จากกรณีเพจ Red Skull ได้มีการแชร์ภาพอาการบาดเจ็บของสาวใหญ่โดนกัดนิ้วขาด โดนตีหลังหัก แต่ยังทนอยู่กับสามีไม่ขอเลิก สาวใหญ่เผย ทนเพราะรัก
ล่าสุดวันนี้ (22 ม.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับ นางวารุณี อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
โดยนางวารุณี เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองพบรักกับนายหนุ่ม ซึ่งเป็นสามีที่จังหวัดระยองเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว จากนั้นเมื่อคบกันไปประมาณ 2 ปี ก็ตกลงจดทะเบียนสมรสกันในปี 56 กระทั่งนายหนุ่มได้พาตนเองเข้าไปอยู่ที่บ้านกับทางครอบครัวของเขาที่บ้านในพื้นที่หมู่ 14 ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
หลังจากอยู่กันไป ในปี 2560 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว นายหนุ่ม สามี เกิดอาการป่วยเส้นเลือดในสมองตีบจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ นอนติดเตียงแต่พูดคุยได้ปกติ ซึ่งตนเองก็อยู่ด้วยโดยไม่เคยคิดจะทิ้งสามีไปไหน
หลังจากสามีอาการดีขึ้น ตนเองก็ออกไปหางานทำ แต่ปรากฏว่าทำงานไปได้ไม่นาน แม่ของสามีก็เกิดอาการป่วยเส้นเลือดตีบเช่นกัน ตนเองจึงออกจากงานมาดูแลทั้งสามีและแม่ของสามี
โดยแม่สามี ก่อนจะป่วยได้โอนมรดกที่ดินแบ่งให้ลูกๆ ของเขา แต่ตนเองไม่เคยเข้าไปยุ่ง กระทั่งเมื่อเดือนเมษายนปี 2566 พี่สาวของสามีก็เริ่มเข้ามาทำร้ายตนเอง โดยการตบตีแบบไม่มีเหตุผล และกัดนิ้วตนเองจนขาด ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งในฐานะเป็นสะใภ้ในสมรสก็ไม่ติดใจเอาความพี่สาวของสามี
แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ก็คือปีที่ผ่านมา ลูกชายที่เป็นลูกติดจากเมียเก่าของสามี ได้มีการเข้ามาทำร้ายร่างกายตนเองอีก โดยการลงมือกระทืบจนหลังหัก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน
เหตุการณ์นี้ ตนเองรับไม่ได้ก็เลยไปแจ้งความดำเนินคดี โดยเรื่องคดี ศาลตัดสินให้ลูกของสามีรอลงอาญา และสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับตนเองเป็นการผ่อนจ่ายรายเดือน
จนกระทั่งตนเองออกจากโรงพยาบาล จู่ๆ สามีก็ไม่ยอมให้กลับไปอยู่ที่บ้าน จนตนเองต้องมาเช่าห้องอยู่ตามลำพังกับหมาอีก 1 ตัว จากนั้นพออยู่ไปอยู่มา สามีก็ได้บอกให้ตนเองไปหย่าโดยให้เหตุผลว่า ยังไงตนเองก็กลับไปอยู่กับครอบครัวเขาไม่ได้ แต่สุดท้ายตนเอง ก็ไม่ไปหย่าให้ เพราะตนเองคิดว่าตนเองมีความดีกับสามี ไม่ได้ทำอะไรผิด จะมาขอหย่าทั้งๆ ที่ตนยังรักสามีไม่ได้
ซึ่งที่ร้องเรียนกับสื่อไป ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการสมบัติของสามีหรือต้องการอะไร แต่เป็นเพราะอยากให้สังคมรับรู้ว่า มีผู้หญิงแบบตนเองที่รักจริงอยู่บนโลกใบนี้ ที่สำคัญ ความที่อยู่ในฐานะคนเป็นเมียอย่างถูกต้อง ก็อยากจะอยู่กับสามีไปจนแก่จนเฒ่า ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังงงว่าตนเองผิดอะไร ทั้งๆ ที่ผ่านมา เป็นคนดูแลสามีเป็นอย่างดีมาตลอด ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น สามีจะเลือกครอบครัวมากกว่าคนที่รักอย่างหมดใจ
หากสามีฟังอยู่ ก็อยากจะบอกว่า แก่แล้วนะ ควรจะมีจิตสำนึกและแยกแยะให้ออกว่าเมียคนนี้เป็นคนดี และอยู่มาด้วยความรักที่แท้จริงมาตลอด ยอมรับทุกวันนี้ สามีเป็นคนออกค่าเช่าบ้านให้เดือนละ 2,500 บาท แต่กว่าจะโอนมาต้องรอเงินคนพิการถึงจะได้มาจ่ายค่าเช่าห้อง ส่วนอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น นั่งกับพื้นไม่ได้ต้องนอนเบาะลม และไม่สามารถไปทำงานหาเลี้ยงชีพได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.20 น. ที่ผ่านมา ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายหนุ่ม อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียหาย เมื่อไปถึงหน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ถามนายหนุ่ม ว่าขอเข้าไปพูดคุยด้วยได้หรือไม่ ซึ่งนายหนุ่มก็อนุญาตให้เดินเข้าไปหา
ทันทีที่ทีมข่าวได้เจอกับนายหนุ่มใกล้ๆ ก็ถามว่าเรื่องที่เมียไปร้องกับสื่อเป็นความจริงหรือไม่ แต่นายหนุ่ม ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยทะเลาะกับเมีย ส่วนที่เมียบอกว่าตนเองเข้าข้างคนในครอบครัว เป็นเรื่องจริง เป็นใครก็ต้องเลือกลูกกับพี่สาว เรื่องความรักหมดไปตั้งนานแล้ว และที่เมียอ้างถึงความดีที่เคยดูแลตนเอง โดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะตั้งแต่ตนเองป่วย ตนเองจ่ายเงินค่าจ้างให้เมียเดือนละ 5,000 บาท
จากนั้นก็จะมีบางช่วงบางตอนที่นายหนุ่มหันไปบอกช่างภาพว่าอย่าถ่าย กระทั่งหันมาคุยกับทีมข่าวต่อ ทีมข่าวก็ถามว่าพี่เมาเพราะอะไร นายหนุ่มก็บอกว่า ผมก็เมาอย่างนี้ทุกวันแหละเพราะผมเครียด ที่เมียไม่ยอมไปหย่าให้
ส่วนที่เมีย สาธยายให้นักข่าวฟัง ตนเองอยากจะบอกว่า ที่ผ่านมา เมียคนนี้มันเคยยิงผมจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งที่เมียไปร้องเรียนไม่เป็นความจริง ยืนยันยังไงก็ไม่อยากได้เมียคนนี้กลับมา และตราบใดที่ยังไม่หย่า ตนยืนยันว่าจะจ่ายค่าห้องให้เมียทุกเดือนจนกว่าเขาจะไปหย่าให้