จากกรณีพ่อกับลูกพาวัวเดินออกกำลังกายและกินหญ้าในตอนเช้า ระหว่างทางพบศพอยู่ในร่องน้ำ รีบกลับมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป ตำรวจเข้ามาคุมพ่อ-ลูกและครอบครัวทั้ง 12 คน มีเด็กอายุไม่เกิน 5 ขอบอยู่ 5 คนไปที่โรงพัก โดยนำเด็ก 4 ขวบกับเด็ก 5 ขวบ ไปแยกสอบปากคำเพียงลำพัง สุดท้าย 6 คนในครอบครัวถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าคนที่พบศพในร่องน้ำ ผู้ต้องหาครอบครัวนี้ ยืนยันว่าตนเองไม่ใช้ผู้ก่อเหตุ ตนเองถูกใส่ร้าย
ต้นเหตุคือพ่อค้าทอดมัน ถูกฆ่าปาดคอ-แทงซ้ำ รวม 6 แผล เสียชีวิตกลางทุ่งนา ระหว่างเดินออกกำลังกาย ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านหนองหว้า ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เกิดเหตุเมื่อวันที่ 21 ต.ค.2566
ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว คือ 6 คน คนที่ถูกตำรวจจับทั้ง 6 คน อ้างว่า ตนเองไม่ได้ทำ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร ออกมาร้องสื่อขอความเป็นธรรม ตอนนี้ครอบครัวต้องหมดตัว เพราะต้องขายของในบ้านที่มีทั้งหมดมาประกันตัวคนในครอบครัวออกมา แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คน เพราะไม่มีเงินประกันแล้ว จึงมาขอให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยขอความเป็นธรรม
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นางสาวสุจิตรา อายุ 49 ปี กับนายสมพร อายุ 50 ปี 2 สามีภรรยา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ เดินทางมาพบกับนายนิรันดร์ ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้เข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้
นายสมพร เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม2566 ช่วง 8 โมงเช้า ตนเองกับนายวุฒิพงศ์ ครูอ้น 18 ปี (ลูกชาย) พาวัวไปเดินออกกำลังกายกาย กินหญ้าตามป่าข้างทาง ระหว่างทางซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโล ได้ไปเจอศพผู้ชายนอนตะแคงอยู่ในคูน้ำ ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะเห็นเพียงครึ่งใบหน้า จึงรีบเดินกลับบ้านเพื่อจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางเดินกลับบ้านไปเจอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพอดี ตนจึงเล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฟัง และตนเองได้ให้ลูกจูงวัวกลับบ้านไปก่อน จากนั้นตนได้ย้อนกลับไปดูศพคนตายกับเพื่อนบ้านที่ชื่อปื๊ด พอตนไปถึงจุดที่พบศพอีกรอบ พวกผู้ใหญ่บ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงติดๆกัน จากนั้นตนเองก็อยู่ดูเจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาจนเวลาประมาณบ่าย 2 ตอน ตนถึงรู้ว่าคนตายคือคนแถวบ้านที่ตนรู้จัก ตนจึงกลับบ้านไปพักผ่อน
พอมาช่วงเย็น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน มาเชิญตัวให้ไปสอบปากคำที่โรงพัก หลังสอบปากคำเสร็จตนเองก็เดินทางกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำอีกครั้ง แล้วก็ปล่อยกลับบ้านมาตามเคย
ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ได้มีตำรวจได้โทรมาหา บอกให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก แต่วันนั้นตนเองขับรถมาทำงานที่กรุงเทพ จึงตอบปฏิเสธไปว่าไปไม่ได้ พอมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ตนเองได้โทรศัพท์ไปบอกกับตำรวจว่า ตนกลับมาบ้านที่ตรังแล้ว จากนั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ 24 ตำรวจเข้ามาจับคนไปทั้งบ้านไปสอบปากคำที่สภ.เมืองตรัง มีผู้ใหญ่ 7 คน เด็ก 4 ขวบ 1 คน เด็ก 5 ขวบ 2 คน เด็ก 3 ขวบ 1 คน และเด็ก 7 เดือนอีก 1 คน รวมทั้งหมดเป็น 12 คน โดยแยกกันสอบคนละห้อง และเอาเด็ก 4 ขวบกับเด็ก 5 ขวบ ไปแยกสอบเพียงลำพังด้วย
นางสาวสุจิตรา (แม่)กล่าวว่า หลังถูกตำรวจจับไปสอบปากคำ เมื่อช่วงเที่ยง ตำรวจได้บอกกับตนเองว่า รู้แล้วว่าใครฆ่าผู้ตาย คนฆ่าผู้ตายคือลูกเขยของตนที่ชื่อว่านายเกรียงศักดิ์ โดยตำรวจบอกสาเหตุว่า ลูกสาวตนเองคือนางสาวทิพย์จันทร์ทา ไปแอบคบชู้กับผู้ตาย ทำให้ลูกเขยตนเองโมโห ไปฆ่าผู้ตาย และนำรถกระบะใส่ศพไปทิ้งในป่า ตนจึงบอกตำรวจไปว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกสาวตนเองกับลูกเขยก็นอนอยู่บ้านทั้งคืนในวันเกิดเหตุ แถมกุญแจรถยนต์ก็อยู่กับสามีตนตลอด จะขับออกไปได้อย่างไร ตำรวจจึงออกจากห้องไป จากนั้นตอนเย็นตำรวจเข้ามาสอบปากคำตนอีก และได้บอกว่าสามีตนเองกับลูกตนเองยอมรับแล้วว่าเป็นคนฆ่าผู้ตาย โดยเล่าเรื่องประมาณว่า ผู้ตายไปทำไก่ที่บ้านขาหัก นายวุฒิพงศ์ ลูกชายตนเองจึงโมโห จนมีเรื่องมีราวกับผู้ตายในห้องครัว จากนั้นนายสมพร (สามี) ได้เอามีดมาปาดคอผู้ตาย และแทงไปที่ลำตัวหลายแผล และบอกว่าตนเองเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จากนั้นนายศุภกร (ลูกเขย) กับนางสาวอรัญญา (ลูกสาว) และนางสาวทิพย์จันทร์ทา (ลูกสาวคนเล็ก) และหลานวัย 5 ขวบกับ 4 ขวบ ช่วยกันเอาศพขึ้นรถ จักรยานยนต์พ่วงข้าง นำศพไปทิ้งที่ป่า และพยายามบังคับว่าให้ตนบอกว่า เห็นว่าสามีกับลูกฆ่ากูตาย เพื่อจะได้ปล่อยตัวไป แต่ตนไม่ทำตาม จึงถูกตำรวจคุมขัง และทำการส่งไปเรือนจำ
นางสาวสุจิตรา เล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ครอบครัวถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด 6 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น คือนางสาวสุจิตรา แม่ อายุ 49 ปี /นายสมพร พ่อ อายุ 50 ปี /นายวุฒิพงศ์ ลูกชายคนเล็ก อายุ 18 ปี / นางสาวอรัญญา ลูกสาวคนกลาง อายุ 28 ปี / นางสาวทิพย์จันทร์ทา ลูกสาวคนโต 29 ปี นายศุภกร อายุ 33 ปี(สามีนางสาวอรัญญา)
ส่วนนายเกรียงศักดิ์ (แฟนนางสาวทิพย์จันทร์ท ) ที่ตำรวจกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเพราะความหึงหวง ตำรวจได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ดำเนินคดีอะไร ตอนนี้นายเกรียงศักดิ์ที่เป็นลูกเขยตนเอง ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเขาแล้ว โดยตนเองติดต่อไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่าวันที่ได้ปล่อยตัวไปพูดอะไรกับตำรวจ
ตอนนี้ตนเองต้องขายวัวที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อนำเงินมาประกันตัวคนในครอบครัว แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คนเท่านั้น คือตนเองกับสามีและลูกชาย ตอนนี้ลูกสาวสองคนก็ได้แต่ภาวนาให้แม่ช่วยประกันตัวให้เร็วที่สุด เพราะลูกสาวรับไม่ได้กับเรื่องที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น แต่ต้องมาติดคุกอยู่ในเรือนจำ อีกทั้งตอนนี้หลานตนวัย 5 ขวบ ที่ถูกตำรวจสอบปากคำ ต้องผวาทุกครั้งที่เจอตำรวจ กลายเป็นเด็กกลัวตำรวจไปเลย ตนเองตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง หลานตนเองวัย 5 ขวบที่ถูกสอบปากคำ มีเงินกลับมาจากโรงพัก 240 บาท เด็กบอกว่าตำรวจเป็นคนให้