จากกรณีตํารวจสอบสวนกลาง บก.ปปป. จับกุมนายศรีสุวรรณ ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน หลังร่วมกับ เจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา ข่มขู่อธิบดีกรมการข้าวโดยเรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต นั้น
ล่าสุด ภายหลังสอบปากคำนายศรีสุวรรณ นานเกือบ 9 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำในประเด็นต่าง ๆ มีการให้นายศรีสุวรรณชี้แจงภาพบริเวณจุดทิ้งถุงเงิน โฉนดที่ดิน 5 แปลง เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ รวมถึงของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากที่บ้าน
ก่อนแจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งนายศรีสุวรรณ ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนจะยื่นเงินสด 4 แสนบาทขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านและอนุญาตให้ประกันตัว
วันที่ 27 ม.ค. 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าว จริงๆ แล้วเริ่มก่อหวอดมาตั้งแต่ต้นปี 2566 เพราะเริ่มมีหนังสือร้องเรียนหรือบัตรสนเท่ห์มายังหน่วยงาน กระทั่งช่วงปลายปี 2566 กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มมีการไปคุย ไปเรียกรับเงินกับกลุ่มผู้เสียหาย ต่อมาช่วงวันที่ 4 มกราคม 2567 ทางฝ่ายผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปปป. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานพอสมควร แต่รายละเอียดเชิงลึกขอละเว้นการเปิดเผยไว้ก่อน เพราะจะต้องใช้ในการขยายผลต่อไป
สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหานั้น เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนจนได้พยานหลักฐานพอสมควร และได้ขอศาลออกหมายจับ ซึ่งศาลได้มีการอนุมัติทั้ง 3 หมายจับพร้อมเพรียงกัน ส่วนทั้งหมดจะเกี่ยวกันในมิติใดนั้น จากรายงานการสืบสวนจะพบว่าทั้ง 3 รายมักมีการแถลงข่าวด้วยกันหลายหน ส่วนทางผู้ต้องหาผู้หญิง (น.ส.พิมณัฏฐา) ก็มีความสนิทสนมกับทางนายยศวริศพอสมควร อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมร่วมกันเรียกรับเงินกับผู้เสียหาย ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินระหว่างกลุ่มผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนหลายรายการ อาทิ รายการเส้นทางการเงินของการทำธุรกรรม และคลิปเสียงสนทนา เป็นต้น กรณีการขยายผลว่าจะมีบุคคลใดเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในการกระทำผิดหรือไม่ อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่มีการระบุถึงบัญชีม้าและการกล่าวอ้างชื่อผู้ใหญ่นั้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกคน และจะขอทำเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานำส่งให้พนักงานสอบสวนในภายหลัง เพราะยังไม่ขอให้การใด ซึ่งทั้งหมดจะต้องนำส่งเอกสารภายใน 15 วัน
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่มายังบ้านพักของนายศรีสุวรรณ ย่านปทุมธานี พบว่า มีการปิดบ้านเงียบ และบ้านใกล้เรือนเคียงก็มีการปิดบ้านเช่นกัน แต่ช่วงเวลา 16.00 น. ได้มีแฟนคลับ เดินทางมาจากบางปู จำนวน 4 คน เพื่อมาให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ ซึ่งนางสาววรรณ ได้เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเดินทางมาจากบางปูเพื่อมาให้กำลังใจ ไม่เชื่อว่านายศรีสุวรรณจะทำอย่างที่ถูกกล่าวหา โดนกลั่นแกล้ง แต่จากใครตนไม่ทราบ เพราะก็เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไม่เชื่อ เพราะเขาช่วยเหลือคนเสมอ สุดท้ายถึงวันนี้จะไม่ได้เจอแต่ก็อยากบอกว่า ให้เขาสู้ ๆ
ขณะที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ได้พูดถึงเรื่องการจับกุมนายศรีสุวรรณ และชื่นชมชุดจับกุมว่า คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ซึ่งท่านเลขาฯ ภูมิศาสตร์ ชื่อเล่น เลขาโก๋ ที่เข้าไปร่วมจับกุมคุณศรีสุวรรณเชิญตนไป เชิญเจ้าหน้าที่ ปปท. ทั้งหมด เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2567 เพื่อไปพูดครึ่งวันปลุกขวัญและกำลังใจ และสอนวิธีการเทคนิคที่จะเข้าไปจับกุมผู้ต้องหา ในวันที่ 26 ม.ค. 2567 ก็เข้าจับกุม
โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ก็ทำงานร่วมกับตน เป็นลูกน้องเก่าตน สมัยท่านยศ พ.ต.ต. อยู่ศูนย์สืบสวนภาค 7 ยืนยันว่าตัวเองก็ตกใจไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะไปจับใคร ไม่ได้บอกตน พอข่าวออกมาจึงโทร. ไปสอบถาม และให้กำลังใจเลขาภูมิศาสตร์เป็นหัวหน้าชุดเข้าไปจับคุณศรีสุวรรณ และโทรไปให้ขวัญและกำลังใจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ส่วนท่านเลขา ปปช. ตนไม่ได้รู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัว ก็สอบถามรายละเอียดซึ่งในรูปคดีไม่พูดถึง
แต่ตนจะออกมายืนยันและการันตีว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่สื่อมวลชนเรียกว่า “บิ๊กเต่า” ซึ่งตนจะเรียกท่านว่า “ไอ้เต่า” คือตนจะเป็นคนที่พี่ ๆ น้อง ๆ ให้ความรักและนับถือ ตนมองว่า “เต่า” ตั้งแต่สมัยน้องเป็นสารวัตร ตนเป็นหัวหน้าชุดสืบสวน ซึ่งไอ้เต่านี่จะไม่กินเงินกินทอง จะออกไปทำงานผมต้องควักค่าน้ำมันให้ อะไรให้ ที่จริงไอ้เต่านี่มันเป็นมือวิสามัญ เป็นมือโหด แต่วิถีชีวิตต้องกลายมาเป็นผู้บริหารในการปราบปรามการทุจริต
จริง ๆ เต่าต้องปราบพวกมือปืนรับจ้าง เขาถนัดทางนั้น เพราะเป็นคนไม่กลัวใคร และพอมาเกาะคู่กับเลขาภูมิศาสตร์ หรือเลขาโก๋ หรือ เลขา ปปท. ด้วย ซึ่งตนเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก เป็นคนดี ไม่กินสินบน ทำงานตรง ๆ ไม่กลั่นแกล้งใคร มันก็เป็นพลังบวกทั้ง 2 ทาง ภูมิใจที่น้องมีผลงานในการจับการเรื่องทุจริตรับสินบน ขอเป็นแรงใจ กำลังใจให้กับเลขาโก๋ และบิ๊กเต่า หรือไอ้เต่าของตน น้องทำต่อไป
สำหรับคุณศรีสุวรรณ ตนทราบว่าท่านเป็นนักร้องเรียนมานานตามข่าวสื่อมวลชนที่ทราบ และมีอีกคนที่จะพูดถึงคือท่านรองนายกพีระพันธุ์ ซึ่งท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา เป็นคนดีและซื่อตรงมาก สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็เชิญท่านเข้ามาแก้ไขปัญหาการบินไทย รื้อฟื้นเรื่องการทุจริต เรียกว่าตรงเป็นไม้บรรทัด ตนรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว
การที่ตนชื่นชมท่านพีระพันธุ์ รองนายกฯ ปกติเรื่องแบบนี้พอรู้ว่าตำรวจออกหมายจับ เจ๋ง ดอกจิก และอดีตผู้สมัครพรรคท่าน ผู้ใหญ่จะไม่กล้าประสานมาที่ตำรวจกลัวจะเปลืองตัว จะปล่อยไปตามเรื่อง และใช้ที่ปรึกษาของพรรคมาดำเนินการหลังจับแล้ว แต่ท่านแสดงความเป็นผู้นำชัดเจนมาก ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี พูดถึงตัวบุคคล ท่านประสานเลย บอกว่าจะพาคนนี้ไปมอบตัวด้วยตัวเอง แสดงความเป็นผู้นำได้ชัดเจน
ขณะที่ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ตอบคำถามระหว่างไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนคลับ กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ถูกจับกุมว่า เป็นเวรกรรมของพี่ศรีหรือเปล่า โดยในไลฟ์แพรรี่ ตอบว่า "กรรมใครกรรมมันค่ะ" พร้อมท่องบทสวดทำวัตรเย็นฝากไปถึงศรีสุวรรณ และบอกว่าคนเราเมื่อทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ จะเป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม จักต้องเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น ความหมดจดก็ดี ความไม่หมดจดก็ดี เป็นของเฉพาะตน
"มันไม่ได้เกี่ยวกับเวรกรรม กรรมใครกรรมมัน ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาไปร้องเรียนคนอื่นจึงเป็นเวรกรรม คนพุทธเข้าใจผิด พี่ศรีแกจะผิดหรือไม่ผิด จะถูกตำรวจจับหรือไม่ถูกจับ เป็นเพราะการกระทำของแกเอง ต่อให้ไปร้องเรียนเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ไปจับ เพราะว่าเขาทำตามช่องทางกฎหมาย แต่ที่เขาถูกจับ เพราะเขาทำตัวเขาเอง"