เมียกฤษฏ์ ซัดเจ๊ปุ้ยโยนผิดผัวคนเดียว
เช้าวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง สภ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยมีครอบครัวของเจ๊ปุ้ยและครอบครัวของนายกฤษฏ์ มารอเยี่ยมทั้ง 2 คน ที่หน้าโรงพัก ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางนิด (นามสมมติ) ภรรยาของนายกฤษฏ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองรู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างมากที่เจ๊ปุ้ยโยนความผิดมาให้สามีของตัวเองแค่คนเดียว ซึ่งตัวเองเชื่อว่าสามีไม่ได้เป็นคนก่อเหตุลงมือฆ่าเศรษฐินีแต่อย่างใด
นายกฤษฏ์ ยังบอกตัวเองอีกว่า ก่อนเกิดเหตุเจ๊ปุ้ยมาโกหกสามีตัวเอง ว่าผู้เสียชีวิตเป็นหนี้เขา แล้ววันเกิดเหตุเจ๊ปุ้ยเขาได้มาชวนให้สามีตัวเองไปข่มขู่ทวงหนี้กับผู้เสียชีวิตเท่านั้น เพื่อให้ผู้เสียชีวิตกลัว สามีตัวเองจึงรับปากช่วยเจ๊ปุ้ย และเจ๊ปุ้ยยังบอกกับสามีอีกว่า “ถ้าเสร็จงานนี้ เขาจะให้เงินสามี 1 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทน” ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็รู้สึกสึกสงสัยว่า ผู้เสียชีวิตเขามีบ้านหลังใหญ่โต ทำไมต้องมาเป็นหนี้เจ๊ปุ้ยด้วย
กระทั่งวันเกิดเหตุ สามีบอกกับตัวเองแค่ว่าจะออกไปทำธุระ ตัวเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะไม่คิดตั้งแค่เรียกว่าสามีจะไปร่วมเจ๊ปุ้ยทำเรื่องแบบนี้ หากเจอหน้าเจ๊ปุ้ย ตัวเองก็อยากจะถามเขาว่า “ทำไมเจ๊พูดตอแหลแบบนี้ ทำไมมาโยนความผิดให้สามีตัวเองคนเดียว” และตัวเองเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดสามีโดนเจ๊ปุ้ยหลอกใช้
ส่วนทนายที่ร่วมรับฟังการให้การของนายกฤษฏ์ร่วมกับตำรวจ ก็คือนายอนุชา ภุมรินทร์ อายุ 61 ปี เป็นทนายความที่ตำรวจเชิญมาร่วมฟังการสอบปากคำ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้จัดหาทนายให้ผู้ต้องหา ซึ่งตนเองก็ได้มามาทำหน้าที่ และแนะนำให้ผู้ต้องหาให้การตามความจริง ซึ่งในการสอบสวนผู้ต้องหานั้น ก็ได้ให้ปากคำตามที่ตัวเองได้กระทำลงไปด้วยความสมัครใจไม่มีเจ้าหน้าที่บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด
ยอมรับว่า ตนได้สอบถามผู้ต้องหาว่าจากการสอบสวนที่ผ่านมา เหตุใดถึงมีมีการให้ข้อมูลไม่ตรง และมีการพูดพาดพิงเกี่ยวกับชายที่คลุมหัวโม่งนั้น ซึ่งนายกฤษฏ์ได้บอกกับตนว่า ตอนนั้นสภาพจิตใจยังไม่นิ่ง และเกิดความกลัวก็เลยให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ในวันนี้นายกฤษฏ์ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ นั้น ยังคงสรุปไม่ได้
ในส่วนประเด็นที่ตนจะได้รับมอบหมายให้เป็นทนายความของเจ๊ปุ้ยด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องให้พนักงานสอบสวนสอบถามความสมัครใจกับเจ๊ปุ้ยก่อน แต่ยังไงก็ต้องมีการจัดหาทนายความแน่นอน
สำหรับคำให้การในวันนี้นายกฤษฏ์ได้พูดมาในลักษณะว่า เป็นการร่วมกันกระทำความผิด ซึ่งในระหว่างสอบปากคำนายกฤษฏ์ไม่ได้เคร่งเครียดแต่อย่างใด ซึ่งความเห็นส่วนตัวมองว่า นายกฤษฏ์ยังรู้สึกงงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นผู้ที่ตกบันไดพลอยโจรในการก่อเหตุ ที่สำคัญ ในฐานะที่เป็นทนายและร่วมสอบปากคำกับตำรวจมาหลายคดี ส่วนตัวรู้สึกว่า ตัวนายกฤษฏ์ไม่มีสัญชาตญาณความเป็นอาชญากรที่แท้จริง
พ่อ "ไอ้กฤษฏ์" เชื่อลูกถูกหลอก ยันไม่เกี่ยว 30 ล้านสาปสูญ
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายไกรษร อายุ 63 ปี พ่อของนายกฤษฏ์ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ลูกชายตัวเองพาตำรวจมาชี้จุดที่ฝังหลักฐานเครื่องสังคโลกนั้น ตัวเองยืนยันว่าตัวเองไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีการฝังหลักฐานไว้ตรงนี้
นายไกรษร บอกกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ 19 หรือ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ช่วงกลางวันตัวเองก็อยู่บ้านตลอด ก็ไม่เห็นว่าลูกชายจะมาขุดหลุมฝังหลักฐานดังกล่าวเลย โดยไม่รู้ว่าเขามาฝังช่วงไหน ตัวเองก็เพิ่งมารู้เรื่องวันนี้
ตัวเองเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดน่าจะถูกเจ๊ปุ้ยหลอกให้ไปก่อเหตุ เพราะลูกชายเป็นคนดีมาตลอด ส่วนเรื่องเงิน 30,000,000 บาทของผู้ตาย ตัวเองเชื่อว่าลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ตัวเองก็อยากจะฝากถึงลูกชาย พูดความจริงกับตำรวจด้วยความเป็นจริง ไม่ต้องไปปิดบังตำรวจ ใครทำอะไรไว้เขาก็ย่อมได้รับผลกรรมแบบนั้น สุดท้ายก็อยากจะถามเจ๊ปุ้ยว่า มาหลอกลูกชายตัวเองทำไม ทำไมถึงไปวางแผนฆ่าได้ถึงขนาดนี้