เมื่อเวลา 22.45 น. วันที่ 31 มกราคม 2567 พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.บก.สปพ. ได้รับการประสานงานจากพลเมืองดีว่า มีไรเดอร์พบยาเสพติดในกล่องพัสดุที่ถูกว่าจ้างให้นำไปส่งให้แก่ผู้รับ จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.ณัฐตนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. รุดไปตรวจสอบ ที่บริเวณแยกพัฒนาการ ถนนศรีนครินทร์ แขวงและเขตสวนหลวง โดยมีสายตรวจ สน.ประเวศ ไปร่วมตรวจสอบ เพื่อรับตัวไรเดอร์คนดังกล่าวไปลงบันทึกตรวจยึดยาเสพติด ที่ สน.ประเวศ จุดที่ได้รับการว่าจ้างมา
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดนัดพบรับพัสดุ ซึ่งอยู่ภายในซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 2
จากนั้นทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ช่วงที่กำลังรับส่งพัสดุ โดยในเวลา 21.01 น. วันที่ 31 ม.ค.67 นายอัศวินได้ขี่รถจักรยานยนต์ pcx สีแดงเข้ามาจอดบริเวณริมถนน จากนั้นได้มีวัยรุ่นชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนขาสั้นเดินออกมาพร้อมกับถือถุงเซเว่นออกมาให้ไรเดอร์ เมื่อมีการส่งพัสดุเสร็จแล้วทางด้านนายอัศวินก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทันที ส่วนวัยรุ่นชายคนดังกล่าวก็ได้กลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ๆ ตามปกติ
จากนั้นเวลา 21.32 น. วัยรุ่นชายคนดังกล่าวก็ได้ลุกออกจากโต๊ะ พร้อมกับเดินไปที่รถจักรยานยนต์เตรียมจะขับออกไป และได้มีผู้หญิงซึ่งสวมใส่ชุดนอนขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกไปด้วยกัน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นายอัศวิน (นามสมมติ) อายุ 38 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถรับส่งผู้โดยสารหรือไรเดอร์ เผยว่า ในตอนแรกตนได้ไปส่งลูกค้าแถวกรุงเทพกรีฑาซอย 7 จากนั้นเวลาประมาณ 21.07 น. ของวันที่ 31 ม.ค.67 ก็มีงานใหม่แจ้งเตือนเข้ามาโดยให้ไปรับลูกค้าที่กรุงเทพกรีฑาซอย 20 ซึ่งในตอนแรกตนกำลังจะเลิกงานแล้ว แต่เห็นว่าระยะทางอยู่ใกล้ ๆ จึงตัดสินใจกดรับงาน และเมื่อไปถึงต้นทางที่จะรับลูกค้าก็มีวัยรุ่นชายคนหนึ่งอายุประมาณ 19-20 ปี เดินหิ้วถุงเซเว่นออกมาพร้อมกับบอกว่า “ผมจะไม่ขึ้นรถโดยสารนะ แต่จะให้ไปส่งของแทน” พร้อมกับส่งพิกัดปลายทางให้ทางแชต หลังจากนั้นนายอัศวินก็ได้ถามว่าพัสดุข้างในคืออะไร ทางด้านลูกค้าวันรุ่นคนดังกล่าวก็บอกว่าเป็นนาฬิกา นายอัศวินก็ไม่ได้คิดอะไร และได้ขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปส่งพัสดุที่ปลายทางแถวโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่าน RCA
ซึ่งนายอัศวินบอกว่า ตัวเองนั้นได้นำถุงพัสดุดังกล่าวแขวนไว้ที่แฮนด์รถจักรยานยนต์ ซึ่งระหว่างนั้นตนก็รู้สึกผิดปกติ เพราะขณะที่ขับรถก็มีลมพัดตีมาที่ถุงพัสดุและสังเกตเห็นว่าถุงมันดูเบาเกินไป หากมีนาฬิกาจริงคงต้องมีน้ำหนักมากกว่านี้ สุดท้ายตนจึงแวะจอดข้างทางและตัดสินใจเปิดพัสดุ ซึ่งพัสดุนั้นไม่ได้มีการห่อหุ้มที่มิดชิดอะไร พอเปิดถุงพลาสติกดูก็พบกับกล่องนาฬิกาสีดำ ภายในกล่องก็มีซองบุหรี่ 1 ซอง และในซองบุหรี่เองก็พบกับยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ทันทีที่นายอัศวินเห็นยาเสพติดก็ตกใจ จึงรีบเดินทางไป สน.หัวหมาก ทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการประสานเรื่องไปยัง สน.ประเวศ เพื่อทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ทีมข่าวก็ได้ถามว่าทำไมนายอัศวินถึงตัดสินใจเปิดพัสดุดังกล่าว หากสงสัยทำไมถึงไม่นำไปเปิดพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพัก ทางด้านนายอัศวินก็ได้เปิดใจว่าตอนนั้นรู้สึกกลัว เพราะหากขับรถไปแล้วบังเอิญเจอด่านตรวจ ตนอาจกลายเป็นคนผิดที่ลักลอบขนยา จึงตัดสินใจเปิดดูพัสดุเพื่อความชัวร์ ก่อนจะรีบนำไปส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งหลังจากที่ยาเสพติดถึงมือตำรวจ เวลา 22.47 น. ตำรวจก็ได้บอกให้ตนโทรศัพท์ไปยังลูกค้าปลายทาง ตามเบอร์โทรศัพท์ที่วัยรุ่นชายได้ให้มาในตอนแรก ทันทีที่ปลายทางรับสายปรากฏว่าเป็นเสียงผู้หญิง ในตอนนั้นตนก็ได้อ้างว่า “รถจักรยานยนต์ยางแตก ทำให้ไปส่งของช้า” ตอนนั้นผู้หญิงปลายสายก็ได้โวยวายกลับมาบอกว่า “ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก รอตั้งนานแล้ว ถ้ามาถึงก็ให้วางพัสดุไว้ที่ล็อบบี้เลย” จากนั้นก็ได้ตัดสายไป จนกระทั่งเวลา 22.58 น. ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้โทรศัพท์กลับมาอีกรอบ พร้อมกับถามหาพัสดุ ในตอนนั้นตนก็ได้ถามไปตรง ๆ ว่าทำไมถึงทำกับตนแบบนี้ รู้ความจริงแล้วนะว่าของในกล่องไม่ใช่นาฬิกา แต่เป็นยาเสพติด ทางปลายสายก็ได้ยืนยันว่าเป็นนาฬิกาจริง ๆ ไม่ใช่ยาเสพติด หลังจากนั้นก็ได้ตัดสายและขาดการติดต่อไปในทันที
นายอัศวินยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกกลัวในความไม่ปลอดภัย และอยากจะฝากถึงลูกค้าที่คิดจะใช้ไรเดอร์เป็นเครื่องมือในการส่งยาเสพติด ไรเดอร์ทุกคนทำงานอย่างสุจริต เงินทองก็หายาก ใคร ๆ ก็อยากได้งาน อย่างเช่นตนนั้นมีหน้าที่แค่รับส่งผู้โดยสาร ไม่เคยรับส่งสินค้าพัสดุ แต่ที่ตนตัดสินใจรับส่งพัสดุเป็นเพราะต้องการเงินไปเลี้ยงดูครอบครัว ถ้าหากวันหนึ่งตนถูกตำรวจจับเพราะขนยาเสพติดจะทำยังไง ตนรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าตนนั้นไม่มีความผิด แต่ตนก็ต้องเสียเวลาทำมาหากิน“
สุดท้ายก็อยากฝากถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากวอนให้ตำรวจรับเรื่องหรือดำเนินการให้เร็วกว่านี้ เพราะเมื่อวานนี้ตำรวจบอกว่าจะทำการติดตามไปยังสถานที่ปลายทางที่มีการนัดรับพัสดุ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะไม่มีกำลังคน แต่ทางด้าน สน.ประเวศ ก็ดูทำงานเต็มที่ดี
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 จึงได้โทรศัพท์ไปที่ปลายทางรับพัสดุ ซึ่งปลายสายก็ได้มีการรับสาย โดยเป็นเสียงของผู้หญิงพูด คำถามแรกที่ทีมข่าวได้ถามคือ “เมื่อวานสั่งของผ่านไรเดอร์จากกรุงเทพกรีฑา 20 วันนี้ได้รับของหรือยัง” ทางด้านผู้หญิงปลายสายก็ตอบว่า “อ๋อ ยังเลยค่ะ ไม่เห็นมีใครโทรมาเลย” จากนั้นทีมข่าวก็ได้ถามว่าของข้างในคืออะไร ปลายสายก็ตอบว่า “นาฬิกาค่ะ” ทีมข่าวก็ถามต่ออีกว่า “ใครสั่งของ สั่งของยังไง หรือแฟนส่งไปให้เหรอ” ทันทีที่ทีมข่าวเริ่มถามเยอะ ทางด้านผู้หญิงปลายสายก็เริ่มถามกลับว่า “เป็นใครคะ โทรมาเบอร์นี้ได้ยังไง ได้เบอร์มาจากไหน” ทีมข่าวจึงถามกลับว่า “ของในกล่องใช่ยาเสพติดหรือเปล่า” ปลายสายก็ตอบว่า “ไม่รู้ค่ะ” ทีมข่าวก็ถามต่อในคำถามเดิม และผู้หญิงปลายสายก็ได้กดวางสายไปในทันที
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้า เบื้องต้น พ.ต.อ.สุรพงษ์ ได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ ว่าตอนนี้สามารถระบุตัวคนก่อเหตุได้แล้วทั้ง 2 คน ก็คือวัยรุ่นชายที่ทำการนัดรับพัสดุในต้นทางและวัยรุ่นหญิงที่จะเป็นคนรับพัสดุในปลายทาง ยืนยันว่าตอนนี้มีรายชื่อและที่อยู่ของทั้งสองคนแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดซึ่งหน้า จึงกำลังอยู่ระหว่างการขอหมายจับเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป