ทีมข่าวได้ข้อมูลจากชุดคลี่คลายคดี ที่ได้รับการยืนยันแล้ว เผยให้เห็นตำแหน่งการนั่งรถยนต์ ก่อนไปก่อเหตุพบว่านายกิตติโชติ หรือช่างกิต เป็นคนขับ นายสุขสงกรานต์ หรือ กานต์ นั่งคนขับด้านซ้าย
ส่วนเบาะมีนางสาวอภิสรา หรือ นิว นั่งเบาะหลังฝั่งซ้าย ถัดมาคือ นายปานเทพ แฟนของนิวนั่งตรงกลาง ส่วนขวาสุดคือนายนันทพัทธ์ หรือ โอ๊ต ซึ่งนี่เป็นตำแหน่งที่นั่งระหว่างที่นายกิตติโชติ พาพรรคพวกไปอุ้มผู้เสียชีวิต นอกจากนี้มีรายงานว่า ทั้ง 4 คนที่เดินทางมามอบตัว อาจไม่รู้ว่านายกิตติโชติจะพาไปบุกอุ้มนายธนาสันต์
จับโป๊ะ เมียชอบอ้างไม่มีผัว อยู่บ้านกับพ่อ
ขณะที่นายต๊อก (นามสมมติ) เป็นพนักงานส่งของและเป็นเพื่อนบ้านผู้เสียชีวิต บอกว่า เพื่อนบ้านในซอยเดียวกับบ้านผู้เสียชีวิตไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ โดยทุกคนรู้ว่าเกิดจากปมอะไรถึงไม่อยากยุ่ง นิสัยของผู้เสียชีวิตเป็นคนขยันชอบทำงาน แต่เป็นคนมาดนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด อัธยาศัยดีกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านก็จะรู้กันว่าทางผู้เสียชีวิตพักอาศัยที่บ้านหลังนี้กับภรรยาเพียงแค่สองคนเท่านั้น
โดยทราบมาว่า เมียผู้เสียชีวิตไปบอกกับกิ๊กว่าโสดและอยู่บ้านเพียงสองคนกับพ่อ ทางกิ๊กก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกเป็นคนมาก่อน แล้วมาจับได้ทีหลังว่าผู้หญิงไปมีชู้คือคนตาย แต่จริง ๆแล้วชู้ที่กิ๊กว่าคือนายธนาสันต์ ซึ่งเป็นสามีตัวจริงและเป็นผู้ชายคนแรกที่มาก่อน พอตอนหลังกิ๊กจับได้ว่าเมียมีชู้คือนายธนาสันต์ ก็ไม่พอใจมายิงชู้ แต่ถามว่าธนาสันต์ก็ไม่ผิดเพราะเป็นสามีตัวจริง
ยืนยันตนเคยเห็นแต่ผัวไปยิงชู้แต่คดีนี้เพิ่งเคยเห็นชู้ไปยิงผัว ก็ไม่เข้าใจจะไปยิงผัวตัวจริงทำไม ก็คงเป็นเรื่องของหึงหวงและหน้ามืดตามัวเพราะหลงผู้หญิงอยู่ หรือไม่อยากให้สืบต่อว่ามีเรื่องเกี่ยวกับเงินประกันของตัวผู้ชายที่เสียชีวิตหรือไม่ถึงเกิดเรื่องนี้
ขณะที่ตนยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า การขับรถเข้า-ออกในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ใช่หมู่บ้านเปิดแต่เป็นหมู่บ้านปิดที่มีค่าส่วนกลางที่ทุกหลังต้องจ่าย และหมู่บ้านนี้มี รปภ. ที่เข้มงวดด้วย ตนสงสัยว่ารถเก๋งคันสีแดงที่ขับตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต เข้ามาที่หมู่บ้านนี้ได้อย่างไร แล้วเข้ามาโดยที่ไม่ได้แลกบัตรหรือลงอะไรไว้เป็นหลักฐาน เป็นไปได้หรือไม่ตัวภรรยาผู้เสียชีวิตอาจชี้เป้าบอกให้มารอ เพราะถ้าเป็นคนในหมู่บ้านไม่ต้องแลกบัตรก็เข้าได้ แต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานตนไม่อยากปรักปรำใคร
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังทราบถึงพฤติกรรมก่อนที่จะเกิดเหตุว่า ประมาณ 6 วัน นายกิตได้ขับรถยนต์คันก่อเหตุไปวนเวียนอยู่ที่บ้านของผู้ตายมาแล้ว เพื่อไปดูความเคลื่อนไหวของผู้ตาย จนกระทั่งในคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ทั้ง 5 คน ได้มารวมตัวกันที่อู่ของนายกิต ที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
จากนั้นได้ขับรถยนต์คันก่อเหตุไปที่บริเวณบ้านของผู้ตาย เพื่อรอดูเวลาที่ผู้ตายจะออกไปทำงาน กระทั่งผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถตามไปยังติด ๆ เมื่อพ้นจากบ้านผู้ตายได้ประมาณ 2 กิโลเมตร กลุ่มคนก่อเหตุก็ได้ขับรถปาดหน้าทันที แล้วบังคับให้ผู้ตายขึ้นไปบนรถ ส่วนนายโอ๊ตลงไปขี่รถจักรยานยนต์ผู้ตายตามมาด้วย ซึ่งนายกิต สารภาพว่าตั้งใจจะไปเคลียร์ปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่ปรากฏว่าระหว่างทางที่ไปเคลียร์กัน ภรรยาของผู้ตายแชตมาหาผู้ตาย โดยมีการใช้คำที่ดูเป็นห่วงกันมาก
จากนั้นกลุ่มคนก่อเหตุจึงบังคับให้ผู้ตายปลดล็อกโทรศัพท์ ก่อนจะเข้าไปอ่านแชตจึงทำให้นายกิต โกธรมาก ก่อนจะใช้ปืนยิงที่หัวของผู้ตายแล้วนำศพไปทิ้ง แล้วก็ได้ชำแหละรถจักรยานยนต์ของผู้ตายนำไปทิ้งพร้อมอาวุธปืนไปทิ้งลงแม่น้ำ ก่อนที่นายกิตให้การอ้างว่า คนที่ตอบแชตกับภรรยาผู้ตายหลังก่อเหตุแล้ว คือนายโอ๊ต หนึ่งในกลุ่มคนก่อเหตุ แต่จากการสอบปากคำ นายโอ๊ดปฏิเสธ ไม่ได้เป็นผู้ตอบแชต เพราะโทรศัพท์ผู้ตายอยู่กับนายกิต และนายกิตสวมเป็นผู้ตอบแชตคุยกับเมียของผู้ตาย