เปิดภาพ 2 ผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพชาวเมียนมา ผ่านขั้นตอน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ ขาออก เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา เวลา 20.51 น.
กรณีนายซันดาราเวล ปกาดีส คูมา (SUNDARAVEL PRAGADEESH KUMAR) อายุ 23 ปี เจ้าของบริษัทจัดหางานชาวอินเดีย กับพวกอีก 1 คน ร่วมกันก่อเหตุฆ่าหั่นศพ นายอา เซ ไค อายุ 35 ปี แรงงานชาวเมียนมา ออกเป็น 6 ท่อน อำพรางในตู้แช่ เหตุเกิดที่อาคารพาณิชย์ ซอยสะแกงาม 35/3 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 ม.ค. 2567 พ.ต.ท.จักรี ดิษใจ สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า วันนี้ได้นัดพยานแวดล้อมเป็นพนักงานในบริษัทจัดหางานของนายซันดาราเวล ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ เพื่อมาสอบหาข้อมูลข้อเท็จจริง ถึงการนำแรงงานต่างชาติชาวเมียนมาเข้ามาทำงานในเมืองไทย รวมทั้งนำพยานที่เห็นเหตุการณ์ตอนนายซันดาราเวล คนร้าย มากับเพื่อนอีก 1 คน คือ นาย GUNALAN DEIVASIGAMANI ชาวอินเดีย ขับรถเข้ามาเมื่อช่วง 15.00 น. วันที่ 19 ม.ค. มาให้ปากคำ โดยวันนี้ได้ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการประสานกับทางสถานทูตเมียนมา เพื่อนำศพนายอา เซ ไค ผู้เสียชีวิต กลับไปยังประเทศเมียนมา ทั้งนี้นายอา เซ ไค ยังไม่ได้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามกฎหมายแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียนทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเรื่องแรงจูงใจการก่อเหตุ ไม่ทราบมีปากเสียงกันมาก่อนหน้าหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว เบื้องต้นทราบว่า ตัวของนายซันดาราเวล นายหน้าชาวอินเดีย ขออนุญาตเข้ามาแบบถูกต้อง เข้ามาอยู่ในไทยหลายปีแล้ว เบื้องต้นมีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทกับกรมธุรกิจการค้า เป็นเรื่องของการค้า แต่ประเด็นอื่นต้องรอสืบสวนว่าทำธุรกิจอะไรบ้าง เพราะนายหน้าคนดังกล่าวเข้ามาอยู่ในไทยหลายปีแล้ว ส่วนตัวของแรงงานอาจเข้ามาแบบผิดกฎหมาย
เบื้องต้น ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดียทั้งหมด 2 คน ขณะนี้ทั้ง 2 คนได้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนพยานจากการสอบปากคำให้การเป็นประโยชน์ น่าจะเพียงพอในการออกหมายจับได้ ซึ่งขอดูรายละเอียดของพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วนก่อน หากพร้อมจะออกหมายจับต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายซันดาราเวล ผู้ก่อเหตุชาวอินเดีย ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ซิก้า โกรเซรี่ส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 ดำเนินธุรกิจในการจัดหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยทำการจดทะเบียนตั้งบริษัทให้ถูกกฎหมายก่อน จากนั้นจึงมีการลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงานในเมืองไทย