แกนนำอนาคตใหม่ -พิธา ขึ้นศาลแขวงปทุมวัน ฟังคำพิพากษา คดีแฟลชม็อบปี 2562 ด้าน "ชัยธวัช" มั่นใจ หากผลออกมาเป็นลบ ไม่มีเหตุผลไม่ให้ประกันตัว
ศาลแขวงปทุมวัน นัดฟังคำพิพากษาคดีแฟลชม็อบที่สกายวอร์ก เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2562 โดยจำเลยประกอบด้วย อดีตพรรคอนาคตใหม่ อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.พรรคก้าวไกล ว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมชนสาธารณะ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 ดังที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องจริงหรือไม่
สำหรับอัตราโทษสูงสุดของข้อหาที่ถูกฟ้องฐานละเมิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ คือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ ข้อหาร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
โดยจำเลยเดินทางมาศาลอย่างพร้อมเพรียงและทุกคนมีสีหน้าที่ไม่ได้กังวลกับคดีนี้ เพราะว่าเป็นคดีเล็กน้อย สิ่งที่ต้องลุ้น คงมีแค่นายพิธา ลิ้มเจริญ เพราะหากออกมาในทางลบ มีโทษจำคุก แต่ประกันตัวไม่ทัน อาจจะมีผล ต่อตำแหน่ง สส.ของนายพิธา
ทั้งนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ทางมาร่วมสังเกตการณ์ในคดีนี้ด้วย พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ทางทีมทนายและจำเลยมั่นใจว่า เราจะชนะคดีในวันนี้ ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของการต่อสู้ความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และเรื่องนี้เป็นการต่อสู้สิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยสันติ
เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมแผนรองรับเรื่องนี้ยังไงบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า หากคดีนี้ผลออกมาเป็นลบ ก็เตรียมอุทธรณ์ แต่ขอย้้ำว่า มั่นใจผลจะออกมาดี และไม่น่าจะมีผลกระทบทางการเมือง เพราะหากออกมาในทางลบจริงๆ ไม่มีเหตุผลว่า จะไม่ให้ประกันตัว คดีเล็กน้อยแบบนี้ แต่ก็คาดว่าคำวินิจฉัยคดีสามารถชนะคดีได้
ส่วนแกนนำที่มาฟังคำพิพากษาวันนี้ นายชัยธวัช บอกว่า ทุกคนไม่มีความกังวลอะไร ขอให้สบายใจแต่จะมีผลในเรื่องของสิทธิของการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
เมื่อถามว่า ในฐานะภาพผู้นำฝ่ายค้านและฝ่ายนิติบัญญัติความเห็นในเรื่องปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุม จะมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า เรามีข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่แล้ว รวมถึง พ.ร.บ.การชุมนุมด้วย และเรื่องนี้ได้มีการพิจารณาในคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนตั้งแต่สมัยสภาชุดที่แล้วและในฐานะ สส. ตนจะให้ความสำคัญกับการพิจารณากฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน