"พิมณัฏฐา" ชิงลาออกก่อนพรรค รทสช. ตั้งกรรมสอบขับพ้นพรรค ขณะกรรมการบริหารพรรค สั่ง สังคายนาพรรคครั้งใหญ่
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังประชุม สส. และกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่านายสัญญา นิลสุพรรณ สส. นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎรได้ลงนามให้ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาประธาน กรรมาธิการกิจการศาลฯแล้ว
ขณะเดียวกันได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.รวมไทยสร้างชาติ แต่ น.ส.พิมณัฏฐา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว สดๆร้อนๆวันนี้ ดังนั้น กรรมการจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้
แต่พรรคยังสั่งการให้ตรวจสอบคณะทำงานของคณะรัฐมนตรีและประธานกรรมาธิการทุกคน โดยภายในการประชุมพรรคครั้งหน้า ให้ส่งรายชื่อให้เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ว่า ไปกระทำการอันใดที่สร้างความเสียหายให้กับพรรคหรือไม่
นายอัครเดช ยืนยันว่า พรรคจะไม่มีการปกป้อง เบื้องต้น ยังไม่พบสมาชิกบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 2 คน ที่มีความเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาท หากมีเพิ่มเติม ผู้บริหารพรรคยืนยันชัดเจน ว่า จะไม่ปกป้องคนผิด หากมีข้อมูลก็พร้อมที่จะส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี
นายอัครเดช ระบุด้วยว่า ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง แต่มองเป็นเรื่องความบังเอิญ ที่จับตัว "เจ๋ง ดอกจิก" ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่มองเป็นความผิดทางอาญาส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย หากวันดังกล่าว "เจ๋ง ดอกจิก" อยู่ที่รัฐสภาก็ต้องไปจับที่รัฐสภา
ส่วนที่สังคมสงสัย ว่า ให้ เจ๋ง ดอกจิก พ้นจากตำแหน่งคณะทำงานตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 แต่ยังปรากฏภาพเจ๋ง ดอกจิก เข้าร่วมประชุม คณะทำงานตรวจราชการคณะ 11 นั้น นายอัครเดช กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรคได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว ว่า ต้องการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้คนอื่นเข้ามาทำงาน จึงให้ เจ๋ง ดอกจิก พ้นจากตำแหน่ง สำหรับเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เพราะมีผลต่อรูปคดี
ส่วนใครเป็นคนเชิญ เจ๋ง ดอกจิก เข้ามาทำงาน ในพรรค นายอัครเดช เลี่ยงที่จะตอบว่าใครเป็นคนชวนมา
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับคนที่นำเจ๋ง ดอกจิก เข้ามาที่พรรคบ้างหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่าวันนี้ได้สอบถามเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ยังไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ คงจะมีการสอบถามอีกครั้ง ว่า ใครเป็นคนพาเจ๋ง ดอกจิกเข้ามาในพรรค แต่เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เจ๋ง ดอกจิก เคยเป็นแกนนำเสื้อแดง และกลับใจในนามกลุ่มคนไทยรักชาติ และส่วนตัวไม่ได้รู้จักเจ๋ง ดอกจิก ไปเจอกันที่สภา
ทั้งนี้ ได้มีการร้องเรียนบุคคลทั้งสองเข้ามาที่พรรคบ้างหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่มีเลย และพรรคไม่ได้ระแคะระคาย ถ้ามีก็คงดำเนินการ หัวหน้าพรรคคงไม่ปล่อยไว้แน่นอน เพราะขนาดตอนนี้พอทราบเรื่อง ก็ได้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งทันที เพราะฉะนั้น ยืนยันได้ว่า เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล
"พรรครวมไทยสร้างชาติมี 6 หมื่นกว่าคน ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมืองที่เป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และผู้บริหารพรรค เมื่อทราบเรื่องก็ให้พ้นจากตำแหน่งทันที เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เราไม่มีที่จะมายื้อ แสดงให้เห็นความจริงใจ ในการไม่ปกป้องคนผิดและ สนับสนุนให้ตำรวจดำเนินการ ตามกฎหมายอย่างเต็มที่"
เมื่อถามว่าที่ประชุมพรรควันนี้ได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า เท่าที่ดูเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวนายอัครเดช ยังได้นำเอกสารมาแสดงให้สื่อมวลชนดู ประกอบด้วย เอกสารที่นายสัญญา นิลสุพรรณ สส. นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามในหนังสือให้นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ ตั้งแต่วันนี้ ( 30 ม.ค.) และยังมีใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ น.ส.พิมณัฏฐา ที่ขอลาออก ในวันนี้เช่นกัน
ด้านนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ได้มีการแก้ไขปัญหา เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วโดยในสัปดาห์หน้า สส. และรัฐมนตรีจะส่งรายชื่อบุคคลที่แต่งตั้งเป็นคณะทำงานมาให้ตรวจสอบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยส่ง ถ้าตรงไหนมีการตั้งข้อสังเกตก็จะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด
เมื่อถามถึงบุคคลที่ชักนำนายเจ๋งดอกจิกให้เข้ามาร่วมงาน นายเอกนัฎ กล่าวปฏิเสธว่าขอไม่ไปตรงจุดนั้น ปัญหาอยู่ตรงไหน ก็จะไปแก้ตรงนั้น