จากกรณีความคืบหน้าหลังวานนี้ (25 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.มะขาม เนื่องจากในช่วงเช้าตำรวจได้ออกหมายจับเจ๊ปุ้ย ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และต่อมามีการไปจับกุมตัวเจ๊ปุ้ย ได้ที่จังหวัดอุบลราชธานี

คุม เจ๊ปุ้ย สอบเครียด รวมหัวไอ้กฤษฏ์ฆ่าเศรษฐินี

ล่าสุดวันนี้ (26 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าที่ สภ.มะขาม ตั้งแต่เวลา 05.40 น. ซึ่งเมื่อไปถึงพบว่าตำรวจได้คุมตัวเจ๊ปุ้ยมาถึงที่โรงพัก ก่อนทีมข่าวจะไปถึงแค่ 10 นาที ก็คือในเวลา 05.30 น. ซึ่งบรรยากาศในห้องสืบสวนทางตำรวจมีการสอบถามเจ๊ปุ้ย ในเบื้องต้นของเรื่องทรัพย์สินที่ตรวจยึดกลับมาได้ก็คือ รถกระบะสี่ประตูสีเทา จำนวน 2 คัน พร้อมกับทองคำ และโทรศัพท์มือถือภายในถุงที่ตำรวจหิ้วเดินกลับเข้ามายังห้องสืบสวน และที่บนโต๊ะภายในห้องสืบก็ยังพบกุญแจบ้านของเจ๊ม่วย ที่เจ๊ปุ้ยนำติดตัวไปด้วยหลังก่อเหตุ



บรรยากาศในห้องสืบสวน ทางเจ๊ปุ้ยมีการนำเสื้อฮู้ดคลุมหัวเพื่อปิดบังใบหน้า โดยในมือเจ๊ปุ้ย จะถือยาดมอยู่ตลอดเวลา และถ้าหันมาเห็นนักข่าวเจ๊ปุ้ยก็จะพยายามหลบหน้าเพื่อไม่ให้ช่างภาพถ่ายเห็นหน้า

ซึ่งตามข้อมูลเบื้องต้นทางชุดสืบสวน เปิดเผยว่า ตั้งแต่อุบลราชธานีจนถึงจันทบุรี เจ๊ปุ้ยปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเจ๊ม่วย โดยโยนความผิดว่านายกฤษฏ์เป็นคนลงมือฆ่าเจ๊ม่วยในวันเกิดเหตุ

จนกระทั่งในเวลาประมาณ 06.00 น. ตำรวจต้องไปคุมตัวนายกฤษฏ์ ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุออกจากห้องขังเพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม ว่าตกลงวันเกิดเหตุใครเป็นคนลงมือฆ่าเจ๊ม่วยกันแน่

โดยขณะที่ตำรวจคุมตัวนายกฤษฏ์ออกมาจากห้องขัง ทีมข่าวก็ได้ถามกับเจ้าตัวว่าตกลงวันเกิดเหตุมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นายกฤษฏ์ไม่ตอบคำถามออกมาแม้แต่คำเดียว

ซึ่งบรรยากาศในห้องสอบสวน ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า ตัวนายกฤษฏ์มีอาการเหม่อลอย แต่พูดคุยกับตำรวจได้ และบางช่วงบางตอนก็มีการหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ซึ่งประเด็นน้ำ หากย้อนภาพกลับไปตั้งแต่วันที่คุมตัวนายกฤษฏ์ไปค้นบ้าน จะเห็นว่านายกฤษฏ์ถือขวดน้ำไว้ในมือตลอดเวลา



จากนั้นในเวลาประมาณ 08.10 น. ซึ่งเป็นเวลาก่อนจะถึงกำหนดการแถลงข่าวทาง พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ได้มีการเข้าไปสอบปากคำเจ๊ปุ้ยในห้องสืบสวนด้วยตัวเอง ซึ่งการสอบสวนดังกล่าว ตามข้อมูลเบื้องต้นทางผู้การฯ มีการเข้าไปสอบถามกับเจ๊ปุ้ย ว่าเสื้อของเจ๊ม่วยที่หายไปจากศพเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน จนกระทั่งเจ๊ปุ้ยได้รับสารภาพกับทางผู้การฯ ว่าได้ร่วมกันกับนายกฤษฏ์ เอาเสื้อเปื้อนเลือดของเจ๊ม่วยและเอกสารบางอย่างไปเผาทำร้ายในป่าใกล้กับพื้นที่บ้านของสามีเจ๊ปุ้ย

จนกระทั่งเมื่อเจ๊ปุ้ยสารภาพ ทางผู้การฯ จึงให้ชุดสืบสวนนำตัวเจ๊ปุ้ยไปชี้จุดเผาทำลายเสื้อของเจ๊ม่วย ซึ่งในขณะที่ตำรวจคุมตัวขึ้นรถตู้ ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับเจ๊ปุ้ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ๊ปุ้ย ยอมเปิดปากพูดกับทีมข่าวว่า "หนูไม่ได้เป็นคนฆ่าค่ะ ไอ้กฤษฏ์มันเป็นคนลงมือฆ่า วันเกิดเหตุกฤษฏ์มันเป็นคนบีบคอเจ๊ม่วยและเอาเชือกรัดคอ และวันเกิดเหตุหนูแค่ไปเป็นเพื่อนไอ้กฤษฏ์มันเฉย ๆ ค่ะ ไม่รู้ไอ้กฤษฏ์มันมีความแค้นอะไรกับเจ๊ม่วย"

ทีมข่าวก็ถามว่าเป็นคนถือศีล หากรู้ว่ากฤษฏ์มันเป็นคนลงมือฆ่า ทำไมไม่ไปบอกกับตำรวจตั้งแต่วันแรก แต่เจ๊ปุ้ยไม่ตอบประเด็นนี้ ทีมข่าวจึงถามคำสุดท้ายว่าอยากจะขอโทษครอบครัวเจ๊ม่วยหรือไม่ เจ๊ปุ้ยก็ตอบก่อนตำรวจจะปิดประตูรถว่า "อยากจะขอโทษจ้า"

เจ๊ปุ้ย ยืนกรานเสียงแข็งไม่ได้ร่วม "ไอ้กฤษฏ์" ฆ่าเจ๊ม่วย

จากนั้น พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ พร้อมกำลังตำรวจได้นำตัวเจ๊ปุ้ยไปชี้จุดเผาเสื้อของเจ๊ม่วย ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นบริเวณข้างป่าละเมาะใกล้บ่อขยะ ภายในซอยเดียวกันกับบ้านของสามีเจ๊ปุ้ย ที่ตำรวจนำนักประดาน้ำไปงมหาหลักฐานเมื่อวานนี้ ซึ่งจุดดังกล่าวจากการตรวจสอบจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากบ้านสามีของเจ๊ปุ้ยประมาณ 500 เมตร



โดยเมื่อไปถึงทางตำรวจไม่ได้มีการให้เจ๊ปุ้ยลงจากรถไปชี้จุดดังกล่าว มีเพียงตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปกั้นพื้นที่เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตรงจุดที่เจ๊ปุ้ยชี้บอกกับตำรวจมาจากภายในรถจะเป็นร่องรอยการเผาบนพื้นดินทราย โดยไม่เหลืออะไรที่บ่งบอกว่าจุดที่มีการเผาเป็นเสื้อของเจ๊ม่วย

จากนั้นผู้การฯ จึงให้ชุดสืบสวนเดินไปเปิดประตูรถเพื่อสอบถามกับเจ๊ปุ้ยว่า ตกลงใครเป็นคนเผา ซึ่งเท่าที่ทีมข่าวได้ยิน เจ๊ปุ้ยบอกกับตำรวจว่า "ฉันเป็นคนเอาเสื้อไปวาง ส่วนไอ้กฤษฏ์เป็นคนราดน้ำมัน" จากนั้นก็มีชุดสืบคนเดินมาถามกับเจ๊ปุ้ยว่า "ปุ้ยผู้การฯ ให้เดินมาถามว่า น้ำมันที่เอามาเผาเสื้อ ใส่ขวดมาหรือใส่แกลลอนมา" ซึ่งเจ๊ปุ้ยก็บอกว่า "ใส่ขวดน้ำมา 3-4 ขวด ซึ่งพอจุดไฟเผา ไอ้กฤษฏ์น่าจะโยนขวดเผาไปด้วย"

จากนั้นผู้การฯ ก็เดินมาถามเจ๊ปุ้ยด้วยตัวเองอีกครั้งว่า "พูดมาตรง ๆ เอาน้ำมันใส่อะไรมา จำได้แน่นอนใช่ไหมว่าจุดที่เผาคือตรงนี้" ซึ่งเจ๊ปุ้ยก็ตอบผู้การฯ ว่า "ใส่ขวดมาจ้ะ จำได้แม่นจ้า หนูไม่กล้าโกหกตอแหลผู้การฯ ซึ่งสิ่งของที่นำมาเผามี 1. คือเสื้อสีเหลืองของเจ๊ม่วย 1 ตัว 2. ผ้าห่มผืนใหญ่สีฟ้า ๆ 1 ผืน 3. เชือกลาย ๆ ที่ใช้รัดคอเจ๊ม่วย

ซึ่งตอนที่นำสิ่งของต่าง ๆ มาไว้ก่อนจะเผา ตนกับนายกฤษฏ์ขี่รถจักรยานยนต์มาวางเอาไว้ก่อน จากนั้นเมื่อขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้านไอ้กฤษฏ์ ไอ้กฤษฏ์มันก็เอาเครื่องสังคโลกสมบัติของเจ๊ม่วยไปฝัง พอฝังเสร็จตนกับไอ้กฤษฏ์ก็ขับรถกระบะตู้ทึบไปซื้อน้ำมัน แล้วก็เอาน้ำมันมาเผาทำลายหลักฐานที่นำไปวางไว้ก่อนหน้านี้"

ขณะเดียวกัน วันนี้หลังจากคดีเริ่มมีความชัดเจน เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาลงด่วนที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ค่ายเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนจันทบุรี-สระแก้ว ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยบรรยากาศในขณะที่ผู้บัญชาการลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ มีทาง พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และ พ.ต.อ.ประติพัฒน์ ภูมลี ผกก.สภ.มะขาม และ พ.ต.ท.คณิศร อภิสมพ์ รอง ผกก.ป สภ.มะขาม เป็นคนเดินทางไปรับทางผู้บัญชาการ

จากนั้นเมื่อทางผู้บัญชาการไปถึงโรงพัก จึงได้มีการประชุมถึงความคืบหน้าทางคดีเพื่อเตรียมตัวแถลงข่าวความคืบหน้าทั้งหมดเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศที่โรงพักมีสื่อมวลชนหลายสำนักไปเฝ้ารอการแถลงข่าวในวันนี้



เปิดปมสังหารเศรษฐินี เอี่ยว 30 ล้านสาปสูญ

หลังจากนั้น พล.ต.ท.สมประสงค์ พร้อมคณะ ร่วมแถลงผลการจับกุมเจ๊ปุ้ย และนายกฤษฏ์ 2 ผู้ก่อเหตุ ฆ่าอำพรางเจ๊ม่วย ซึ่ง พล.ต.ท.สมประสงค์ บอกว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุราว 5 ถึง 6 เดือน เจ๊ปุ้ยได้กู้เงินหลายครั้งรวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จากนั้นผู้ตายสืบทราบว่าถูกหลอกจึงเตรียมทนายเพื่อจะดำเนินคดี ทำให้เจ๊ปุ้ยไม่พอใจ โทรศัพท์ไปหานายกฤษฏ์ ซึ่งมีสถานะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันให้เข้ามาช่วยก่อเหตุ

วันเกิดเหตุเจ๊ปุ้ยได้เรียกผู้ตายออกมาที่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นนายกฤษฏ์แอบปีนกำแพงหลังบ้านของผู้ตายเพื่อเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในบ้าน และอยู่รอจนกระทั่งเจ๊ปุ้ยพาผู้ตายเดินกลับเข้ามาในบ้าน จากนั้นเจ๊ปุ้ยและผู้ตายมีปากเสียงกัน ซึ่งในขณะนั้นนายกฤษฏ์ก็แอบเดินเข้ามาด้านหลังของผู้ตายก่อนจะใช้เชือกรัดคอจนเจ๊ม่วยเสียชีวิต

ต่อมาผู้ก่อเหตุทั้งสองช่วยกันแบกร่างเจ๊ม่วยไปโยนทิ้งที่บ่อน้ำ ก่อนจะนำเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านผู้ตายไปทิ้งในบ่อน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 12 กิโลเมตร จากนั้น นายกฤษฏ์ได้นำเครื่องสังคโลกสมบัติของผู้ตายไปฝังไว้ที่บ้าน เพื่อให้เจ๊ปุ้ยไปเอาภายหลัง

ส่วนประเด็นเจ๊ปุ้ยกู้ยืมเงินผู้ตายจำนวน 30 ล้านบาทไปทำสิ่งใด และเรื่องที่เจ๊ปุ้ยและผู้ตายรวมกันปล่อยเงินกู้นั้นอยู่ระหว่างสืบสวน พร้อมเชื่อนายกฤษฏ์มีส่วนได้เสียกับเงิน 30 ล้านบาท

พล.ต.ท.สมประสงค์ ยืนยัน ทั้งสองเตรียมการก่อเหตุเป็นอย่างดี เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้นหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย

เจ๊ปุ้ยสั่งเก็บเจ๊ม่วย ดันรู้แผนฉก 30 ล้าน โยนบาปไอ้กฤษฏ์ อึ้งหลงผู้หนักยอมทิ้งผัว