นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.รวมไทยสร้างชาติ ตั้งโต๊ะแถลง โต้ข้อหาแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ยกธูปเทียนแพขึ้นท่วมหัว ประกาศ ขอสาบาน เรื่องทั้งหมดที่มีการกล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ หาก พิสูจน์ความจริงแล้ว ใครก็ตามที่กล่าวหาตนที่พิพากษาตนขอให้ได้รับผลไม่ดีขอให้ชีวิตไม่มีความสุขขอให้ต้องรับผลจากการกระทำของตนเอง
พร้อมแถลง ยืนยัน ตนเข้าไปแค่ไกล่เกลี่ยให้ระหว่างผู้ร้องกับผู้ถูกร้อง ตามคำขอของเพื่อนที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดง เขาบอกว่า อธิบดีกรมการข้าวเป็นน้อง แต่กลับถูกตลบหลัง วันนี้ตนได้รับความเสื่อมเสีย ตัวของการ์ตูนเองแทบไม่มีที่ยืนในสังคม และวันที่ตำรวจไปเชิญที่ทำเนียบก็ไม่ได้ถูกจับ แต่เป็นการติดต่อขอมอบตัว ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ตนทราบมาว่ามีหมายจับจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวไป
จากนั้นนายยศวริศ เล่าที่มาที่ไป ว่า ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ว่า เริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายศรีสุวรรณกับตน เจอข้อพิรุธในกรมฝนหลวงเกี่ยวกับข้อทุจริต เมื่อเจอข้อพิรุธจึงนัดหมายกันเพื่อไปร้องที่กรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เมื่อยื่นข้อร้องเรียนเสร็จสิ้น จึงมีการแถลงข่าวและโปรยเรื่องข้อทุจริตกรมการข้าวไว้ เพราะตอนนั้นตนได้ข่าวว่า มีความไม่ชอบมาในโครงการของกรมการข้าว และตนกับศรีสุวรรณมีข้อมูลตรงกัน
แต่เย็นวันนั้น เพื่อนของตนที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มีการโทรศัพท์มาพูดคุยทำนองว่าอย่าไปยุ่งคนนี้ อธิบดีกรมนี้เปรียบเหมือนน้องชายและคนนี้เป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน เมื่อตนเห็นว่าเป็นพรรคพวก ในคืนวันที่ 20 ธันวาคม ตนก็รีบโทรไปหาอธิบดีกรมการข้าว
จากนั้นเวลา 23.00 น. อธิบดีกรมการข้าวโทรกลับมาแต่ตนไม่ได้รับสาย และได้มาคุยกันอีกครั้งในเช้าวันที่ 21 ธันวาคม โดยทางอธิบดีกรมการข้าว เป็นผู้เอ่ยขอนัดหมายกินกาแฟกัน ที่โรงแรมมารวย แต่ระหว่างทางที่ตนกำลังจะไปโรงแรม ก็ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นที่กรมการข้าวทั้งนี้ กรมอธิบดีพยายามโทรตามตนหลายรอบ
จากนั้นเมื่อไปถึง ตนโทรศัพท์หาเพื่อนที่ฝากฝังมาตั้งแต่แรก ว่า ได้เจออธิบดีกรมการข้าวแล้ว เพื่อนคนนั้นย้ำว่า ขอให้ช่วยน้องเขา น้องเขาเป็นคนดี น้องเขาไม่มีปัญหา ตนก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานเจอกับภรรยาอธิบดีรออยู่แล้วด้วย ตนจึงยืนยันว่า ที่มาวันนี้ มาเพื่อช่วย
นาย ยศวริศ กล่าวต่อว่า ทางอธิบดีแสดงตัวว่าตัวเขาเป็นคนเสื้อแดงช่วยคนเสื้อแดงมาตลอด และขอยืนยัน ว่า ไม่มีข้อกังขาใดๆพร้อมขอบคุณที่ตนมาช่วย ตนเองจึงแนะนำให้จากนี้ ไปอธิบดีกรมการข้าวประสานกับเลขาตูน ซึ่งเลขาตูนจะเป็นผู้ติดตามไกล่เกลี่ยให้ เมื่อจบการสนทนา ตนก็ลากลับอธิบดีและภรรยาก็ลงไปส่งตนที่รถ พร้อมกับกราบสวัสดีอีกครั้งและย้ำว่าขอให้ช่วย
ส่วนกรณีที่ภรรยาอธิบดีไปติดต่อกับศรีสุวรรณที่บ้านที่ตนจะเข้ามาไกล่เกลี่ย ตนไม่เคยรู้เรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย เป็นเพียงผู้ประสาน เพียงเท่านี้ ตนขอยืนยันว่า เข้าไปช่วยไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งตบทรัพย์ และไม่คิดเลยว่า ในกรมการข้าวจะมีงูเห่า ตนเป็นชาวนาไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์
นายยศวริศ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการร้องเรียนก็ต้องมีการสอบสวน ถ้าคนเราไม่ผิดหรือไม่มีแผล จะมาเคลียร์ปัญหา มาเจรจาทำไม ส่วนตนไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก ตนถ้าพบพิรุธก็มีหน้าที่เตรียมร้องเรียนตาม ซึ่งที่ผ่านมาตนกับศรีสุวรรณ ร้องเรียนมาหลายกรณีส่วนมากเป็นการร้องเรียนการทุจริตองค์กรเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายยศวริศ ยืนยัน ตนไม่เคยได้เงินสักบาทเดียว เลขาตูนก็ไม่เคยได้เงินสักบาท แต่วันนี้ตัวของการ์ตูนกำลังมีอนาคตที่ดี กำลังมีแนวทางในสังคม เขาต้องร้องไห้เสียใจทุกวันเขาผิดตรงไหน เขาไปเป็นแก๊งตบทรัพย์เมื่อไหร่ เขามีหน้าที่แค่ไปประสานงาน ระหว่างผู้ร้องเรียนกับผู้ถูกร้อง ส่วนบุคคลใด สื่อใดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตน ตอนนี้กำลังให้ทนายความรวบรวมทุกกรณี ขอให้เตรียมรับหมายศาลกันให้ดี ตัวเจ้าหน้าที่รัฐก็เหมือนกัน ที่กล่าวหาเกินเหตุเกินควร ออกมาชี้แจงรายวัน ว่า จับตัวการใหญ่ ขบวนการใหญ่ระดับชาติ เลอะเทอะ ตนก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการ ทุกนายไม่เว้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายสำหรับตนมาก
"ซึ่งจะผิดหรือไม่ผิดใช่หรือไม่ใช่ กระบวนการทางศาลจะมีหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐมาพูดจนประชาชนคนไทยทั้งประเทศมาพิพากษาตนเรียบร้อยแล้ว"
ด้านนางสาวพิมณัฏฐา นั่งร้องไห้ตลอดที่นายยศวริศแถลง ก่อนจะยืนยันว่า วันนี้ตนไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นตัวกลางระหว่างภรรยาอธิบดีกรมการข้าวกับใคร ตนไม่อยากพาดพิงถึงบุคคลอื่น ส่วนที่ตนพยายามตามยอดเงิน ตามคลิปเสียงและไลน์ คือ ตนพยายามชี้แจงว่า หากโอนไม่ครบตามที่เขาตกลงกันก็จะมีปัญหา ตนเป็นคนเจรจาจะถูกมองว่ายักยอกเงิน และในแชต line มักจะติดใช้คำว่าเรา แต่ที่จริงไม่เคยได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว
นายยศวริศ ยังยอมรับว่า เคยโทรศัพท์รายงาน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหารือว่า มีเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่า ให้ตนเองจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด มาพบท่านที่ทำเนียบก็ได้รายงานเรื่องนี้อีกท่านก็บอกแบบบาทความรำคาญว่าให้ไปจัดการ เมื่อมี 2 แรงฝากให้ตนเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ทั้งจากร้อยเอกธรรมนัส และเพื่อนที่เป็นคนเสื้อแดง ตนจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่รู้จัก นายหมู ที่ปรึกษาของ ร้อยเอกธรรมนัส
ส่วนเรื่องการดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ๋ง ดอกจิก บอกว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพฤศจิกายน และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธันวาคม โดยสาเหตุที่ถูกปลดตนไม่ทราบต้องไปถามนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาครัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เอง เพราะท่านชอบเปลี่ยนคณะทำงาน ส่วนวันเวลาที่ชัดเจนต้องไปดูในเอกสารอีกครั้ง ตอนนี้ไม่สามารถดูอะไรได้เนื่องจากโทรศัพท์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป
ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น เจ๋ง ดอกจิก ระบุว่า ตนเองเข้าออกสภาและทำเนียบเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้นเจ้าหน้าที่ทำเนียบเป็นผู้จัดเตรียมไว้ ซึ่งเขาอาจไม่รู้ว่าตนถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว ขณะที่ตนก็ถ่ายรูปลงแอคอาร์ตตามสไตล์ของตน
ส่วนมีกระแสข่าวออกมาว่า ตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า ตนเองเข้าไปจริง และเข้าไปหา ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ จริง โดยเข้าไปหารือเรื่องกำไล EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่ามีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด
ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและ นางสาวการ์ตูน ยืนยันว่าเป็นเพียงเลขาส่วนตัว ซึ่งนางสาวตูนก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวของนางสาวตูนเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดีจึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งเลขาการ์ตูน ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาส่วนตัวเท่านั้นและตนเองก็รู้จักกับครอบครัวของเจ๋ง ดอกจิก ทุกคน
ในส่วนของข้อสงสัยที่บอกว่าตนเองและนายศรีสุวรรณต่างขั้วกันนั้นทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนเองมองว่าหากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ เจ๋ง ดอกจิก บอกว่ารอเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อนถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง
พร้อมทิ้งท้ายฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่า เป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
ทั้งนี้ นายยศวริศ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า รู้จักกับ "ดร.เอก" 1 ในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ของศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง นายยศวริศ ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ
นายยศวริศ ยังย้ำได้ว่าสาเหตุที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกณฑ์ทางการเมืองถูกกลั่นแกล้ง ตกเป็นเหยื่อ ผู้สื่อข่าวถึงถามย้ำว่า ถูกใครกลั่นแกล้ง นายยศวริศ เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ก่อนที่จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการลิดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันยังไงก็ไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าไปสอบปากคำ"นายเอกลักษณ์" 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ในวันนี้ ซึ่งเป็นขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว นานกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้จับขบวนการนี้ได้เพิ่มเติม 1 ราย จากเดิม 3 ราย รวมเป็น4ราย และวงนี้มีผู้ต้องหาประมาณ 5-6 คน โดยหลังจากนี้จะมีการออกหมายจับหรือออกหมายเรียก ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และที่จะออกหมายจับเพิ่มจะเป็นบุคคลที่อยู่ระดับล่างของ4คนที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว
ส่วนนายเอกลักษณ์ ที่จับกุมตัวมาในวันนี้ ยังไม่ขอบอกรายละเอียด แต่เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้ ความสามารถที่ควบคุมดูแลสถานการณ์ทุกอย่างได้
ส่วนขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว จะมีคนที่ใหญ่กว่านี้อีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุ ‘ยังไม่เห็น’
ขณะที่การสอบปากคำในวันนี้ ตนเองก็เข้าไปให้กำลังใจ เพราะมองว่าเขาเป็นคนเก่งและสามารถควบคุมดู และควบคุมสถานการณ์ประคองสถานการณ์ได้ดี และมองว่าคนนี้ถ้าใช้งานให้เป็นประโยชน์ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ “ผมไม่คุยกับเขาเพราะเขาเป็นคนเก่ง ผมบอกว่าถ้าประกันตัวมาแล้วผมขอไปคุยด้วย และผมอยากขอคุยหลังไมค์ดีกว่า”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าจากการสอบปากคำ เอกลักษณ์ ให้การเป็นประโยชน์อย่างไรบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “พูดไปคำสองคำก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เราเลยไม่คุย เราเจอคนเก่ง เราคนไม่เก่ง เราก็ต้องถอยมาและคงจะขอคุยกับเขานอกรอบ ถ้าประกันตัวไปผมขอไปคุยด้วย ผมว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า ถ้าเขายอมให้ข้อมูลเราเราจะทำประโยชน์อะไรได้เยอะ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ที่ว่าเก่ง เก่งอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า “เขาเป็นคนที่สามารถบริหารจัดการอะไรได้ดี ถ้าเอาความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกในการตรวจสอบหน่วยงานของรัฐ การทุจริตต่างๆ ตรงนี้ก็เอาทำประโยชน์ได้ แต่ถ้าเอามาทำเรื่องส่วนตัวมันพลิกกัน ควรเอามาเป็นประโยขน์และตรวจสอบข้าราชการทุจริตดีกว่า ซึ่งเราจะทำต่อ” และคนคนนี้มีข้อมูลเยอะ ที่อาจจะทำให้ไปจับข้าราชการที่ไม่ดีได้ด้วย และเขามีข้อมูลลึกๆเยอะ ที่มีประโยชน์ซึ่งเราต้องการข้อมูลเหล่านี้มาทำประโยชน์ ตนเองเลือกใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์ แต่ตนเองไม่ได้ชมเชยคนเก่งที่ทำผิด แต่อยากคุยข้อมูลเท่านั้น “ถ้าไม่เก่ง คุมตาศรีไม่อยู่ คุณศรีต้องฟังเขา”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับด้วยว่า นายเอกลักษณ์ คอนเน็กชั่นดี คนรู้จักเยอะ ส่วนเรื่องเส้นสายมีหรือไม่ ‘ผมไม่อยากรู้’ หลังจากนี้จะขอให้ดูวงอื่น เพราะวงอื่นอาจจะมีตัวใหญ่ โดยเป็นผู้เสียหายรายอื่น อยู่ระหว่างการเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และเป็นวงที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับวงอธิบดีกรมการข้าว มีมูลค่าที่ถูกตบทรัพย์หลักสิบล้าน จนเกือบร้อยล้าน และวงอื่น ก็มีการทำเป็นขั้นเป็นตอน แบ่งหน้าที่กันทำ อย่าง เจ๋ง ดอกจิก ที่ออกมาพูดวันนี้ เดิมเป็นคนร้องเรียน และแปลงร่างมาเป็นคนเคลียร์ แต่ในที่สุดก็ไปแบ่งเค้กกัน
ส่วนวงอื่น เป็นวงการรัฐหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า มีหลายเรื่องที่ทยอยเข้ามา อยากให้เข้ามาเร็วๆ แต่ก็ไม่บังคับ สะดวกเมื่อไรก็เข้ามา ซึ่งเป็นวงเงินเยอะกว่านี้มาก และผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกัน
ส่วนกรณีที่ นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ออกมาบอกว่าจะไล่ฟ้องทั้งหมดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ก็ขอบคุณคุณเจ๋ง ที่ยอมรับว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขั้นเป็นความจริง จะเป็นประโยชน์กับเขาหรือเป็นโทษก็ยังไม่รู้เลย และให้กำลังใจคุณเจ๋งในการต่อสู้กันไป พร้อมย้ำว่า ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน ถ้าไม่มั่นใจคงไม่จับศรีสุวรรณ
โดยที่วันนี้ นายเจ๋ง ออกมาถือพาน สาปแช่ง เจ้าหน้าที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยิ้ม พร้อมกับ ยกมือพนมขึ้น แล้วพูดว่า “สาธุ ก็เป็นกำลังใจคุณเจ๋ง” ที่สาธุเพราะเห็นใจเขา และตนเองกลับเห็นใจคุณตูน และบรรดาภรรยาคนทั้งหลายที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้เพราะผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ชั่ว เป็นนิสัยเลว แต่ไหลเข้ามาสู่วงจรอุบาทว์ และเขาจะพาลโดนไปด้วย ผมสงสารผู้หญิงมากกว่า
ส่วนที่นายเจ๋ง แถลงข่าว พาดพิง ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รมว.เกษตรฯ นั้น มองว่า เขาก็พูดไปอย่างนั้น กรณีเป็นหัวหน้าอยากให้จบก็ให้ไปเคลียร์กันให้จบ คงไม่ได้มาถามเคลียร์อย่างไร