พร ร้องไห้เป็นสายเลือดส่งวิญญาณพี่ใหม่

บรรยากาศที่วัดปลัดเปรียง จ.สมุทรปราการ ทางครอบครัวของนายธนาสันต์ ผู้เสียชีวิต จัดพิธีฌาปนกิจศพของนายใหม่ ทางครอบครัวของใหม่ยกโลงศพลงมาจากศาลาที่ตั้งพิธีบำเพ็ญกุศล บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยทางนางสาวพร ซึ่งเป็นภรรยาที่ใหม่รักที่สุดก่อนที่จะเสียชีวิต ก็น้ำตาคลอตลอดในวันสุดท้ายที่จะต้องส่งดวงวิญญาณของ “ใหม่” ขึ้นสวรรค์

 

“พร” ถือกระถางธูปนำขบวนศพของ “ใหม่” เวียนรอบเมรุสามรอบ โดยมีญาติของ “พร”คอยประคองขณะเดินตลอด เนื่องจาก “พร” ไม่ได้นอนมาสองวันแล้วและไม่ยอมกินข้าวหลังจากที่พรรู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างสลดเพราะ “พร” ตาแดงและน้ำตาคลอตลอด และเมื่อวน 3 รอบเสร็จต้องนำลมส่งของสามีขึ้นไปบนเมรุ “พร” วางกระถางธูปแล้วร่ำไห้ออกมา ซึ่งจากการที่ทีมข่าวช่อง 8 มาปักหลักตามคดีนี้ตลอดเรายังไม่เคยเห็น “พร” ร้องไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พรอัดอั้นตันใจและกลั้นน้ำตาไม่ไหวและร้องไห้ออกมา ในวันส่งดวงวิญญาณของสามีวันสุดท้าย

 

หลังส่งศพสามีขึ้นเมรุแล้ว ญาติต้องรีบประคอง “พร”ลงมาจากเมรุ เพราะ “พร” มีอาการกำลังทรุดเพราะเสียใจหนัก แล้วร่ำไห้กับเพ้อออกมาตลอดว่า “ขอโทษ” เพราะเจ้าตัวทำผิดต่อ “ใหม่”ตอนที่สามีมีชีวิต

 

เมื่อถึงเวลาที่ทางนางสาวพรและครอบครัวพรต้องไปเคารพศพและวางดอกไม้จันทน์ “พร” เคาะโลงศพบอกสามีครั้งสุดท้ายและพูดว่า “ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ”

 

หลังบอกลาสามีเสร็จทางครอบครัวของพรก็ประคอง “พร” ที่กำลังอาการทรุดเกือบเป็นลม รีบออกจากเมรุ และออกจากวัดที่จัดพิธีฌาปนกิจทันที โดยพาขึ้นรถกลับบ้านพัก ไม่ได้อยู่จนเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพสามี

 

“ที่วันนี้ตนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ต้องระบายออกมาเพราะตนรู้สึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ใหม่ต้องมากลายเป็นแบบนี้ และอยากบอกกับเขาว่า ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

 

ชี้ตนเองอยู่กับ”ใหม่” มา 17 ปีแล้ว ใหม่ดูแล ดีทุกอย่าง ตนอยากกินอะไร ใหม่ก็พาไปกิน ตนอยากไปเที่ยวที่ไหน ใหม่ก็พาไปเที่ยว และพอตนไม่สบายใหม่ก็เช็ดตัวให้ ตนเพิ่งรู้ว่าใหม่เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตตน โดยผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตตนมีสอง คนอันดับหนึ่งคือพ่อบังเกิดเกล้า และอันดับสองก็คือ “ใหม่” คนที่เป็นสามี “อยากบอกว่าตนรักใหม่มากที่สุดในชีวิตแล้ว อยากขอโทษมากๆ”

 

“วันสุดท้ายตนอยากบอกใหม่ว่า ขอบคุณที่ทำให้ตนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตอนเองขอโทษในสิ่งที่ตนทำผิดพลาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษ” แล้วยืนยันเราไม่ได้ทะเลาะกันก่อนที่สามีตนจะหายก็ไป และเราก็ไม่ได้ผิดใจกัน

 

หลังสามีตนเองเสียชีวิตตอนยังไม่ได้เข้าไปขอโทษหรือขอขมาแม่ของสามี แต่ตั้งใจจะไปขอโทษแม่ของสามีแล้วอยากบอกว่า ขอโทษที่เป็นเมียที่ไม่ดีขอโทษที่เป็นสาเหตุให้ลูกของเขาต้องจบชีวิตแบบนี้

 

ส่วนนายกิต ตนไม่ได้ระแคะระคายตอนที่คบกับ”กิต”เพราะ”กิต”ไม่ได้มีพิรุธว่าจะไปฆ่าสามีตน และที่ทีมข่าวมาถามตนว่าอยากบอกอะไรกับกิตไหม “ ตนไม่อยากนึกถึงหน้ามัน ต่อให้กินจะโกรธตนที่ตนไปหลอกลวงว่าไม่ได้มีสามี แต่ตนก็อยากโต้บอกว่า โกรธแล้วถึงกับฆ่าคนอื่นได้ขนาดนี้เลยหรอ ฆ่าหนูดีกว่าไหมเพราะหนูเป็นตัวต้นเรื่อง ถ้าย้อนไปได้จะไม่อยากไปรู้จักกับกิต

 

อยากบอกว่า “ใหม่” เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตตน และอยากบอกอีกว่าคิดถึง คิดถึงมากๆเลย ส่วนที่ตัวเองผิด ยอมรับว่าตนทำผิด และไม่อยากจะชี้แจงอะไรเพิ่ม เพราะก็ทำผิดจริงๆ และยืนยันว่าไม่มีส่วนที่ร่วมฆ่าสามี

 

จากบทเรียนครั้งนี้ที่ตนเจอตนอยากบอกกับสังคมว่า “ ความซื่อสัตย์ที่ควรมีกับครอบครัวควรมีค่ะ ถ้ามีความซื่อสัตย์มากพอต่อให้มีคนใหม่เข้ามา มันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ขอให้คดีของหนูเป็นอุทาหรณ์ต่อชีวิตคู่ของอีกหลายคน ให้มันหยุดให้มันจบที่คู่ของหนู

 

และเรื่องที่สังคมตั้งข้อกังขา เงินประกันชีวิตของใหม่ที่ทำกับโรงงานรวมถึงเงินจากเหยื่ออาชญากรรมของใหม่ ยืนยันว่าตนได้มีการพูดคุยและเคลียร์ประเด็นนี้กับแม่ของใหม่แล้ว ขอยืนยันต่อหน้าทีมข่าวว่า “ตนจะไม่แตะต้องเงินแม้แต่บาทเดียวที่เป็นเงินที่ได้จากการทำศพของใหม่” ส่วนที่ต้องทำแบบนี้เพื่อที่จะพิสูจน์ตนเองกับคนในครอบครัวของใหม่ว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายและที่คบใหม่ก็ไม่ได้หวังเรื่องผลประโยชน์

 

แม่ใหม่ ลั่นไม่ให้อภัยพร

นางยิ้ม แม่ของนาย ธนาสันต์ หรือใหม่ ผู้เสียชีวิตจากเหตุช่างกิตอุ้มฆ่าทิ้งมอเตอร์เวย์ โดยวันนี้เป็นวันฌาปนกิจนายใหม่ ทีมข่าวลงพื้นที่สอบถาม แม่นายใหม่ พูดถึงพรว่าตั้งแต่เกิดเรื่องพรยังไม่มาขอโทษหรือขอขมาแม่เลย วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก็เจอหน้ากันแต่นั่งคนละฝั่ง และไม่ได้มีการพูดคุยกัน

 

เมื่อถามถึงเรื่องเงินประกัน ที่น.ส.พรเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนหน้านี้ว่าได้เคลียร์กับแม่แล้ว และจะไม่เข้ามาแตะต้องโดยเด็ดขาด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ เรื่องนี้แม่เผยว่า ยังไม่เห็นพรเข้ามาพูด หรือเคลียร์ใจกันเลย และไม่เชื่อว่าจะไม่แตะต้องเงิน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเข้ามาพูดกับแม่เลย หากพรเข้ามาขอโทษและชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แม่จะให้อภัยหรือไม่ แม่ของผู้ตายเผยว่า คงยากอยู่ เพราะรับไม่ได้ เป็นแบบนี้คงอโหสิกรรมให้ไม่ได้

 

ส่วนบ้านที่นางสาวพรและนายใหม่อาศัยอยู่กันสองคน พ่อตาไม่ได้อยู่ด้วย เมื่อถามว่าลูกชายเคยเล่าเรื่องพรให้ฟังหรือไม่ แม่ยิ้มเผยว่าลูกชายไม่เคยเล่าให้ฟัง หรือระบายเลย และเพิ่งรู้จากสื่อว่าพรเคยนอกใจลูกชายถึง 3 ครั้ง เพราะแม่กับใหม่ต่างคนต่างทำมาหากิน

 

สุดท้ายก่อนส่งลูกไปสู่สวรรค์ แม่ได้พูดคุยว่าไม่ต้องห่วงเรื่องทั้งหมด ขอให้ตำรวจดูแลคดีไป เมื่อถามว่าจะให้อภัยพรหรือไม่หากเข้ามาขอโทษ แม่เผยว่าคงไม่ให้อภัย ไม่มีใครยอม มันรุนแรงเกินไป และเผยอีกว่าอยากให้ประหารกิตไปเลย รับกรรมตามที่ทำไว้

 

และในช่วงก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจเผาศพ เพื่อนของนายใหม่จำนวนมากรวมตัวกันบนเมรุหน้าโลงศพเพื่อร้องเพลงอำลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยเลือกเพลงที่ใหม่ชอบร้องตอนที่ใหม่ยังมีชีวิตคือเพลง “เพลงพันธุ์เดียวกัน” ของแช่ม แช่มรัมย์ และเพลง “มึงกับกู” เพลงประกอบภาพยนตร์ 4 king บรรยากาศตอนช่วงร้องเพลงก็ค่อนข้างสลด เพราะเพื่อนของใหม่ทั้งหมดร้องเพลงไปน้ำตาคลอไป และบางคนก็ร้องไห้หนักขณะที่ร้องเพลง

 

หลังเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพพี่ชายพรเข้ามายกมือไหว้ขอโทษ “นายปอนด์” ลูกพี่ลูกน้องของนายใหม่ โดยมาขอโทษที่น้องสาวตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ใหม่เสียชีวิต มีการพูดคุยกันและมีการเคลียร์ใจ

 

จับโป๊ะน้องพร เก๋งแดงทำไมไม่รู้เป็นรถกิต

ย้อนไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 67 หลังจากนายใหม่เสียชีวิต ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานเห็นเก๋งแดงปริศนาในคลิป เลยนำไปถามพร พร้อมสอบถามรู้หรือไม่ว่าเป็นใคร แต่พรกลับตอบว่าไม่รู้ ไม่เคยเห็นเลย คิดว่าเป็นคนที่มีการวางแผนมาอย่างดี เพราะรู้ว่าใหม่ออกจากบ้านกี่โมง

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายกานต์ หนึ่งในพยานคืนเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า หลังจากที่ข่าวออกเมื่อคืนนี้ ตัวเองก็รู้สึกสบายใจ เพราะมีภาพวงจรปิดจับภาพได้ว่าตัวเองไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ช่วงกลางดึกวันที่ 28 มกราคม 2567 ซึ่งคาบเกี่ยวกับตอนที่นายกิต ไปก่อเหตุ เพื่อนยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ไปฆ่าและทิ้งศพกับนายกิตแน่นอน

 

แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกกังวลกลัวว่า นายกิต จะกลับคำให้การพอไปถึงชั้นศาล ว่าฆ่าผู้ตาย ตั้งแต่ตอนที่พวกตัวเองอยู่ในรถแล้ว แต่ตัวเองก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าตอนที่ตัวเองอยู่กับผู้ตายนั้น ยังไม่มีมีการบังคับขู่เข็ญหรือทำร้ายร่างกายผู้ตายแต่อย่างใด

 

นายกานต์ เผยพิรุธบางอย่าง ให้ทีมข่าวฟังว่า วินาทีตอนที่นายกิตขับรถยนต์เบียดรถมอเตอร์ไซต์ของผู้เสียชีวิต นายกิตก็ได้บอกพวกตัวเองให้ไปเรียกผู้ตายขึ้นมาบนรถ พวกตัวเองถึงไปเรียกผู้ตายให้เดินขึ้นมา แต่กับนายโอ๊ต ซึ่งมีศักดิ์ เป็นหลานชายนายกิตนั้น นายกิต พูดมาคำนึงแค่ว่า “โอ๊ต” จากนั้น นายโอ๊ต ก็รีบเดินลงจากรถเก๋งแล้วไปขับเอารถมอเตอร์ไซต์ของผู้ตายเลย เหมือนกับทั้งสองคนส่งซิก แล้วก็รู้กัน ว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าทั้งสองคนเขารู้เห็นกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่

 

ส่วนเรื่องทางคดีตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีการเรียกตัวเองไปสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่าง หลังจากนี้หากมีโอกาสตัวเองก็อยากจะไปเยี่ยมนายกิตที่เรือนจำอยู่เหมือนกัน และอยากจะบอกเขาว่า “ พี่ทำอะไรไว้พี่ก็ยอมรับความจริง พี่หลอกพวกผมไปก็ไม่ต้องมาโยนความผิดให้พวกผม”

 

ตัวเองยอมรับว่าที่ผ่านมาในกิตเป็นคนนิสัยดี ขยันทำมาหากิน รักเพื่อนฝูง รักน้องๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมและฆ่าคนได้ถึงขนาดนี้ หรืออาจเป็นเพราะเขาหึงหวงน้องพรมากหรือไม่

 

นายกานต์ ยังสงสัยในประเด็นเรื่องของแชต ปริศนา ที่มีการส่งไปหา ภรรยาผู้เสียชีวิต ช่วงเวลา 03.17 น. วันที่ 28 มกราคม 2567 ว่านายกิต เป็นคนพิมพ์แชตแฝงตัวเป็นผู้ตาย แล้วเข้าไปเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Facebook จริงหรือไม่ เพราะนายกิตเขาไม่น่าจะมีรหัส Facebook ของผู้ตาย และหากเปรียบเทียบไทม์ไลน์ตอนที่ พี่กิต ไปทิ้งศพ ที่จุดพบศพก็เวลาประมาณ 00.28 น. (ยึดตามเวลาในกล้อง) ซึ่งก็หมายถึงนายใหม่น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว แล้วใครเป็นคนบอกรหัสล็อกหน้าจอผู้ตาย ตัวเองก็สงสัยในประเด็นนี้ ว่า จะมีคนคนอื่นที่รู้รหัสของผู้ตายร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งตัวเองก็สงสัยผู้หญิงคนดังกล่าว แต่ก็ไม่อยากที่จะไปปรักปรำเขา

 

แล้วตัวเองก็คาใจตรงที่ว่า หลังจากที่นายใหม่เสียชีวิต ทำไมผู้หญิงคนนั้นดังกล่าวต้องพาพี่กิต ไปในบ้านด้วย ทั้งๆที่สามีตัวเองก็เพิ่งตาย และยังจับคนร้ายไม่ได้

 

อีกประเด็นหนึ่งที่ตัวเองอยากพูดก็คือ ทำไมวันแรกๆ ที่เป็นข่าว นักข่าวถามเรื่องรถเก๋งสีแดง ต้องสงสัย แล้วภรรยาผู้ตายบอกว่า ไม่คุ้นรถคันดังกล่าว และไม่เคยเห็นในหมู่บ้าน ทั้งที่ วงจรปิดตรงข้ามบ้านของนายกิต วันที่ 26 มกราคม (ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน) ยังเห็นพรไปล้างรถกระบะตู้ทึบขาวกับพี่กิต ซึ่ง ก็มีรถเก๋งคันสีแดงที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ข้างข้างๆกัน ทำไมภรรยาผู้เสียชีวิต เขาถึงจำรถเก๋งของพี่กิตคันนั้นไม่ได้

 

นายกานต์ ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง คือตอนที่ตัวเองนั่งรถไปกับนายกิต ตัวเองเห็นเชือกสีแดง หล่นอยู่ใต้เบาะ จึงหยิบขึ้นมาดู แต่ตอนนั้นตัวเองยังไม่รู้ว่าเชือกดังกล่าวจะใช้ในการก่อเหตุด้วย จึงกังวลว่า หากตำรวจไปเจอดีเอ็นเอของตัวเองในเชือกเส้นนั้น ตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่ แต่ตัวเองได้ให้การกับตำรวจไปแล้วว่า ตัวเองได้จับเชือกเส้นดังกล่าวจริง ก่อนที่จะไปรับผู้เสียชีวิต แต่ตัวเองไม่ได้รู้เห็นตอนเกิดเหตุ

 

นอกจากนี้นายกานต์ ยังบอกอีกว่า ถ้าคดีดังกล่าวคลี่คลายลง ตัวเองและนายแท็ป ตั้งใจว่าจะบวชให้กับผู้เสียชีวิต เพราะถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นคนก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางเขาก็ตาม แต่ตัวเองก็มีส่วนที่นั่งในไปรถคันสีแดงในวันที่ไปรับเขา พอมาทราบว่าเขาตาย ก็อยากบวชให้เขา

 

 

ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับ นายพรเทพ อายุ 37ปี เจ้าของรถมิราจ สีแดง ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับตัวเองเป็นเจ้าของรถเก๋งคันสีแดงที่นายกิตใช้ไปก่อเหตุ ซึ่งเมื่อแปดเดือนที่แล้ว ตัวเองได้ไปยืมเงินนายกิต จำนวน 30,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นตัวเองมีปัญหาเรื่องเงิน นายกิต จึงขอยึดรถของตัวเองไว้เป็นหลักทรัพย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

กระทั่งช่วงเดือนธันวาคม นายกิตได้ติดต่อมาหาตัวเอง ให้หาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นวันที่ตัวเองได้คุยกับนายกิตเป็นครั้งสุดท้าย

 

จนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเรียกตัวเองไปสอบปากคำ เนื่องจากตำรวจไปทราบว่ารถของตัวเองได้ใช้ก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางศพนายใหม่ ตัวเองจึงได้ให้การกับตำรวจ ว่าตัวเองไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิต และภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็ได้ไปควบคุมตัวนายกิตมาที่โรงพัก ตัวเองถึงมาทราบเรื่องราวทั้งหมดว่า ที่ตำรวจเรียกตัวเองไปสอบปากคำ เนื่องจากนายกิตได้ใช้รถของตัวเองไปก่อเหตุดังกล่าว

สำหรับตัวเองเป็นเพื่อนกับนายกิตมาตั้งแต่สมัยตอนเป็นเด็ก ซึ่งตอนนั้นเค้าก็เป็นคนเงียบเงียบ ยอมรับว่ารู้สึกตกใจมากที่เขาไปก่อเหตุดังกล่าว ส่วนน้องพร ตัวเองไม่รู้จักผู้หญิงรายนี้มาก่อน และไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย

 

ส่วนรถเก๋งของกลางคันดังกล่าว ตัวเองก็จะให้ไฟแนนซ์มารับหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้นกระบวนการไปแล้ว เพราะตัวเองก็ไม่มีเงินที่จะผ่อนรถคันดังกล่าวต่อ

จับโป๊ะน้องพรไม่รู้เก๋งแดงเป็นรถกิต ใจสลายร่ำไห้เคาะโลง "ขอโทษ" แม่ลั่นไม่อภัย