จากกรณีการเสียชีวิตของเจ๊ม่วย อายุ 77 ปี เศรษฐินีเมืองจันทบุรี ถูกฆาตกรรมอำพรางศพทิ้งบ่อน้ำหลังบ้าน และพบพิรุธหลายอย่าง จนกระทั่งตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ จึงเชื่อมโยงไปหาผู้หญิงชื่อ เจ๊ปุ้ย ซึ่งทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.มะขาม เนื่องจากในช่วงเช้าตำรวจได้ออกหมายจับเจ๊ปุ้ย ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และต่อมามีการไปจับกุมตัวเจ๊ปุ้ยได้ที่จังหวัดอุบลราชธานี นั้น
ล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าที่ สภ.มะขาม โดยเวลา 09.00 น. ตำรวจได้คุมตัวเจ๊ปุ้ยออกมาจากห้องคุมขังเพื่อมาสอบปากคำ ระหว่างคุมตัวเจ๊ปุ้ยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเจ้าตัว ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และเรื่องที่เจ้าตัวตั้งท้องกับอาจารย์ใบ้หวย แต่ทางเจ๊ปุ้ยก็ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนที่ตำรวจจะพาตัวเจ๊ปุ้ยไปสอบปากคำต่อไป
โดยวันนี้นอกจากร้อยเวรจะมีการสอบปากคำเจ๊ปุ้ย ยังมีชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เข้าไปสอบถามไทม์ไลน์กับเจ๊ปุ้ย ในเรื่องของเส้นทางว่าหลังเกิดเหตุไปที่ไหนบ้าง และเส้นทางการเงินที่โอนให้คนอื่นนอกจากอาจารย์เจข์หรือไม่
ด้านนายภัคดี สามีของเจ๊ปุ้ย ที่เดินทางมา สภ.มะขาม บอกว่า สาเหตุที่เดินทางมาเพราะต้องการมาเยี่ยมและแจ้งให้เจ๊ปุ้ย ทราบว่า ทำผิดก็ต้องรับผิด ยอมรับขณะเยี่ยมเจ๊ปุ้ยอยากให้ช่วยประกันตัว แต่ตัวเองปฏิเสธเพราะคนผิดต้องรับกรรม อีกทั้งส่วนตัวไม่ได้รักเจ๊ปุ้ยแล้ว
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์อาจารย์เจข์กับเจ๊ปุ้ยนั้น ทราบเพียงว่า อาจารย์เจข์ช่วยใบ้หวยให้เจ๊ปุ้ย นอกนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด และตนไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ๊ปุ้ยเขาตั้งครรภ์ นายภัคดี ยังบอกว่า ที่ผ่านมาระหว่างที่อยู่กินด้วยกัน เจ๊ปุ้ยได้นำทองของตัวเองและลูกสาวไปขายจริง แต่ไม่รู้ว่านำเงินไปใช้จ่ายเรื่องใด
ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับวงจรปิดช่วงประมาณกลางดึกที่ผ่านมา พบว่าวินาทีที่ 00.33 น. เจ๊ปุ้ยได้ใช้สายตามองไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งเฝ้าห้องขังอยู่ด้านหน้าห้อง
จากนั้นวินาที 00.34 น. เจ๊ปุ้ยได้ใช้มือขวาเอื้อมออกมาด้านนอกเพื่อจะไปปลดล็อกกุญแจแต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะเอามือซ้ายมาช่วยดึงกุญแจแต่ก็ไม่สำเร็จอีก และวินาที 02.05 น. เจ๊ปุ้ยได้ก้มมองกุญแจอย่างมีความหวังแต่ก็ไม่สามารถปลดล็อกกุญแจได้
ขณะที่วันนี้ พบว่านางสาวปอนด์ ลูกสาวของเจ๊ปุ้ย รวมถึงญาติ ๆ ได้เดินทางมาให้กำลังใจเจ๊ปุ้ยที่หน้าห้องขัง ซึ่งพอเจ๊ปุ้ยเจอหน้าลูกสาวก็ถึงขั้นร้องไห้ออกมาผ่านห้องกรง
ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปที่บ้านของเจ๊ม่วย และได้มีโอกาสพูดคุยกับนางจันทร์ฉาย อายุ 70 ปี เป็นคนงานของเจ๊ม่วย เปิดใจกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกดีใจมากที่ตำรวจจับกุมคนที่ฆ่าเจ๊ม่วยได้ เนื่องจากตอนที่ยังจับไม่ได้ กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะการที่คนร้ายนำศพไปทิ้งบ่อ ยังไงตำรวจก็ต้องมุ่งเป้ามาที่คนงานก่อน
ส่วนเจ๊ปุ้ย ผู้ต้องหาในคดีนี้ ยอมรับว่าตนเองรู้จักเจ๊ปุ้ยเป็นอย่างดี เพราะตัวเจ๊ปุ้ยเข้ามาตีสนิทกับเจ๊ม่วยได้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว ซึ่งการเข้ามาตีสนิทของเจ๊ปุ้ย เจ้าตัวจะเอาใจเจ๊ม่วยด้วยการซื้ออาหารการกินมาส่งให้ถึงบ้าน ซื้อน้ำผึ้งที่เจ๊ม่วยชอบกินมาให้เป็นประจำ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงระหว่างที่เจ๊ปุ้ยเข้ามาสนิทสนมกับเจ๊ม่วย เจ๊ปุ้ยจะทำตัวเป็นเลขาของเจ๊ม่วย ซึ่งที่ผ่านมายืนยันว่าคนงานไม่มีใครชอบหน้าเจ๊ปุ้ย เนื่องจากเจ๊ปุ้ยชอบชี้หน้าสั่งคนงานแทนเจ๊ม่วย เหมือนตัวเองเป็นเจ้าของสวน และที่ตนเองกับสามีต้องลาออกจากงานไปเป็นคนงานสวนยางข้าง ๆ บ้านเจ๊ม่วย ก็เป็นเพราะเจ๊ปุ้ยพยายามกดดันให้ตนเองลาออก
"ที่ผ่านมา นอกจากเจ๊แดงเพื่อนสนิทของเจ๊ม่วย ก็มีอีปุ้ยนี่แหละที่เข้าออกบ้านของเจ๊ม่วยได้ทุกตารางนิ้วของบ้าน และที่ผ่านมาเจ๊ม่วยก็จะเชื่อเจ๊ปุ้ยทุกอย่าง แต่ไม่เคยให้คนงานรู้ว่าทำธุรกิจอะไรร่วมกัน ยืนยันที่ผ่านมา เจ๊ปุ้ยไม่เคยพาคนแปลกหน้าเข้ามาที่บ้านเจ๊ม่วย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่า "อีห่าปุ้ย"จะกล้าลงมือฆ่าคนที่ดีกับมัน และอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องสวนผลไม้ของเจ๊ม่วย หลังเกิดเหตุทางญาติของเจ๊ม่วย จ้างตนเองวันละ 500 บาท ให้คอยเข้ามารดน้ำ จนกว่าจะมีคนงานเข้ามาดูแลสวนแห่งนี้ต่อไป"
จนกระทั่งเวลา 11.39 น. ตำรวจได้คุมตัวเจ๊ปุ้ย ออกไปขึ้นรถฝากขัง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเจ๊ปุ้ยขึ้นรถ เจ๊ปุ้ยได้เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า ตอนนี้ไม่เครียด ยืนยันไม่ได้เป็นคนฆ่าเจ๊ม่วย แค่ร่วมกันเฉย ๆ ยอมรับว่าคิดจะฆ่าแต่ไม่ได้ทำ แค่มีส่วนร่วมเฉย ๆ ยังยืนยันว่านายกฤษฏ์เป็นคนลงมือ ตนแค่มีส่วนร่วมเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ตั้งท้องนั้นยังบอกไม่ได้ว่าท้องมานานเท่าไรแล้ว เรื่องเงินไม่ได้โอนให้อาจารย์เจข์และไม่มีอะไรจะฝากไปบอกอาจารย์เจข์ สุดท้ายยังยืนยันว่าตนแค่อยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อจะเข้าไปคุยเรื่องเงินกับเจ๊ม่วยเท่านั้น
ขณะเดียวกันในระหว่างที่ตำรวจนำตัวเจ๊ปุ้ยขึ้นไปบนรถ เพื่อรีบนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดจันทบุรี ด้วยความไม่แน่ใจว่าตำรวจจะมีการสับขาหลอกพาเจ๊ปุ้ยไปชี้จุดทำแผนก่อนหรือไม่ ทีมข่าวและสื่ออีกหลายสำนักจึงมีการขับรถตามไปติด ๆ ซึ่งระหว่างทางรถตำรวจที่ขับนำหน้า พยายามเร่งความเร็วเพื่อนำตัวเจ๊ปุ้ยไปฝากขังให้ทันก่อนเที่ยง ก็จะมีการขับรถผ่าไฟแดงเร่งความเร็วไปตามเส้นทางมุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอเมืองจันทบุรี จากนั้นเมื่อถึงหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี ตำรวจก็เลี้ยวเข้าไปยังหน้าบันไดศาล ก่อนจะนำตัวเจ๊ปุ้ยลงรถวิ่งขึ้นไปฝากขังต่อศาลให้ทันเวลา
ส่วนวงจรปิดไทม์ไลน์ในวันเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ในวันที่ 19 มกราคม เวลา 19.46 น. นายกฤษฏ์ ได้ขี่รถมารับเจ๊ปุ้ยที่รีสอร์ต เพื่อออกที่บ้านของเจ๊ม่วย
จากนั้นใน เวลา 23.53 น. (เร็วกว่าเวลาจริง 1 ชั่วโมงครึ่ง) เป็นภาพกล้องวงจรปิดบริเวณเหมืองหินที่อยู่ติดกับที่ดินของเจ๊ม่วย จะเห็นภาพนายกฤษฏ์ขี่รถจักรยานยนต์พาเจ๊ปุ้ยออกมาจากเมืองหินหลังจากก่อเหตุ ซึ่งในภาพจะเห็นว่าตรงขาของนายกฤษฏ์มีกระสอบวางอยู่ ซึ่งกระสอบดังกล่าวเป็นกระสอบที่นายกฤษฏ์และเจ๊ปุ้ย นำหลักฐานทั้งหมดออกมาจากบ้านของเจ๊ปุ้ย เมื่อนำไปทำลายและซ่อนหลังฐานเรียบร้อย จะเห็นว่านายกฤษฏ์ได้เปลี่ยนเป็นรถกระบะตู้ทึบเข้าไปส่งเจ๊ปุ้ยที่รีสอร์ต
ส่วนวงจรปิดใกล้กับจุดที่นายกฤษฏ์นำเซิร์ฟเวอร์ ไปทิ้งที่บ่อน้ำใกล้กับบ้านของนายกฤษฏ์ วันนี้ทีมข่าวไปได้ภาพวงจรปิดเป็นเส้นทางระหว่างบ้านของนายกฤษฏ์และจุดทิ้งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะเห็นว่า ในเวลา 19.08 น. ของวันมาที่ 19 มกราคม นายกฤษฏ์ได้มีการขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากบ้านคนเดียว โดยไม่มีใครนั่งซ้อนท้ายไปด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นกล้องของปั๊มน้ำมันที่จะสามารถจับภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด 3 มุมด้วยกัน
จากนั้นเมื่อลงมือก่อเหตุเสร็จแล้ว จะเห็นว่าตามไทม์ไลน์ที่ทางนายกฤษฏ์และครอบครัว บอกว่านายกฤษฏ์กลับมาบ้านตอนประมาณ 4 ทุ่ม จะเห็นว่า ในเวลา 22.47 น. นายกฤษฏ์ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาโดยมีผู้หญิงก็คือ เจ๊ปุ้ย ซ้อนท้ายกลับมาด้วย และมีการขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน
ส่วนกล้องตัวที่ 3 ตามข้อมูลนายกฤษฏ์และคนในครอบครัวที่บอกว่า นายกฤษฏ์มีการขับรถตู้ทึบออกไปส่งเจ๊ปุ้ยที่โรงแรมหรือรีสอร์ต จะเห็นว่าในเวลา 23.38 น. กล้องวงจรปิดจุดเดียวกัน จะสามารถจับภาพรถกระบะสีขาวตู้ทึบของนายกฤษฏ์ได้ขับไปยังตามเส้นทางเพื่อไปส่งเจ๊ปุ้ย ที่โรงแรมหรือรีสอร์ต และมีการไปชะลอรถหน้าปั๊มน้ำมันเพื่อหาซื้อน้ำมันใส่ขวด ไปเผาหลักฐานเสื้อผ้าได้ทั้งหมด 3 มุมเช่นกัน
จากนั้นเป็นกล้องตัวเดิมจะเห็นว่าเมื่อนายกฤษฏ์ขับรถไปส่งเจ๊ปุ้ยที่โรงแรมหรือรีสอร์ตเสร็จแล้ว ในเวลา 00.20 น. ของวันที่ 20 มกราคม นายกฤษฏ์ได้ขับรถกระบะตู้ทึบย้อนกลับมาฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อมุ่งหน้านำชิ้นส่วนเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกทำลายไปทิ้งในบ่อน้ำ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีภาพวงจรปิด 2 มุมของปั๊มน้ำมันสามารถจับภาพเอาไว้ได้
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 จะไขความจริงว่า สรุปแล้วนายกฤษฏ์รู้เห็นกับการฆ่าร่วมกับเจ๊ปุ้ยหรือไม่ วันนี้ทีมข่าวไปได้แชตมา 1 แชต ซึ่งแชตดังกล่าวเป็นแชตที่เจ๊ปุ้ยลบไปแล้ว แต่สามารถกู้ขึ้นมาได้ ซึ่งแชตดังกล่าว นายกฤษฏ์ได้มีการพูดคุยถึงการวางยาเจ๊ม่วยเมื่อวันที่ 10 มกราคม ซึ่งเป็นวันก่อนเกิดเหตุ 9 วัน
โดยแชตดังกล่าวจะเห็นว่าเจ๊ปุ้ยบอกกับนายกฤษฏ์ว่า "เหลือแค่เดือนนอกนั้นรู้หมดละ อีคนบนครบ" จากนั้นนายกฤษฏ์ก็จะบอกกับเจ๊ปุ้ยว่า "เอาของคนที่เอาไปให้กินด้วย จะได้ทำทางนี้ด้วย" หลังจากนั้นเจ๊ปุ้ยก็พิมพ์ชื่อจริงของเจ๊ม่วยให้นายกฤษฏ์ พร้อมวันเดือนปีเกิด จากนั้นนายกฤษฏ์ก็ตอบว่า "เดี๋ยวผมให้อาทิตย์หน้า วันหยุดเตรียมของก่อน"
เจ๊ปุ้ยก็ตอบว่า "ได้เอาไรบ้างบอกนะ ซื้อไรเดี๋ยวเอาตังค์ไป ไม่ต้องออกเองล่ะ บอกมาเลย" แล้วนายกฤษฏ์ก็ตอบว่า "ต้องหาของก่อน" เจ๊ปุ้ยก็บอกว่าได้ "เอาแบบใส่ไปไม่กี่วันไปเลยกวนตีนดีนัก"