จากกรณีเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 เวลา 13.00 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบมีผู้เสียชีวิตในสระน้ำกลางสวนผลไม้ พื้นที่หมู่ 2 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี หลังรับแจ้งตำรวจสอบสวน พร้อมชุดสืบสวน และกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ

 

เมื่อเดินทางไปถึง พบที่เกิดเหตุเป็นสวนผลไม้ อยู่หลังปั๊มน้ำมันเก่า โดยในสระน้ำเบื้องต้น พบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ลอยอืดอยู่ใกล้ริมตลิ่ง เบื้องต้นจากการสอบสวนของตำรวจ ทราบข้อมูลจากญาติว่า ผู้เสียชีวิตที่พบคือ น.ส.ปนิฐิ อายุ 77 ปี เป็นเจ้าของบ้านและสวนผลไม้ที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีความเห็นพ้องตรงกันคือติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.ปนิฐิ หลายอย่าง จึงได้ขอให้ทางตำรวจได้ประสานพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัด เดินทางมาร่วมตรวจสอบและเก็บหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุ

ต่อมา เจ้าหน้าที่วิทยาการกองพิสูจน์หลักฐาน โดยการนำของ พ.ต.อ.หญิง สุรดา มหันตะกาศรี (นวท.(สบ4) พฐ.จว.จันทบุรี) นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐานจันทบุรี พร้อมตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี เดินทางมาร่วมตรวจสอบพร้อมเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ โดยตำรวจได้ประสานกู้ภัยฯนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากสระน้ำ เพื่อตรวจชันสูตร เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพบวมอืด เสียชีวิตมาแล้ว 3-4 วัน ผิวหนังเริ่มหลุดร่อน สวมกางเกงยีนส์ขาสามส่วน เสื้อถูกถอดมาติดอยู่ที่ไหล่ขวา

ล่าสุดทางตำรวจรายงานว่า ผลการชันสูตรพบว่า ผู้เสียชีวิตถูกทำร้าย กระดูกชายโครงหักทั้งสองข้าง ส่วนบาดแผลอื่นๆ ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากสภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย ขณะแนวทางการสืบสวน หลังทราบผลการชันสูตร เบื้องต้นตำรวจพุ่งเป้าสาเหตุเกิดจากการถูกฆาตกรรมทำร้าย และอำพรางศพโดยการกระทำจากบุคคลอื่น

จนกระทั่งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา หลังจากผลชันสูตรออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางศพ พลตำรวจตรีผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ได้นำกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และชุดสืบสวนตำรวจภูธรมะขาม รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดจันทบุรี เข้าไปตรวจสอบในบ้านของผู้ตายอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างเข้าตรวจสอบ ทางตำรวจได้มีการสอบสวนกับนางนงนุช ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้ตายว่า เมื่อวานนี้ก่อนพบศพและหลังพบศพ มีใครเข้ามาในบ้านบ้างหรือไม่ ซึ่งการพูดคุยจะได้ยินแต่เสียงตำรวจสอบถาม เพราะนางนงนุช พูดเบา ซึ่งในการเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ตำรวจไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งทีมข่าวต้องถ่ายภาพจากกำแพงบ้านเข้าไป และยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกับตำรวจไปพบอะไรเพิ่มเติมภายในบ้านบ้างแล้วหรือไม่

 

ขณะเดียวกันในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม พลตำรวจตรีผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ได้ออกมาเปิดเผยกับทีมข่าวว่า สำหรับผลชันสูตร ยืนยันพบผู้ตายกระดูกชายโครงหักทั้งสองข้าง แต่ทางแพทย์ยังไม่ระบุชัดว่า การตายเกิดจากจมน้ำหรือถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ส่วนที่ต้องนำกำลังเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม เป็นเพราะว่ามีบางประเด็นที่ทางตำรวจสงสัยอยู่ว่าจริงๆ แล้วผู้ตายเสียชีวิตที่บ้านหรือที่สระน้ำ

ส่วนเรื่องทรัพย์สินของผู้ตาย จากการตรวจสอบจะมีแต่ของติดตัว เช่น กุญแจ และโทรศัพท์ ที่หายไป ส่วนเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่หายไป จากการสอบถามญาติ ทางผู้ตายอยู่บ้านคนเดียวจึงไม่มีใครรู้ว่าถูกถอดออกไปยังไง ยืนยันหลังจากการสอบปากคำ ตำรวจมีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจบ้างแล้ว แต่ขอให้ทางตำรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน และยังระบุไม่ได้ว่าคนร้ายจะใช่คนที่เข้าออกบ้านคนตายได้หรือไม่ ซึ่งปมสังหารในครั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่าการตายในครั้งนี้จะต้องมีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์

ส่วนข้อมูลก่อนหน้านี้ที่สื่อได้รับรายงานว่า ผู้ตายเคยให้คนใกล้ชิดยืมเงินไปจำนวน 30 ล้าน และอยู่ในระหว่างฟ้องร้องกัน เรื่องดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่ามีมูลจริง และขณะนี้ตำรวจกำลังประสานญาติและทนายที่รู้เรื่องนี้มาสอบปากคำ

ซึ่งในขณะนี้ ทางตำรวจยืนยันว่าจะไม่ตัดประเด็นไหนทิ้ง โดยการสอบปากคำ ตำรวจได้เชิญตัวบุคคลใกล้ชิดและคนงานที่เคยเข้ามาทำงานกับผู้ตายมาสอบปากคำแล้วหลายปาก แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพ เพราะการก่อเหตุเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่เหตุเฉพาะหน้าอย่างแน่นอน เพราะไม่มีทรัพย์สินของผู้ตายภายในบ้านสูญหายไป และจากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้และร่องรอยการรื้อค้นภายในบ้าน

 

ล่าสุดทีมข่าวได้ข้อมูลจากตำรวจว่า จากรายงานการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า บัญชีของผู้เสียชีวิตเหลือเงินอยู่ในบัญชีเพียงหลักพันหลายบัญชี กระทั่งวันนี้ หลังจากตำรวจเข้าไปรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 1 ชั่วโมง ทางตำรวจได้มีการนำหลักฐานคล้ายกับสมุดบัญชีออกมาด้วย พร้อมกับถือสมุดบันทึกรายละเอียดการทำบัญชีของผู้เสียชีวิตออกมาเพื่อนำกลับไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ทางเจ้าของพิสูจน์หลักฐาน ยังมีการใช้อุปกรณ์ตรวจสอบคราบเลือดในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่พบร่องรอยความผิดปกติในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจ ได้มีการดับไฟและเปิดไฟขึ้นเป็นบางช่วง โดยคาดว่าทางตำรวจใช้อุปกรณ์ที่ส่องกับความมืดเพื่อหาร่องรอยคราบเลือดภายในบ้านของผู้ตาย

 

ไทม์ไลน์ก่อนพบศพหญิงชรา ในสระกลางสวน

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.ปนิฐิ ผู้ตาย ในพื้นที่หมู่ 2 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี

โดยลักษณะบ้านของผู้ตาย จากการตรวจสอบเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดและตั้งอยู่ติดถนนหลัก ซึ่งบริเวณหน้าบ้านจะเป็นปั๊มน้ำมันเก่าที่เลิกกิจการไปนานแล้ว ส่วนเส้นทางที่เจ้าหน้าไปพบ น.ส.ปนิฐิ วันนี้ทีมข่าวได้เริ่มเดินเลาะไปจากข้างกำแพงบ้านของผู้ตาย พบว่าด้านหลังบ้านเป็นสวนผลไม้(สวนผสม) จากนั้นเมื่อเดินเข้าไปประมาณ 150 เมตร ก็จะพบบ้านพักคนงานซึ่งถูกปิดล็อกกุญแจเอาไว้

ส่วนจุดที่พบศพหากเดินผ่านบ้านพักคนงานไปประมาณ 200 เมตร ก็จะพบสระน้ำอยู่ที่ท้ายสวน โดยจากการตรวจสอบสระน้ำดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 50 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร และมีความลึกประมาณ 3 เมตร ซึ่งจุดที่พบร่างของน.ส.ปนิฐิ จะอยู่ห่างจากทางลงสระน้ำไปประมาณ 10 เมตร

 

ขณะเดียวกัน ช่วงระหว่างที่ติดตามการค้นหาของเจ้าหน้าที่ ทีมข่าวได้เดินไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ สระน้ำ โดยพบว่า พื้นที่บ้านและสวนผลไม้ของผู้ตาย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 15 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะมีสวนยางและพื้นที่ดินที่กำลังถมของชาวบ้านอยู่ติดกับที่ดินของผู้ตาย

วันนี้ จากการที่ทีมข่าวเดินไปสำรวจ พบว่า บริเวณท้ายสระน้ำจะมีรั้วหนามกั้นเอาไว้ระหว่างที่ดินของผู้ตายและสวนยางของชาวบ้าน ส่วนบริเวณด้านข้างที่อยู่ติดกับที่ดินว่างเปล่าของชาวบ้าน ก็จะมีรั้วหนามกั้นเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่จะมีช่องทางเดินที่สามารถ เดินเข้าออกไปตรงจุดพบศพของผู้ตายได้ แต่จากการตรวจสอบตำรวจยังไม่พบรอยเท้าหรือสิ่งผิดปกติที่จุดดังกล่าว

นายผดุงศักดิ์ อายุ 27 ปี อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญูจันทบุรี ที่เข้ามาในพื้นที่หลังน้องสาวผู้ตายไปพบศพ บอกว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้รับแจ้งตอนประมาณเที่ยงครึ่งว่า มีคนมาพบศพของ น.ส.ปนิฐิ

จากนั้นเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็พบว่าร่างของ น.ส.ปนิฐิ ถูกถอดเสื้อออก โดยสภาพศพลอยคว่ำหน้าอยู่ห่างจากทางลงสระน้ำไปประมาณ 10 เมตร ซึ่งสันนิษฐานว่า น.ส.ปนิฐิ น่าจะเสียชีวิตมาก่อนหน้าที่จะมีคนมาพบศพประมาณ 3 - 4 วัน ซึ่งตอนแรกที่ตำรวจยังไม่เข้ามาในที่เกิดเหตุ ยอมรับว่าส่วนตัวคิดว่า น.ส.ปนิฐิ น่าจะพลาดตกลงไปเสียชีวิตเอง แต่ปรากฏว่าเมื่อตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาถึง เมื่อนำร่างของน.ส.ปนิฐิ ขึ้นมาจากสระน้ำ กลับพบร่องรอยผิดปกติตามร่างกาย ซึ่งในฐานะที่ทำหน้าที่เก็บศพมานาน ส่วนตัวไม่ขอชี้ว่าผู้ตาย ตายด้วยสาเหตุอะไร

 

จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 16.40 น. ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.มะขาม ได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำ นางสมพร (นามสมมติ) อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นคนงานที่เคยเข้าไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่กับผู้ตาย แต่ปัจจุบันได้ไปเป็นคนงานที่สวนยางติดกับบ้านของผู้ตาย ซึ่งตามข้อมูล วันนี้ตำรวจไปสอบถามถึงช่วงเวลาในวันเกิดเหตุกับนางสมพร ว่าเห็นรถใครเข้าออกบ้านของผู้ตายในช่วงวันที่ 19 และวันที่ 20 มกราคม หรือไม่

ขณะที่ นางสมพร บอกกับทีมข่าวว่า ที่ตำรวจเข้ามา ไม่ได้มาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่เข้ามาถามว่ารู้จักคนที่ขี่รถจักยานยนต์คันสีเขียวหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ตอบไปว่าไม่รู้ เพราะตนเองไม่เคยเดินไปที่บ้านของผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายสั่งไม่ให้ตนเองไปเหยียบที่บ้านของเขา

ที่ผ่านมา ยอมรับว่าเคยเป็นคนงานที่บ้านของผู้ตาย แต่ลาออกมาได้ 8 ปีแล้ว และที่ลาออกมาก็เป็นเพราะว่ารำคาญที่ผู้ตายเป็นคนจุกจิก ซึ่งที่ผ่านมา เท่าที่เห็นคนงานที่รับมา ก็ไม่มีใครทำงานกับผู้ตายได้นานๆ

 

ส่วนช่วงที่ตนทำงานอยู่ ยืนยันว่าญาติของผู้ตายก็เคยเข้ามาที่บ้านผู้ตาย แต่มานอนค้าง 2 - 3 วันก็กลับออกไป และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นคนตายทะเลาะกับคนงานมาก่อน ส่วนสามีของตนเองทุกวันนี้ หากผู้ตายเรียกไปใช้งานเขาก็ไปทำให้ เพราะเขายังรักและผูกพันกับผู้ตาย ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ตนเองรู้ว่ามีคนไปเจอศพก็เป็นเพราะว่าพี่สาวของผู้ตายโทรศัพท์มาบอก ส่วนเรื่องเซิร์ฟเวอร์กล้องที่หายไป ตอนที่ทำงานอยู่ไม่เคยเห็นว่าตั้งอยู่ตรงไหน เพราะไม่เคยเข้าไปในบ้านของผู้ตาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่ากลัวมาก หากตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ คืนนี้จะเอาหมาไปผูกไว้ที่หน้าบ้าน ใครเข้ามาจะได้ตั้งตัวทัน

ด้านผู้สื่อข่าวช่อง 8 ประจำจังหวัดจันทบุรี เล่านาทีอาสาตัดกุญแจบ้านผู้ตายให้ตำรวจ ก่อนเปิดประตูไปพบพิรุธเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดหายไปจากบ้านผู้ตาย เผยพบสิ่งผิดปกติตั้งแต่ทางเข้าบ้าน เห็นรองเท้าผู้ตายถอดไว้ข้างร่องรอยคราบน้ำสีน้ำตาลหน้าบ้าน ส่วนภายในบ้าน ในครัวยังเปิดไฟและเสียบหม้อหุงข้าวเอาไว้

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ ตามข้อมูลของตำรวจแจ้งกับทีมข่าวว่า วันนี้ทั้งวันจะมีการเชิญแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เข้ามาพิมพ์ลายนิ้วมือและสอบปากคำเบื้องต้น ว่ามีใครเข้าไปใกล้ในที่เกิดเหตุหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจมีการเชิญตัวคนไทยสองผัวเมียที่เข้าไปทำงานให้กับคนตาย ไปเก็บ DNA และสอบปากคำเบื้องต้นแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้

 

ขณะเดียวกัน ตามข้อมูลและภาพที่ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดจันทบุรีส่งภาพเข้ามา จะมีภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือตัดกุญแจเพื่อเข้าไปภายในบ้านของผู้ตาย วันนี้ทีมข่าวได้มีโอกาส ไปพูดคุยกับคุณธวัชชัย บรรเลงศัพย์ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ประจำจังหวัดจันทบุรี ที่เข้าไปตัดกุญแจที่ประตูห้องบนชั้นสอง จนตำรวจไปพบว่า เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดถูกถอดออกไป เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้หลังมีคนมาพบศพ ในขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาถึงที่เกิดเหตุ แล้วไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากประตูถูกล็อกเอาไว้ที่รั้วและภายในบ้าน ทางตำรวจจึงประสานมาที่ตนเองเพื่อให้นำช่างมาตัดกุญแจ จากนั้นเมื่อได้รับการประสานมา ตนและรุ่นน้องในทีมจึงเดินทางไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อมาถึงจุดแรก ตนเองและรุ่นน้องในทีมงานได้ตัดแม่กุญแจที่ประตูรั้วก่อน จากนั้นพอเข้าไปได้ จะไปเจอประตูม้วนเหล็กหน้าบ้านที่ต้องตัดเป็นจุดที่สอง กระทั่งเมื่อเข้าไปภายในบ้านได้ ปรากฏว่าประตูห้องเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่อยู่บนชั้นสองของบ้านถูกล็อกกุญแจเอาไว้ ตำรวจจึงให้ตนเองขึ้นไปตัดกุญแจที่ประตูห้องดังกล่าว ซึ่งเมื่อเปิดประตูได้ ตำรวจก็พบว่าเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดถูกถอดออกไป เหลือแต่ปลายสายที่ต่อจากกล้องวงจรปิดห้อยอยู่ภายในห้อง

ส่วนความผิดปกติตั้งแต่หน้าบ้าน พบว่ามีรองเท้าของผู้ตายถอดเอาไว้ในลักษณะหงายข้างนึงแบบที่ไม่ได้ตั้งใจถอดเอาไว้ และยังมีคราบน้ำสีน้ำตาลติดอยู่ที่พื้นซึ่งไม่ทราบว่าเป็นคราบเลือดหรือไม่ ส่วนภายในบ้าน เท่าที่สังเกตเห็นไฟในครัวเปิดทิ้งเอาไว้ โดยหม้อหุงข้าวก็ยังเสียบปลั๊กหุงข้าวเอาไว้ ส่วนต้นเรื่องที่บอกว่าผู้ตายเป็นคนนามสกุลดัง เป็นเพราะว่าเมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา คนนามสกุลเดียวกันกับผู้ตายเคยมีคดียิงกันที่ศาลจังหวัดจันทบุรี แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเกี่ยวข้องอะไรกันหรือไม่

 

นอกจากหลักฐานที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานออกมาจากภายในบ้านไปขึ้นรถ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังมีการไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่บริเวณห้องเก็บของข้างบ้านของผู้ตาย ซึ่งจุดดังกล่าวตามข้อมูลเป็นห้องอุปกรณ์การทำเกษตร และล่าสุดเจ้าหน้าที่พิสูจน์ ไปพบรถเข็นจำนวน 2 คัน ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เข็นร่างผู้ตายไปทิ้งลงที่สระน้ำ ซึ่งระหว่างนี้กำลังตรวจสอบว่ารถเข็นทั้งสองคันจะมีคราบเลือดติดอยู่หรือไม่

ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางอั้ม และนายต่าย คนงานคนปัจจุบันที่ทำงานรับเหมาตัดหญ้าในสวนของผู้เสียชีวิต เราพบลูกชายของคนงานคนดังกล่าว ชื่อว่า นายศักดา อายุ 22 ปี นายศักดา บอกว่า ตัวเองเคยไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานที่บ้านของเจ๊ม่วยแค่ 1 ครั้ง ตอนนั้นไปช่วยต่อท่อสูบน้ำ ส่วนพ่อกับแม่จะมีหน้าที่ตัดหญ้า โดยพ่อกับแม่จะได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน ได้ครั้งหนึ่งคนละประมาณ 350 บาท และปกติพ่อกับแม่ตัวเองจะไปกลับ ไม่ได้นอนค้างคืนที่บ้านของเจ๊ม่วย

อีกทั้งเมื่อวานตำรวจมาเชิญตัวพ่อกับแม่ไปที่โรงพัก หลังจากกลับจากโรงพักพ่อกับแม่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ตัวเองฟังเลย ส่วนพ่อกับแม่ของตัวเองเคยมีปัญหาอะไรกับผู้เสียชีวิตหรือไม่ ตัวเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

 

เพื่อนซี้เศรษฐีนีเผยก่อนตาย ให้คนปริศนายืม 30 ล้าน

ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนางแดง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้ตาย บอกว่า ตนเป็นเพื่อนกับผู้ตายมาประมาณ 30 ปี หากผู้ตายจะไปไหนก็มักจะชวนตนเองไปเป็นเพื่อน เนื่องจากตัวผู้ตายไม่มีสามีและไม่มีลูก ซึ่งก่อนจะพบศพประมาณ 10 วัน ตนเองยังมารับผู้ตายออกไปกินก๋วยเตี๋ยว แต่ผู้ตายก็ไม่ได้พูดอะไรผิดปกติ จนกระทั่งก่อนจะพบศพในวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา คนงานสองผัวเมียที่เข้าไปทำงานที่บ้านของผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาตนเองว่า ในระหว่างเข้าไปทำงานในสวนไม่เห็นผู้ตายออกมาจากบ้าน จากนั้นในวันถัดมาก็คือวันที่ 20 มกราคม ญาติๆ ของผู้ตายได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนเองไปช่วยตามหา เพราะที่ผ่านมาตนเองเป็นคนนอกเพียงคนเดียวที่เข้าออกบ้านของผู้ตายได้ แต่ก็ไม่พบ กระทั่งเมื่อวานนี้ทางน้องสาวผู้ตายมาพบศพอยู่ในสระน้ำ

ส่วนเรื่องคนงานที่ตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ ที่ผ่านมาผู้ตายเคยมีคนงานมาประจำอยู่ด้วยที่สวน แต่ต่อมาคนงานได้ลาออกไป ก็เลยมีคนงานสลับเข้ามาทำงาน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นคนงานทะเลาะกับผู้ตาย ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ตายอาจจะเดินไปที่ท้ายสวนเพื่อรดน้ำต้นไม้ แต่อาจจะเป็นลมหรือพลัดตกลงไปเสียชีวิต แต่สำหรับประเด็นที่ตำรวจว่าเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ และกุญแจบ้านที่หาย ก็ยังแปลกใจในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าใครจะเข้าไปทำร้ายผู้ตาย เพราะคนงานกลุ่มล่าสุดก็เป็นคนไทย และไปกลับ ไม่พักค้าง และตนเองเป็นคนติดต่อมาให้ ส่วนแรงงานต่างด้าวปัจจุบันไม่ได้จ้างแล้ว 

ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ผู้ตายเป็นคนทึ่เปลี่ยนคนงานบ่อยมาก และคนงานจะอยู่ได้ไม่นาน ตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรว่าคนงานถึงอยู่กับผู้ตายได้ไม่นาน ส่วนประเด็นเรื่องที่มีข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยให้คนรู้จักยืมเงินไป 30 ล้าน และกำลังมีการฟ้องร้องกันอยู่ เรื่องนี้ผู้ตายไม่เคยเล่าให้ฟัง ซึ่งตนรู้เพียงว่าที่ผ่านมามีคนงานมายืมเงินผู้ตายบ้าง คืนบ้างไม่คืนบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันเรื่องนี้หรือไม่

เศรษฐีนีดับคาบ่อ ตะลึงร่างหักเจอรถเข็นโผล่ พิรุธถอดกล้อง คาด 30 ล้านหาย