จากกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นร่วมกัน ยกพวกไปทำร้ายร่างกาย นักศึกษาเทคโนโลยีปทุมวัน จนบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
จนวานนี้ ตำรวจนครบาลเปิดปฏิบัติการบุกตรวจค้น 7 จุด ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลล่าตัว กลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมนำ 9 หมายจับบุกเข้าตรวจค้น ซึ่งจากปฏิบัติการดังกล่าวตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์นี้ได้ทั้งสิ้น 3 คน
ความคืบหน้าในช่วงเช้าวันนี้มีรายงานว่าตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการดำเนินการจับกุมผู้ร่วมทำความผิดในเหตุการณ์นี้เพิ่มได้หนึ่งราย
พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการเปิดเผย ว่าตัวผู้ต้องหาที่ดำเนินการจับกุมได้ในวันนี้คือ นายเพชรมงคล อายุ 28 ปี ซึ่งถือเป็นบุคคลตามหมายจับลำดับที่ 5 ได้พร้อม เสื้อ และกางเกงที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ สำหรับผู้ต้องหารายนี้ เป็นคนที่ชูนิ้วกลางและใช้เท้าเหยียบดอกบัว ตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด
สามารถจับกุมตัวได้ที่ จับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลดอนฉิมพลี อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและ ร่วมกันพาอาวุธ(มีด) ไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
และในส่วนของตัวผู้กระทำความผิดที่ร่วมกันทำร้าย น้องเร จนเสียชีวิต ในจำนวน 9 รายที่มีการดำเนินการออกหมายจับ มี 3 ราย เป็นผู้ที่ลงมือแทงน้องเร คือ นายสหรัฐ นายณัฐพร และ นายมนต์ธัช ในจำนวนนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนสามารถจับกุมตัวนายณัฐพร ได้เป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังคงเหลืออยู่ขณะนี้ทั้งสิ้น 5 ราย มีการประสานมา ขอมอบตัวกับทางตำรวจเป็นที่เรียบร้อยยังอยู่ในขั้นตอนการรอการเดินทางมามอบตัวอีกครั้ง
พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าคดีของ “น้องเร” เด็กช่างกลปทุมวันที่ถูกรุมแทงเสียชีวิต โดยระบุว่า ล่าสุดชุดสืบสวนนครบาล ได้ร่วมมือกับสืบ บกน.6 และ สภ.ฉิมพลี จับผู้ต้องหารายที่ 4 ซึ่งเป็นตัวการสำคัญหรือเป็นหัวโจกในการยั่วยุ จนทำให้เกิดความรุนแรงในครั้งนี้และเป็นตัวการที่ชูนิ้วกลางตามภาพที่เห็นในคลิปภาพกล้องวงจรปิด โดยพบว่าเจ้าตัวพ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว ซึ่งส่วนมากกลุ่มคนก่อเหตุจะเป็นผี อยู่ในโลกเสมือนจริง ไม่เกี่ยวกับสถาบัน ดูจากเซฟเฮาส์หรือรังปลวกที่พบว่ามีการแขวนเสื้อผ้า ติดป้าย หลังจากนี้จะขยายผลเพื่อกวาดล้างให้สิ้นซาก ว่าใครให้การช่วยเหลือหรือให้ที่พักหรือไม่ โดยยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้เท่าเทียม และจะทำคดีไม่ต่างจากครูเจี๊ยบ
ส่วนนี้วันนี้ได้รับการประสานจากทนายความของผู้ต้องหาจะพาทั้งหมดเข้ามามอบตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากผู้ต้องหาไม่เข้ามามอบตัว ตำรวจก็ไม่หนักใจอะไร เพราะชุดไล่ล่าก็ทำงานอยู่แล้ว
ภายหลังตำรวจคุมตัวผู้ต้องหารายล่าสุด คือ นายเพชรมงคล อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายที่ 4 เข้ามาถึงที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ล่าสุดช่วงเที่ยงที่ผ่านมาพลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ ก่อนแถลงถึงความคืบหน้าในวันนี้ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาชุดแรก 9 คนที่ร่วมก่อเหตุ มีเพียง 2 คนที่ยังคงสถานะนักศึกษา ส่วนที่เหลือพ้นสภาพนักศึกษาไปแล้ว โดยเขายังใช้ชีวิตลักษณะโลกเสมือนจริง ชักจูงน้องๆ นักศึกษา เพื่อหวังสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ซึ่งมีค่านิยมแบบผิดๆ หลังจากนี้เราจะขยายผลตามพยานหลักฐาน รวมถึงคนที่ให้การช่วยเหลือหรือให้พักพิงด้วย
ส่วนนายเพชรมงคล ผู้ต้องหารายล่าสุด หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป โดยอำพรางตัวตน ตัดผมสั้น เนื่องจากในกล้องวงจรปิดพบว่าเขาผมยาว ซึ่งจากการสอบถามก็ทราบว่าตัดผมเพื่อหลบหนีตำรวจและฝ่ายตรงข้าม เพราะกลัวจะโดนล้างแค้นหรือโดนเอาคืน หลังกล้องวงจรปิดปรากฏภาพชัดเจนว่าเป็นใคร
ส่วนจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนแทงน้องเร มี 3 คน ส่วนคนที่มีอาวุธมีดมี 4 คน แต่การแจ้งข้อหา ไม่ว่าคนจะมีมีดหรือไม่มีมีด แต่ใช้มือใช้หมัดหรือใช้เท้า ทุกคนก็ต้องโดนข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” เพราะมีความผิดชัดเจนในเรื่องของการทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิต โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนผลของนิติเวชด้วยว่าบาดแผลของน้องเรโดนมีดแทงกี่ชนิด แต่เบื้องต้นพบว่าร่างกายของน้องเรถูกแทง 7 แผล คือหน้า 3 แผล และหลัง 4 แผล
เมื่อถามถึงทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา มาจากไหนอย่างไรนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า “ทนายความก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่เมื่อถูกจับกลุ่มแล้ว ก็ต้องแจ้งทนายความที่ไว้ใจ เพื่อใช้สิทธิตามกฎหมาย ส่วนจะว่าจ้างมาอย่างไร เรื่องนี้เป็นเบื้องหลังของฝ่ายสืบสวน”
ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังยืนยันถึงการทำคดีในครั้งนี้ว่า “ในฐานะตำรวจ เราเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม เรารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลตามพยานหลักฐานที่มี แต่ในขั้นตอนของกระบวนการพิจารณาของศาล ตนเองขอไม่ก้าวล่วง แต่ยืนยันว่าเราทำดีที่สุดที่จะเอาหลักฐานทั้งหมดไปเบิกความในชั้นศาล เพื่อให้ศาลลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย”
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เป็นวันสถาปนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก หรือ “บลูเดย์” ทางตำรวจนครบาลได้เตรียมกำลังเอาไว้แล้ว ทั้งรอบโรงเรียนและพื้นที่ใกล้ เพื่อป้องกันเหตุ ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากสถาบันเป็นอย่างดี รวมถึงผู้ปกครอง เพื่อเตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันทั้งหมด หากเกิดเหตุอะไรขึ้นทั้งภายในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียนก็ตาม ซึ่งเราพร้อมเข้าระงับเหตุ ตลอดจนปราบปราม โดยเราก็มีชุดเคลื่อนที่เร็วของฝ่ายสืบสวนเข้าสกัดระงับยับยั้งเหตุการณ์ความรุนแรงด้วย
เมื่อถามถึงข่าวความรุนแรงได้รับรายการบ้างหรือไม่นั้น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ได้ออกหมายจับและจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว จึงเชื่อว่าในการป้องกันและปราบปราม เรื่องนี้สามารถเตือนสติกลุ่มที่คิดจะก่อเหตุได้ ส่วนใหญ่เชื่อว่าทำเพื่อความคึกคะนอง
ขณะที่ เมื่อช่วงบ่ายผู้ก่อเหตุที่เหลือ 3 ใน 5 คน ได้แก่ นายมนต์ธัช, นายกฤศกร และนายสหรัฐ ได้เดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สน. ปทุมวัน ก่อนจะมีการคุมตัวมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับทนายความ โดยทั้งหมดไม่ตอบคำถามใดๆ ใส่หมวก ปกปิดหน้าตา
ซึ่งในส่วนของตัวนายสหรัฐ และนายมนต์ธัช คือ 2 ผู้ต้องหาจาก 3 ที่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นผู้ต้องหาที่ร่วมกันใช้อาวุธมีดแทง ผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับนายณัฐพร ที่สามารถจับกุมได้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
17.30 น. นายภูริ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าน้องเร นักศึกษาปทุมวันเสียชีวิต เข้ามอบตัว ที่สน.ปทุมวัน เพิ่มเติมอีก 1 รายแล้ว โดยมีทนายความพามามอบตัว ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ทำให้ขณะนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาและมีผู้ต้องหาเข้ามอบตัว รวมทั้งหมด 8 ราย ยังเหลืออีก 1 รายคือ นายวรกันต์ ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
ตร.วางกำลัง 2 กองร้อยรอบอุเทนถวาย ศิษย์เก่ายืนยันไม่ย้ายอุเทน ภาครัฐอาศัยช่วงเป็นข่าวเสียสั่งย้าย
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา บรรยากาศที่หน้ามหาวิทยาลัย หลังมีการส่งต่อข้อความว่า วันนี้ศิษย์เก่าอุเทนถวายจะรวมตัวประท้วงคัดค้านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งย้ายสถาบันออกจากพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ได้ประสานขอกำลังจากตำรวจหลายท้องที่ ประจำจุดรอบบริเวณสถาบันเพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบ พร้อมตั้งจุดคัดกรอง เครื่องสแกนอาวุธและตรวจสอบพาหนะข้างหน้าสถาบัน ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด(อีโอดี) ได้นำสุนัขตำรวจ เข้าลาดตระเวนรอบสถาบัน