เช้าวันนี้ (24 ม.ค.67) ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเยาวชนทั้ง 5 คน ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ 4 จุด และ อ.โคกสูง อีก 1 จุด โดยบ้านของนายบิ๊ก นายกัส นายโก๊ะ และนายแบงค์ ตำรวจไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ที่บ้านของนายเชน พบปืนบีบีกัน 2 กระบอก ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อนำไปตรวจสอบ
จุดที่ 1 (บ้านเชน) เวลาประมาณ 06.30น. มีผู้ปกครอง อาศัยอยู่บ้านดังกล่าวนำตรวจค้น ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ตรวจยึดสิ่งเทียมอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก เพื่อตรวจสอบ
จุดที่ 2 (บ้านโก๊ะ) ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด
จุดที่ 3 (บ้านแบงค์) เวลาประมาณ 06.30น. ผู้ปกครอง อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน นำตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด
จุดที่ 4 (บ้านกัส) เวลาประมาณ 07.00 น. ตรวจค้นบ้านกัส แฟลตตำรวจผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด
จุดที่ 5 (บ้านบิ๊ก) เวลาประมาณ 07.00 น. ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ย้อนกลับไปที่บ้านของปู่นายแบงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านที่มีการตรวจค้นในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่นายแบงค์มีทะเบียนบ้านอาศัยอยู่ และมีแม่ของนายแบงค์มีชื่ออยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 06:44 น. ซึ่งสังเกตว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดข้างบ้าน จับภาพขบวนรถตำรวจและรถสืบสวนเข้ามากันหลายคัน
ทีมข่าวได้คุย กับนายอัน (นามสมมติ) ปู่ของนายแบงค์ เผยว่า ตอนเด็กตนเองเคยอยู่และเลี้ยงนายแบงค์ ซึ่งมีการส่งเสียให้เรียน โดยสมัยเด็กยอมรับว่าเป็นคนตั้งใจเรียนและเรียนเก่งมาก แต่พอตอนโตได้ย้ายไปอยู่กับแม่เพราะเนื่องจากพ่อของนายแบงค์เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง แล้วไปอยู่อาศัยกับตากับยายและตนเองก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกเลย และก่อนเกิดเหตุยายได้มาเล่าให้ฟังทำนองว่า ไอ้แบงค์ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะเกเรคบเพื่อน และไม่ยอมไปเรียน และที่สำคัญมักจะรวมตัวมั่วสุมกับกลุ่มเพื่อนแก๊งลูกตำรวจ ทราบว่าหนึ่งในนั้นคือนายเชน ที่มักจะกินนอนอยู่ที่บ้านของนายแบงค์บ่อย ตนเองยังเคยฝากเตือนว่าระวังจะพากันมาเสพยามั่วสุมและก่อเหตุทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเกิดเรื่องขึ้นจนได้
ส่วนตัวแม้ว่าจะเป็นถึงปู่ เคยคิดมาตลอดว่าไอ้แบงค์คือหลาน แต่วันนี้ในความคิดของแบงค์คงไม่มีตนเองเป็นปู่ เพราะแบงค์ไม่เคยนับถือ และไม่เคยไปมาหาสู่นับตั้งแต่ที่โต และที่สำคัญกรณีที่นายแบงค์เปลี่ยนไปจากเด็กที่ตนเองเคยรู้จักว่าเป็นคนดี เป็นเพราะคบเพื่อน อาจจะมีเพื่อนเลว หรืออาจเป็นเพราะมีเพื่อนที่เคยก่อวีรกรรมฮึกเหิม จึงพากันก่อเหตุซ้ำซากไม่เว้นวัน
โดยตอนที่เกิดคดีป้าบัวผัน ตัวเองได้ดูข่าวและทราบข่าวในพื้นที่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของไอ้แบงค์ ตนเองมาเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ในทีวีเห็นแล้วก็ตกใจ พร้อมกับจำได้แม่นว่าเด็กผู้ชายที่อยู่ในกล้องวงจรปิดมันคือหลานชายตนเอง ทราบว่าตัวของนายแบงค์ถูกจับ ก็ไม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมหรือคิดจะไปเยี่ยม เพราะเข้าใจว่าผู้ปกครองตอนนี้เป็นฝั่งของตากับยาย ตัวเองก็คงมอบให้เป็นหน้าที่ของฝั่งโน้นในการดูแลและรับผิดชอบ แต่ตนเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะเมื่อเช้ามีตำรวจบุกมาเต็มบ้าน มาขอตรวจค้นอาวุธและของกลาง อ้างว่าตัวของนายแบงค์มีที่อยู่บัตรประจำตัวประชาชนอยู่ที่บ้านตนเอง ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่ามี ที่อยู่ยังไม่ได้ย้ายออกไปจริง แต่ก็ไม่เคยมากินนอนหรือใช้ชีวิตที่นี่
ดังนั้นเพื่อความบริสุทธิ์ใจก็ยอมเปิดบ้านให้เข้าตรวจค้น แต่ก็ไม่ได้เจอสิ่งผิดกฎหมาย
สำหรับประเด็นที่ตัวของนายแบงค์ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เพราะมีคดีปี 2565 ไปเอี่ยวกับการตายของนายยาว ที่มีการอุ้มฆ่าโยนทิ้งน้ำ ส่วนตัวตอนแรกก็ไม่ทราบ คิดว่ามีคดีเพียงแค่เรื่องคดีป้าบัวผัน แต่พอมาทราบจากนักข่าววันนี้ถึงกับตกใจ ไม่คิดว่าไอ้แบงค์จะทำได้ขนาดนี้ และการกระทำของนายแบงค์ทั้งหมด ตนเองมองว่าสาสมกับสิ่งที่ควรจะได้รับโทษตามกฏหมายแล้ว ทำอะไรไว้กับเขาก็ควรที่จะได้รับแบบนั้น และหากมีโอกาสได้กลับออกมาก็ควรที่จะสำนึกผิด
ลงพื้นที่บ้านเชนหลังถูกค้นยังปิดเงียบ เพื่อนบ้านแฉพ่ออยากสอนลูกแต่ลูกโต้เถียง ไม่รับฟัง ทำให้มีปากเสียงบ่อย
ทีมข่าวเดินทางไปที่หน้าบ้านของนายเชน โดยปกติบ้านหลังดังกล่าวจะมีแม่และพ่ออาศัยอยู่ แต่ตอนที่ทีมข่าวย้อนกลับนั้นพบว่าปิดเงียบ เข้าใจว่าตัวของแม่และพ่อของนายเชนเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว จึงทำให้บ้านมีลักษณะปิดเงียบไม่มีคนอยู่
ด้านนายโก้ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านนายเชน เผยว่า ปฏิบัติการตรวจค้นของตำรวจเกิดขึ้นในช่วงเช้า ตอนนั้น ยังไม่มีใครรู้ว่ามีตำรวจเข้ามาตรวจค้น ภายหลังที่ตำรวจดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการเก็บของกลางหรือได้อะไรไปบ้าง แต่ตัวเองก็เพิ่งมารู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีของป้าบัวผัน เพราะที่ผ่านมาก็ยิ้มทักทายกับแม่และพ่อตามปกติ แต่ไม่เคยรู้ว่าเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างไร จนกระทั่งมารู้ในวันนี้ตอนที่ตำรวจบุกมาว่า เป็นหนึ่งในเยาวชนที่ก่อเหตุ ตนเองก็ถึงกับตกใจ
ส่วนช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนเองไม่ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างภายในบ้านของนายเชน ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกจับไป เพราะในช่วงนั้นตนเองอยู่บ้านบ้างไม่อยู่บ้านบ้าง จึงทำให้ไม่รู้ความเคลื่อนไหว และไม่รู้ว่าตัวของนายเชนไปก่อเหตุมา แต่พอทราบในภาพรวมว่าตัวพ่อของนายเชนเป็นตำรวจ และแม่ก็ทำงานมีหน้าที่การงานดี และมีทักทายกันตามประสาเพื่อนบ้านทั่วไป
แต่ช่วงก่อนที่บ้านหลังดังกล่าวจะปิดเงียบเหมือนในตอนนี้ ตนเองจะได้ยินเสียงพ่อของนายเชนทะเลาะกับนายเชนค่อนข้างเสียงดัง ทำนองว่าเหมือนพ่อสอนลูกแต่ลูกไม่ยอมรับฟัง และมีการโต้เถียงกันในครอบครัวเสียงดังพอสมควร ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบหายไปและมาทราบภายหลังว่านายเชนถูกจับ และจากการใช้ชีวิตของคนในครอบครัว เข้าใจว่าตัวพ่อของนายเชนเป็นตำรวจ แต่นายเชนก็มีลักษณะกำลังเป็นวัยรุ่น จึงได้มีการรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนและพาเพื่อนมาที่บ้านบ่อย และเข้าใจว่าอาจจะมีนิสัยเกเร จึงทำให้มีปากเสียงกับพ่อบ่อยครั้ง ซึ่งเสียงก็ดังทะลุข้ามมาฝั่งบ้านของตนเอง โดยมีการโต้เถียงค่อนข้างรุนแรงในหลายครั้ง
จากนั้นทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังจุดที่มีการตรวจค้นแฟลตตำรวจ ซึ่งเป็นพื้นที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยเป็นที่พักของพ่อนายกัส โดยแฟลตดังกล่าวเป็นแฟลตตั้งขึ้นใหม่ แต่จะการตรวจสอบพบว่ายังคงปิดเงียบหลังจากที่ถูกตรวจค้น และเจ้าตัวไม่ได้อาศัยอยู่ เข้าใจว่าตัวของพ่อต้องไปให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกกล่าวหาว่า นายกัสเป็นลูกชายของตำรวจ ขณะที่ตัวของแม่นายกัสได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว
ทีมข่าวพยายามขอสัมภาษณ์และขอข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงเพื่อนตำรวจที่อยู่ในแฟลตด้วยกัน ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่าไม่อยากยุ่ง ให้ข้อมูลแต่เพียงว่า “หลังเกิดเหตุพ่อและแม่ของนายกัสเปลี่ยนไป จากที่เคยออกมาซื้อของกินและใช้ชีวิตปกติ และทักทายกับเพื่อน หลังจากที่เกิดเรื่อง ไม่มีการพูดคุยหรือสุงสิงกับใคร เข้าใจว่าอาจจะเครียดหรืออับอายในการก่อเหตุของลูก”
ศาลเยาวชนฯ เลื่อนอ่านคำพิพากษา 5 ผู้ปกครอง แก๊งลูกตำรวจฆ่าป้าบัวผัน