จากกรณีนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ อายุ 32 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิสัตว์ป่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ถูกหมีควายในความดูแลของมูลนิธิฯ กัดแขนไม่ยอมปล่อยระหว่างยื่นมือข้างขวาเข้าไปให้อาหารหมีควายที่อยู่ในกรง และตัดสินใจใช้มีดฟันแขนตัวเองจนขาดเพื่อเอาชีวิตรอด ทำให้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงดาวอย่างเร่งด่วน พร้อมชิ้นส่วนแขนที่ขาดและอยู่ในสภาพที่แหลกเละจากการถูกหมีควายกัด จากนั้นได้รับการส่งตัวต่อไปรักษาตัวและทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่
วันนี้ (26ม.ค.67) นายพรนรินทร์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และเข้าทำการตรวจสอบที่มูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า ที่ตั้งอยู่ในตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า มูลนิธิดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ 5.89 ไร่ ที่ล้อมไปด้วยป่า ส่วนหมีควายที่กัดนักท่องเที่ยวนั้น เป็นเพศผู้ ชื่อ "แซมซั่น" โดยผู้ดูแลประจำมูลนิธิได้ต่อสายโทรศัพท์ถึงนางสาวเบญจศิริ วัฒนา หรือ "โบว์" ดาราสาวชื่อดัง ที่เป็นประธานมูลนิธิฯ แล้วให้พูดคุยกับ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว โดย "โบว์" แจ้งว่า ขอปฏิเสธที่จะให้เข้าตรวจสอบหมีควายตัวดังกล่าว เนื่องจากเป็นห่วงสวัสดิภาพสัตว์ เพราะพบว่าหลังเกิดเหตุมีอาการซึมและเครียด จึงหวั่นเกรงว่าหากเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจะยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับหมีควายและอาจจะไม่ปลอดภัยกับพี่เลี้ยงที่ดูแลอยู่
ทีมข่าวได้พบกับโบว์ เบญจศิริ นักแสดงและนางแบบชื่อดัง ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิรักษ์ป่า โดยโบว์ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า นายสเตฟาน ชาวสวิสฯท่านนี้ ปกติจะอาสาสมัครทำงานให้กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ โดยอยู่ที่ไทยมานานเพราะอยากจะช่วยเหลือและอนุรักษ์สัตว์ในไทย
โดยเวลาว่างจากการเป็นอาสาให้กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ นายสตฟาน ก็จะแวะเข้ามาช่วยเหลือสัตว์ที่มูลนิธิรักษ์ป่าของตนเองอยู่เป็นประจำอีกด้วย ซึ่งนายสเตฟานก็จะมีความสนิทสนมและคุ้นชินกับแซมซั่น หมีควายที่ก่อเหตุเป็นอย่างดี เพราะนายสเตฟานดูแลให้อาหารแซมซั่นตั้งแต่อายุยังน้อย และแซมซั่นเองก็คุ้นเคยกับสเตฟานเป็นอย่างดี อีกทั้งแซมซั่นก็ไม่เคยมีนิสัยดุร้ายอะไร
และสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตนในฐานะประธานมูลนิธิรักษ์ป่า ก็ได้เข้าไปเยี่ยมนายสเตฟาน ซึ่วตอนนี้ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์เป็นอย่างและปลอดภัยแล้ว จากนั้นก็ได้มีการสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถูกแซมซั่นกัดมือได้ทั้งๆที่สนิทกันเป็นอย่างดี โดยนายสเตฟานก็เล่าให้กับตนฟังว่า ขณะนี้แซมซั่นมีแผลที่เท้า ทำให้ต้องมีการป้อนยา โดยยาที่ใช้รักษาก็ต้องผสมกับน้ำผึ้งเพื่อให้แซมซั่นกินง่ายขึ้นไม่รู้สึกขม ต่อมาในการป้อนยาให้แซมซั่น ตนได้นำน้ำผึ้งผสมยาจุ่มไปที่มือข้างขวาของตน เพื่อจะให้แซมซั่นเลียมือ แต่เมื่อนำไปให้แซมซั่นกินกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแซมซั่น กลับกินทั้งน้ำผึ้งและมือตนเข้าไปด้วย และเมื่อพยามดึงมือออกก็ไม่สามารถเอาออกมาได้ ประกอบกับเห็นสภาพมือแล้วคิดว่าคงไม่สามารถใช้การได้แล้ว จึงตัดสินใจใช้มีดพกสั้นที่พกเอาไว้ ตัดส่วนที่แซมซั่นกินเข้าไปทันที
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายสเตฟานอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการตัดสินใจของตนเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ไม่ลงมือทำร้ายสัตว์ แต่เลือกที่จะตัดสินใจตัดมือของตัวเองดีกว่าเพราะเห็นแล้วว่าใช้การไม่ได้แน่แน่ ส่วนแซมซั่น ก็อยากให้ทุกคนเชื่อใจว่าหมีตัวนี้ไม่ใช่หมีที่ดุร้ายแต่เป็นตัวเองที่ตัดสินใจพลาดเองที่ใช้น้ำผึ้งจุ่มไปที่มือทำให้หมีเข้าใจผิด
สุดท้ายต้นอยากบอกกับทุกคนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายสเตฟาน เป็นคนรักสัตว์มากๆและอยากบอกกับทุกคนอีกว่าแซมซั่น เป็นหมีน่ารักไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น และต่อจากนี้ทางตนก็จะดูแลรักษาพร้อมกับเยียวยานายสเตฟานที่สุด ซึ่งสเตฟานเอง ก็ยังบอกกับตนอีกว่าหลังจากนี้ก็ยังจะกลับไปทำงานดูแลสัตว์ต่างๆรวมไปถึงแซมซันที่ทำร้ายกัดมือตนด้วย