วมกระทำผิด ลูกชายบอกว่า ไม่คิดว่าเพื่อนจะไปทำร้ายคนแก่ แต่หลังจากที่มีการทำร้ายคนแก่แล้ว ถูกเพื่อนบังคับให้ช่วยอุ้มขึ้นรถ ซึ่งลูกชายก็ไปช่วยอุ้มคิดว่าเขาจะพาป้าบัวผันไปส่งโรงพยาบาล ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะพาไปที่บ่อน้ำ และลูกชายก็ได้ให้การกับสหวิชาชีพและต่อหน้าอัยการ ยืนยันว่ามีการห้ามเพื่อนไม่ให้กระทำผิดโยนร่างของป้าบัวผันลงน้ำ แต่เพื่อนก็ยังมีการกระทำผิด ทั้งที่ลูกชายพยายามห้ามปรามแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองในฐานะครอบครัวของคนก่อเหตุก็ต้องได้แต่พูดกับสังคมว่าขอโทษ และฝากขอโทษไปยังครอบครัวของป้าบัวผัน ซึ่งในวันที่แม่ของนายเชนและญาติญาติของกัสฝากซองไปร่วมทำบุญก่อนวันฌาปนกิจศพป้าบัวผัน ครอบครัวของตนเองไม่ทราบมาก่อนว่ามีการเข้าไปมอบเงินช่วยงานศพ ซึ่งตอนแรกยายของบิ๊กก็ยังเตรียมที่จะไปช่วยงานหรือเอาเงินไปให้เขาเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าทางครอบครัวของเชนและกัสจะเข้าไปก่อน และตนเองก็เพิ่งมารู้หลังจากที่ออกข่าวไปคืนก่อนว่า มีครอบครัวของกัสและเชนเข้าไปแล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่านางปราง พี่สาวของป้าบัวผันจะประกาศชัดเจนว่าหลังจากจบงานศพแล้วไม่ต้องไปขอขมาหรือขออโหสิกรรม และไม่ต้องเอาเงินช่วยเหลืออะไรไปให้ แต่ส่วนตัวในฐานะที่เป็นครอบครัวของฝั่งบิ๊ก ก็ยืนยันว่ายายจะเดินทางไป แต่รอเวลาที่เหมาะสมก่อน ซึ่งเขาจะรับหรือไม่รับ เราก็บริสุทธ์ใจที่จะนำไปมอบให้เพื่อที่จะแสดงถึงความรับผิดชอบที่ลูกไปก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ตำรวจมีการเรียกสอบผู้ปกครอง ซึ่งก็มีตนเองในฐานะผู้ปกครองของบิ๊กที่เข้าไปให้การกับตำรวจเกี่ยวกับการดูแลลูกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก หากตนเองมีส่วนกระทำผิดหรือปล่อยปล่อยปละละเลยก็ต้องรับโทษตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะถือว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ตนเองดูแลลูกไม่ดี ฉะนั้นเมื่อกฎหมายเอาผิดผู้ปกครองก็ต้องน้อมรับ
ชาวบ้านสาปส่ง แก๊งทรชนถูกจับขังคุก
นายกล้วย เผยว่า เหตุการณ์ของตนเองเกิดขึ้นปีเศษๆ ซึ่งขับรถกำลังจะไปทำงาน แต่ไปเจอกับกลุ่มแก๊งของนายโก๊ะขับรถสวนทางมา พร้อมกับมีการตะโกนหาเรื่อง เข้ามาใช้อาวุธมีดไล่ฟันตนเอง แต่โชคดีเหตุการณ์ครั้งนั้นสามารถวิ่งหลบคมมีดได้จึงไม่ได้รับอันตราย แต่ก็ค่อนข้างหวาดกลัวพอสมควร เพราะเนื่องจากตัวของนายโก๊ะมักจะขับรถแล้วหาเรื่องวัยรุ่นไปทั่วที่ไม่ใช่กลุ่มของตัวเอง
โดยทุกครั้งที่ขับรถผ่านหน้าวัยรุ่นก็จะมองหน้า จากนั้นก็จะมีการตะโกนท้าทาย แต่จะไม่มีเรื่องทันที เจ้าตัวจะไปค้นหา Facebook ของคนที่ขับผ่าน จากนั้นจะมีการเข้ามาหาเรื่องใน Facebook ต่อ ซึ่งหากใครไม่ตอบหรือไปมีเรื่องกับเจ้าตัวก็อาจถูกบุกมาปาระเบิดถึงหน้าบ้าน หรือไม่ก็มีการโพสต์ด่าทำนองว่ากระจอก
และเหตุการณ์เมื่อช่วงวันลอยกระทงที่ผ่านมา เพื่อนของตนเองก็เพิ่งถูกนายโก๊ะใช้อาวุธปืนยิงจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่กระสุนปืนเพียงแค่ถากขา ไม่ได้เข้าอย่างจัง โดยหลังจากที่ถูกนายโก๊ะไล่ยิงเพียงเพราะไปเที่ยวงานวันลอยกระทงโดยที่ไม่ได้มีเรื่องหรือเป็นอริอะไรกัน ทุกวันนี้เพื่อนก็ต้องหนีออกนอกพื้นที่ไปอยู่ที่อื่นเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
แต่ในวันนี้ ตนเองทราบว่าตัวของนายโก๊ะและพวกถูกจับแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ตนเองใช้ชีวิตได้สบายมากขึ้น ไม่ต้องขับรถอย่างหวาดระแวง หรือจะต้องมาคอยกังวลว่าจะเจอกับพวกของนายโก๊ะอีกหรือไม่ และกรณีที่มีวัยรุ่นออกมาโยงประเด็นว่า กลุ่มของนายโก๊ะซึ่งอ้างว่าเป็นกลุ่มลูกของตำรวจ ไม่ใช่พวกเดียวกันกับกลุ่มแก๊งตังค์ไม่ออก ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตัวของนายโก๊ะอยู่ทั้งสองกลุ่มจึงมีความเชื่อมโยงกัน
แก๊งตังค์ไม่ออกโพสต์เย้ย “กัน” ท้าให้ปราบ
กรณีที่มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความถึง “กัน จอมพลัง” ทำนองเยาะเย้ยว่า “ทำได้จริงเปล่าพี่” และติดสติกเกอร์หัวเราะนั้น
ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปในพื้นที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ของชายคนดังกล่าวที่มีการโพสต์ Facebook แต่หลังจากที่มีการติดตามข้อมูลและตรวจสอบจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ของอำเภอโคกสูง ยังไม่มีใครยืนยันข้อมูลของชายคนดังกล่าวได้ และล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่ามีการปิดเฟซบุ๊กหนีไปแล้ว
แต่ก่อนที่จะมีการปิดเฟซหนี เจ้าตัวได้มีการส่งข้อความไปขอโทษ และส่งไปชี้แจงกับทางเพจ “อีซอขยี้ข่าว” ทำนองว่า “ขอโทษครับพี่ ผมแค่โพสต์เล่น ไม่ได้มีเจตนาท้า” จากนั้นทางด้านของเพจอีซ้อฯ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความหลังจากที่เด็กได้มีการติดต่อมายังเพจ และมีการลบโพสต์ต้นเรื่องออกไป ระบุว่า “ล่าสุด น้องขอโทษแหละ บอกไม่ได้ท้าทาย โพสต์เล่นๆ ไม่คิดว่าจะบานปลาย โอเค คุณกัน บอกให้อภัย แต่เดี๋ยวไปบ้านเด็กคนอื่นแทน...”
โดยทีมข่าวได้ตรวจสอบไปยัง กันจอมพลัง เบื้องต้นเจ้าตัวไม่ปักใจเชื่อว่าเยาวชนในพื้นที่อำเภออรัญประเทศจะมีการโพสต์ล้อเล่น ซึ่งทุกอย่างได้มีการรวบรวมหลักฐาน และพร้อมที่จะให้ตำรวจในพื้นที่แต่ละพื้นที่เรียกมาตรวจสอบและสอบปากคำ หากเชื่อมโยงการกระทำผิดพร้อมที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถือว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนที่โพสต์ปืนและรวมถึงเยาวชนที่โพสต์ท้าทาย
อดีตแก๊งตังค์ไม่ออกแฉ หัวโจกหนีไปเขมร
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้คุยกับนายโจโจ้ (นามสมมติ) อดีตคนในแก๊งตังค์ไม่ออก เปิดใจว่า เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ตนเองเป็นหนึ่งในคนที่อยู่แก๊งตังค์ไม่ออก ซึ่งตอนที่มีการรวมกลุ่มกันในสมัยนั้น ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มวัยรุ่นที่มักจะมานั่งกินน้ำกระท่อมและพูดคุยกัน แต่ไม่ได้มีนิสัยเหมือนเช่นตอนนี้ ตอนนั้นไม่เคยหาเรื่องหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน มีแต่รวมกลุ่มกันและพูดคุยกันตามประสาเด็ก เนื่องจากคนในกลุ่มส่วนใหญ่อายุเพียง 14-15 ปีเอง
แต่ช่วงหลังเข้าใจว่ามีการเปลี่ยนรุ่น และมีนายวิน ซึ่งขึ้นมาเป็นประธานของกลุ่ม อาจพากันไปทำผิดโดยการสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน และที่สำคัญยังพบวีรกรรมที่ไปก่อเหตุถึงขั้นมีคนตาย ซึ่งเหตุการณ์รุนแรงที่สุดที่ตนเองรับไม่ได้ก็คือ ไปไล่ฟันคนอื่นก่อนที่จะมีการอุ้มร่างไปโยนทิ้งน้ำ ตามที่กันจอมพลังได้มีการออกมาแฉวีรกรรมของกลุ่ม จนทำให้เสียหาย
แล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ไม่ว่าจะเป็นการปาระเบิด หรือไล่ฟันไล่แทงกัน ซึ่งก็เป็นพฤติกรรมที่ตนเองบอกว่าไม่เหมาะสม
และที่สำคัญการเข้ามาอยู่ในกลุ่ ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีแนวทางหรือวิธีการใดๆ ใครจะเข้าจะออกจากกลุ่มก็ได้ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร แต่ช่วงหลังตัวเองเข้าใจว่า ตั้งแต่ที่นายวินมาเป็นประธานกลุ่ม ก็มักจะต้องมีพิธีหรือกิจกรรมรับน้อง โดยตนเองยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการรับในรูปแบบใด แต่พอทราบว่ามีการใช้ลักษณะความรุนแรงพอสมควร ประกอบกับอาจจะต้องมีการพิสูจน์เรื่องความใจกล้า โดยให้ไปก่อเหตุบางอย่างเพื่อทดสอบความกล้าก่อนเข้ากลุ่ม
และหลังจากที่ถูกสังคมประณาม ประกอบกับตัวของนายวินหลังจากที่โซเชียลมีการประกาศตามหา ตนเองก็ยังไม่สามารถที่จะติดต่อกับเจ้าตัวได้ เนื่องจากเจ้าตัวได้หนีไปอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาแล้ว ส่วนรุ่นน้องคนอื่นก็ติดต่อบ้างแต่ก็สงบเสงี่ยมมากขึ้น เนื่องจากกระแสค่อนข้างแรง ไม่มีใครกล้าออกมารวมกลุ่มหรือออกมาใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อน แล้วตัวเองมองว่าอาจเป็นจุดจบของแก๊งตังค์ไม่ออก เพราะถูกกระแสของโซเชียลรวมถึงหน่วยงานของรัฐกำลังจับตามอง
สำหรับที่มาที่ไปของคำว่า “แก๊งตังค์ไม่ออก” เกิดจากการรวมกลุ่มกันของกลุ่มวัยรุ่นที่ไปซื้อน้ำกระท่อมมากิน แต่คนในกลุ่มบางคนเอาเปรียบไม่มีการแชร์เงินหรือจ่ายเงิน และหัวหน้าแก๊งคือนายวินก็มีพฤติกรรมที่ไม่เคยจ่ายค่าน้ำกระท่อม จึงได้มีการตั้งชื่อแก๊งนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกกันเองเท่านั้น และที่สำคัญยืนยันว่าแก๊งตังค์ไม่ออก ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งลูกตำรวจ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มและคนละพวกกัน จึงไม่อยากให้เอามาโยงกันจนกระทั่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อรัญประเทศเสียหาย เพราะการกระทำนั้นเป็นคนละส่วนกัน