หนุ่มขี่ จยย. ผวา เจอชายนั่งโบกรถข้างทาง เลียบมอเตอร์เวย์ช่วงบางปะกง วนกลับไปดูที่แท้เป็นศพถูกมัดนำมาทิ้งข้ามจังหวัด
วันที่ 30 ม.ค. 2567 จากการณีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ลิ้นทอง รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกอุ้มฆ่า มีเครื่องพันธนาการมัดมือและเท้า นำมาโยนทิ้งไว้อยู่ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านฝั่งขาเข้า กทม. ช่วงระหว่างหลัก กม.ที่ 41+100 พื้นที่ ม.9 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
พบชายไทยรูปร่างท้วมสูงประมาณ 175 ซม. สวมเสื้อแขนยาวสีดำสวมกางเกงขายาวสีดำ ถูกพันธนาการด้วยเชือกผ้าสีแดงมัดมือทั้ง 2 ข้าง และเท้าทั้ง 2 ข้างติดกัน อยู่ในร่องน้ำริมกำแพงรั้วกั้น ระหว่างถนนเลียบมอเตอร์เวย์และทางด่วน สภาพร่างกายกำลังเน่าเปื่อยส่งกลิ่น และพบมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ที่บริเวณริมขอบถนนเล็กน้อย
ต่อมาได้มีผู้มาแจ้งว่าศพชายรายดังกล่าวนี้ น่าจะเป็นบุคคลที่ทางญาติได้แจ้งหายไว้ในเขตพื้นที่ สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ และได้มีการเผยแพร่ข้อความตามหาผ่านทางสื่อโซเชียลไว้เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ม.ค. เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อประสานงานไปยัง น.ส.วรรณพร อายุ 33 ปี ภรรยาของบุคคลสูญหายที่แจ้งไว้ ให้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ
ต่อมาในเวลา 18.50 น. น.ส.วรรณพร ได้เดินทางมาถึงและทราบข้อมูลตำนิรูปพรรณ ทั้งพวงกุญแจ และรอยสักลายซามูไรที่แผ่นหลังของผู้เสียชีวิตจากฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมาในทันที และยืนยันชัดเจนในเวลาต่อมาว่า ศพผู้เสียชีวิตที่พบนั้น คือ นายธนาสันต์ อายุ 33 ปี สามีที่ได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ ออกจากบ้าน นำไปจอดไว้ยังปากทาง เพื่อรอขึ้นรถรับส่งของบริษัทเดินทางไปเข้ากะดึกในเวลาเที่ยงคืนที่โรงงานผลิตล้อยางรถยนต์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เฟส 6 อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยได้อยู่ด้วยกันครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันเกิดเหตุ
จนเวลาผ่านไปครบ 24 ชม. แล้ว จึงได้เดินทางไปเข้าแจ้งความไว้ยังที่ สภ.บางปู ในเวลา 23.00 น. วันที่ 28 ม.ค. 67 ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพบศพผู้เป็นสามี
ด้านนายสาธิต วัย 29 ปี เพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ซึ่งเดินทางมายังในที่เกิดเหตุ เล่าว่า ผู้ตายและตนทำงานอยู่ในคลังสินค้าของโรงงาน มีหน้าที่ขับรถโฟล์คลิฟท์จัดเตรียมวัตถุดิบไว้ให้แก่ฝ่ายผลิต โดยมีเพื่อนร่วมงานประมาณ 10 คน คืนวันเกิดเหตุ (27 ม.ค.67) ผู้ตายได้หายตัวไปไม่ได้เข้ามาทำงาน โดยปกติแล้วรถรับส่งพนักงานจะเดินทางมาถึงยังโรงงานก่อนเวลาเข้าทำงานประมาณ 23.00 น. และเมื่อถึงเวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 ม.ค. แล้วเขาก็ยังไม่มา
ตนและเพื่อนร่วมงานถึงได้พยายามโทรศัพท์เพื่อติดตามสอบถาม เนื่องจากหากจะหยุดงานหรือลางาน โดยปกติแล้วจะต้องมีการแจ้งลาไว้ให้แก่ทางหัวหน้างานทราบก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อโทรศัพท์ไปแล้วกลับไม่มีผู้รับสาย โดยมีการโทรติดต่อไปหลายครั้งจนถึงเวลาประมาณเกือบ 01.00 น. ก็ยังติดต่อไม่ได้ จากนั้นภาพในโปรไฟล์เฟซบุ๊กของผู้ตายได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นสีดำอีกด้วย โดยที่ผู้ตายนั้นเป็นรุ่นพี่เข้าทำงานมาเมื่อปี 2014 และไม่เคยพูดถึงเรื่องปัญหาอะไรให้ฟัง แม้จะค่อนข้างสนิทกันก็ตาม และยืนยันว่าผู้ตายไม่เคยพบว่ามีเรื่องกับใครในที่ทำงานมาก่อน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากนายวงศกร อายุ 29 ปี พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา น้องชายคือ นายพรเทพ อายุ 18 ปี ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากโรงเรียนในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อเดินทางกลับมายังบ้านพัก ได้พบเห็นผู้ตายลุกขึ้นนั่งโบกมือเรียก พร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ น้องชายจึงได้วนรถกลับมาดู จนพบว่ามีศพของผู้เสียชีวิตอยู่ในจุดดังกล่าว จึงโทรศัพท์แจ้งไปยังหมายเลข 191 ให้ตำรวจทราบ ซึ่งตอนนี้ได้เชิญตัวน้องชายไปสอบถามปากคำด้วย
ต่อมาช่วงหัวค่ำ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ฉะเชิงเทรา และแพทย์เวรจาก รพ.บางปะกง ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ และร่วมกันชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น
หลังการชันสูตรพบว่า บริเวณเกือบกึ่งกลางศีรษะเยื้องมาทางด้านขวา มีรูกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเจาะเข้าไป 1 รู แต่ไม่พบรูทะลุออกมาจากร่างกาย