ช่วงบ่ายวันนี้ ทีมข่าวได้ติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลได้พิจารณา ไม่ให้ประกันตัว ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย
หลังจากแจ้งข้อหา ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ , ข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป , หน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังถึงแก่ความตาย อัตราตราโทษประหารชีวิต
ทีมข่าวช่อง 8 ได้รายงานข่าว จากแหล่งข่าวว่า ที่ศาลพิจารณา ไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย
ไอ้กิตโบ้ยก๊วนร่วมทิ้งศพ 4 ชีวิตชวดประกัน
คำให้การของนายกิต ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและศาลว่าเวลาประมาณ 22.00 น. เศษ ผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก เมื่อขับขี่พ้นป้อมยาม นายกิติโชติ ได้ขับขี่ติดตามรถจักรยานยนต์ผู้ตาย กระทั่งมีการเบียดรถผู้ตาย ตามกล้องวงจรปิด ในลักษณะปาดหน้ารถ จยย.
พอรถ จยย. ของผู้ตายหยุดจอด ผู้ชายที่นั่งในรถทั้งสามคนได้ไปนำตัวผู้ตายขึ้นรถ ก่อนที่นายโอ๊ต จะเปลี่ยนไปขับขี่รถ จยย. ของผู้ตาย
โดยนายกิตติโชติ เชื่อว่า มีโทรศัพท์มือถือของผู้ตายติดไปกับนายโอ๊ต ด้วย ส่วนเพื่อนชายของนายโอ๊ต จำนวน 2 คน ได้กลับเข้ามายังรถ โดยแฟนของนายแท็ป จะขยับไปนั่งด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ส่วนเพื่อนชายของนายโอ๊ต นั่งประกบตัวผู้ตาย และมีผู้ตายนั่งตรงกลาง
จากนั้น ได้ขับรถกลับอู่ที่บ้าน พร้อมทำการมัดผู้ตายที่บ้าน โดยใช้เชือกผูกของสีแดง มัดมือและเท้า หลังจากนั้นนายกิต ได้ขับรถออกจากบ้านพัก โดยนายกิต เป็นผู้ขับขี่ ให้นายแท็ป และนายกานต์ นั่งด้านหลัง ประกบกับผู้ตายเช่นเดิม
จากนั้นได้ขับขี่รถ กระทั่งไปถึงบริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ที่เกิดเหตุ โดยระหว่างทางแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เมื่อถึงจุดที่เกิดเหตุ นายกิต รู้สึกโกรธขึ้นมา จึงได้ใช้มือหยิบเอาอาวุธปืนแบบประดิษฐ์เอง ที่เก็บอยู่ในกระเป๋าออกมา ก่อนที่จะเอี้ยวตัวไปทางด้านหลัง ตอนนั้นผู้ตายนั่งก้มหัวอยู่ นายกิต จึงถือปืนชี้ไปที่ศีรษะของผู้ตาย ห่างประมาณ 2 ไม้บรรทัด ก่อนที่จะเหนี่ยวไกปืน ตั้งใจยิงผู้ตาย จำนวน 1 นัด ผู้ตายหงายไปด้านหลังและแน่นิ่ง พร้อมกับมีเลือดออก
นายกิตจึงได้บอกให้เพื่อนชายของนายโอ๊ต (กานต์ และแท็ป) ว่า ให้เอาลงจากรถ ก่อนที่เพื่อนชายของนายโอ๊ต ทั้งสองจะช่วยกันนำเอาร่างผู้ตายออกจากรถ ไปทิ้งไว้ริมถนนข้างทางที่เกิดเหตุ
ก่อนที่นายกิต จะขับขี่รถหลบหนี เมื่อมาถึงบริเวณใต้สะพานแห่งหนึ่ง เพื่อนของนายโอ๊ต ทั้งสองคน ได้ขอลงรถ และ นายกิตได้ขับขี่รถกลับบ้าน หลังเกิดเหตุ ในเวลาประมาณ 03.00 น.
กานต์งัดหลักฐาน ไม่เอี่ยวนาทีอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน
หลักฐานคือภาพจากวงจรปิด วันที่ 27 ม.ค.
เวลา 22.12 น. ใหม่ถูกอุ้มขึ้นรถ
เวลา 22.45 น. กิตขับรถไปส่งเพื่อน
วันที่ 28 ม.ค. เวลา 00.35 น.กานต์ขี่ จยย.มาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ
แท็ปงัดหลักฐาน ไม่เอี่ยวนาทีอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน
เวลา 22.12 น. ใหม่ถูกอุ้มขึ้นรถ
เวลา 22.45 น. กิตขับรถไปส่งเพื่อน
เวลา 23.36 น. แท็ปและนิวขี่รถ จยย.กลับเข้าบ้าน
ภายหลังจากที่ศาลไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ราย พบว่าครอบครัวผู้ปกครองของผู้ต้องหาทั้งสี่รายก็ต่างพากันร้องไห้เสียใจ
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับ นางสาวอัญชัญ นามสมมติ พี่สาวของนายกานต์ ให้สัมภาษณ์กับช่อง 8 ว่า ตัวเองรู้สึกเสียใจมากที่วันนี้ศาลไม่ให้ประกันตัวน้องชายตัวเองและกลุ่มเพื่อนเขาอีกสามคน ทั้งที่ก่อนหน้านี้น้องชายก็ให้การกับตำรวจมาตลอดว่า นายกิตมาส่งพวกเขากลับบ้านก่อน พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุและการอำพรางศพ ยอมรับว่าความรู้สึกของญาติตอนนี้เสียใจมาก ทั้งที่ต่อสู้กันมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไปปรึกษานักกฎหมาย และอาจยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อไป
ห่วงแท็ป ไม่ได้ฟอกไต หวั่นถึงชีวิต หลังไม่ได้ประกัน
ด้านนายเตอร์ นามสมมติ พี่เขยนายแท็ป ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลไม่ให้ประกันตัววันนี้ ตัวเองก็เป็นห่วงนายแทบน้องชายของตัวเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามีโรคประจำตัวคือโรคไต ซึ่งพรุ่งนี้น้องชายก็ถึงกำหนดที่ต้องไปฟอกไต ถ้าไม่ได้รับการรักษา ก็เป็นห่วงว่าน้องชายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ส่วนเรื่อง การดำเนินการประกันตัวนายแท็ป หลังจากนี้ ตัวเองก็ค่อยปรึกษาทางครอบครัวอีกที แต่เป็นห่วงเรื่องที่ต้องพานายแท็ปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน
แม่โอ๊ต ผิดหวังยันลูกไม่เกี่ยว ฆ่าอำพรางศพ
ด้านนางสาวลำดวน (นามสมมติ) แม่ของโอ๊ต ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองรู้สึกเสียใจมากที่วันนี้ ลูกชายไม่ได้รับการประกันตัว เพราะที่ผ่านมาก็หาหลักฐานไปต่อสู้ เพื่อยืนยัน ว่าช่วงที่นายกิต ไปทิ้งศพ ลูกชาย ไม่ได้ไปกับนายกิต เพราะลูกชายอยู่บ้าน
เมื่อเช้าวันนี้ ตัวเองก็ไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าให้ลูกชายรอดพ้นจากอุปสรรคครั้งนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งก็ยืนยันเหมือนเดิมว่า ลูกชายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆ่าอำพรางศพผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด