"พร" มีพิรุธสับราง จัดระเบียบพบรักหนุ่มจนผัวตาย
วันนี้ อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เผยข้อพิรุธ ทำไมพรไม่โดนคดี โดยอย่างแรกคือ ช่างกิตมาดักรอใหม่ แสดงว่าต้องมีคนส่งสัญญาณใช่หรือไม่ ขณะที่ พรเป็นคนที่จัดคิวให้ผู้ชายมาบ้าน ดังนั้นพรต้องรู้เวลาเข้า-ออก
ส่วนประเด็นคีย์การ์ดที่กิตเข้าหมู่บ้าน แสดงว่าต้องได้จากใครมา และพบว่าน้องพรได้ทำคีย์การ์ดก่อนหน้านี้ อีกทั้งพรเร่งรับผลประโยชน์หลังจากที่ใหม่ตาย เจตนาของพรรับรู้ในคดีหรือไม่ นอกจากนี้พรนำใบตรวจ ผลอ้างว่าตั้งท้องให้กิตดู เป็นการเร่งรัดให้รีบก่อคดีหรือไม่
พิสูจน์ชัด "กิต" อุ้มมัดทิ้งศพอาจไม่ได้ทำคนเดียว
ทีมข่าวยังได้มีการจำลองเหตุการณ์ ซึ่งได้มีการใช้เชือกพร้อมกับมีการจำลองว่า มีการบังคับข่มขู่ โดยใช้เชือกมัดมือ จำลองเหตุการณ์ว่าหากช่างกิตทำเพียงคนเดียว และถืออาวุธปืนอยู่ในมือ จะสามารถมัดมือมัดเท้าคนที่อยู่ในรถได้หรือไม่
โดยการจำลองของทีมข่าว ทำเป็น 2 แบบ คือ 1. แบบลักษณะในมือถือปืน และใช้มืออีกข้างพยายามผูกมัดเชือก และ 2. ในมือถือปืน และในมืออีกข้างถือเชือกพยายามผูกมัด แต่มีการใช้มือที่ถือปืนจี้ข่มขู่ แล้วใช้มือสองข้างช่วยมัด
ผลการทดสอบ แบบที่ 1 “ลักษณะในมือถือปืน และใช้มืออีกข้างพยายามผูกมัดเชือก” ปรากฏว่า จากวิธีการดังกล่าว แม้ว่าตัวของคนที่ถูกมัดมือจะมีการขัดขืนเล็กน้อย และใช้มือเพียงข้างเดียวในการพยายามผูกมัดเชือก สามารถมัดได้แต่ใช้เวลานานเล็กน้อย และการผูกเชือกด้วยมือข้างเดียวจะทำให้เชือกมีลักษณะหลวม ไม่แน่น หากมีการดิ้นหรือขยับมือ เชือกก็สามารถหลุดออกมาได้
ผลการทดสอบแบบที่ 2 “ในมือถือปืน และในมืออีกขั้นถือเชือกพยามผูกมัด แต่มีการใช้มือที่ถือปืนจี้ข่มขู่ แล้วใช้มือสองข้างช่วยมัด” ผลปรากฏว่า สามารถมัดได้ แม้ว่าตัวของผู้ถูกกระทำจะขัดขืน แต่ใช้เวลาในการผูกมัดกระชับเวลากว่า และแน่นกว่า เวลาดิ้นก็แทบจะไม่หลุดหรือไม่หลุดด้วยซ้ำ เพราะเนื่องจากมีการใช้แรงสองมือในการดึงเชือกจนแน่น
ครอบครัวใหม่จี้ พร พูดความจริง สงสัยฮุบเงินประกันชีวิต
วันนี้ ที่สำนักงานทนายไพศาลช่วยด้วย ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาน้องชาย น้องสาว และแม่ ของนายธนาสันต์ หรือใหม่ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อุ้มฆ่าโดยช่างกิต มาชี้แจงและเปิดหลักฐานใหม่ต่อสื่อมวลชน
ทนายไพศาล เผยว่า สิ่งที่ตนตั้งข้อสงสัยและเปิดหลักฐานใหม่ คือ เงินประกันที่ใหม่ทำไว้ 1.2 ล้านบาท โดยแม่กับพรจะได้รับผลประโยชน์คนละ 600,000 บาท ซึ่งเรื่องประกันนี้พรรู้ก่อนที่กิตจะฆ่าใหม่เพียง 1 เดือนเท่านั้น ในมุมมองตน สันนิษฐานว่าเป็นแรงจูงใจให้เกิดเหตุนี้ขึ้น และเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดหรือไม่ โดยจะคล้ายว่าพรเป็นผู้ใช้ หรือยืมมือกิตก่อเหตุ เพราะพรเล็งเห็นผลว่าหากใหม่เสียชีวิต พรจะได้เงินประกันส่วนนี้ หลังจากพรรู้เรื่องประกัน มีการรีบติดต่อมาที่น้องสาวและแม่ให้เซ็นจัดการมรดกทันทีหลังเกิดเหตุ และอยู่ในช่วงวันสวดพระอภิธรรมด้วย
โดยน้องชายของใหม่ เผยว่า ปกติเรื่องแบบนี้มันต้องพูดคุยกันตอนหลังจบงาน แต่ขณะนั้นตนคิดว่าพรอาจจะเอาเงินตรงนี้มาช่วยในงานศพ เพราะตอนนั้นยังจับคนร้ายไม่ได้ด้วย ส่วนเอกสารแม่ได้เซ็นไปแล้ว แต่ไม่ได้แนบเอกสารไป จึงถือว่ายังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ
น้องสาว เผยต่อว่า พรไม่ควรได้เงินส่วนใดๆ ไปเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะเป็นต้นเหตุให้พี่ชายตนตาย และชักศึกเข้าบ้าน ที่ผ่านมาตนเชื่อว่าพี่ชายรู้อยู่แล้วว่าพรมีคนอื่น เพราะเคยให้ขอออกจากงานที่ทำอยู่ แต่พรไม่ออก
เมื่อถามว่าจะสามารถเอาผิดพรได้หรือไม่ ทนายไพศาล เผยว่า ตนกำลังหาช่องที่เชื่อมโยงไปถึงพร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประกันที่ให้ทำทันทีโดยไม่สนใจเรื่องงานศพเลย มองว่าอาจเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่ และมองว่าพรอาจเข้าข่าย ม.84 คือเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด หรือไหว้วานให้ผู้อื่นทำ ซึ่งต้องไปพิสูจน์กันที่เจตนา และสงสัยที่พรบอกว่าออกไปตามหาใหม่โดยถ่ายรูปไว้ ทนายมองว่าเป็นการสร้างพยานหลักฐาน แสดงถิ่นที่อยู่ว่าไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องที่พรจำเวลาตื่นมาเข้าห้องน้ำได้คือ 22.06 น. เหมือนเป็นการเตรียมการมา รวมถึงเวลาการเข้า-ออกงานของใหม่ ว่ากิตรู้ได้อย่างไร แสดงว่าต้องมีคนในคือพรบอก ซึ่งหากถามกิตแล้วพบว่ารู้ว่าจากพร จะถือว่าพรมีความผิดแล้ว และมีเรื่องคีย์การ์ดที่บังเอิญหายไปอีก
เพื่อนผู้ตายยังบอกให้พรเอาข้าวไปให้สามีบ้าง แต่พรไม่ทำ จนเพื่อนต้องขอให้ทำ จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อได้ว่าพรรักใหม่จริง ๆ ที่อยู่กันมา 17 ปี และสงสัยคำพูดของพรอีกว่า ที่ผ่านมาพรพูดไม่ตรงกันสักครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องที่ยกมือไหว้ยอมรับว่าคบกับช่างกิตจริง แต่ทนายไพศาล เผยว่า ไม่ได้เป็นการยอมรับ แต่เป็นการจำนนต่อหลักฐานมากกว่า
ทนายไพศาล เผยถึงกรณีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 คน ซึ่ง 3 คนถูกชวนไปธุระ แต่ 1 คนที่ตั้งข้อสงสัยคือโอ๊ต ว่าหลังเฉี่ยวชนแล้วอุ้มขึ้นรถแล้ว กิตให้ไปขับรถของใหม่ แสดงว่ามีการเตรียมการมาแล้ว ส่วน 3 คนที่เหลือ มองว่ามีความผิดฐานแรกคือเสรีภาพ คือเมื่อเฉี่ยวรถกันล้ม แล้วอุ้มใหม่ขึ้นรถมาทำไมถึงจับพิรุธไม่ได้ หรือไม่ตกใจบ้าง อย่างน้อยต้องแจ้งความ ไม่ใช่ขอกลับบ้านแล้วหายเลย ส่วนเรื่องการมัดมือและเท้า ทนายเชื่อว่าไม่ได้ทำคนเดียวอย่างแน่นอน สุดท้ายต้องเอาคำถามและหลักฐานทั้งหมดไปให้กิตดูในเรือนจำ แล้วถามว่าใช่หรือไม่ หากพฤติการณ์ไม่สอดคล้อง ก็จะสามารถเอาผิดพรได้
ขณะที่ แม่ของใหม่ เผยว่า ตอนนี้ไม่อยากจะมองหน้าพร ไม่อยากคิด อยากให้จบ ๆ กันไป ส่วนวันที่เอาใบมอบอำนาจมาให้เซ็น แม่ไม่เคยคิดเรื่องเงินเลย จัดงานให้เสร็จ เรื่องเงินไม่ต้องมาคุยตอนนี้ ไม่เคยพูดถึงความเสียใจเลย และไม่เคยขอโทษเลยตั้งแต่เกิดเรื่องมา
น้องพร เร่งรัดแม่ผัวให้มอบอำนาจ จัดการเงิน ใหม่
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยกับแม่ของใหม่ บอกว่า วันเผาศพใหม่ พรก็มาร่วมงานด้วย แต่ไม่ได้มาคุยอะไรกับแม่ ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องเงิน พรมาคุยว่าลูกชายแม่ไปเสียชีวิตในพื้นที่ฉะเชิงเทราจะได้รับเงินเยียวยา ซึ่งพรจะไปจัดการให้เองเพราะว่าแม่ไม่สะดวก แต่แม่ต้องเซ็นมอบอำนาจให้เขา พร้อมกับบอกว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงิน ของแม่คือของแม่ ของพรคือของพร แม่ก็เลยบอกว่า ไอ้เรื่องเงินแม่ได้เป็นห่วงหรอก แต่แม่ห่วงที่การตายของลูกแม่ ต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนค่อยมาคุยเรื่องเงิน
พรก็บอกว่าอยากให้แม่เซ็น ซึ่งแม่ก็เซ็นให้เฉย ๆ เพราะตอนนั้นแม่ไม่มีเอกสารอะไร ยังไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร ซึ่งพรก็บอกว่าไม่เป็นไร เซ็นไว้ก่อน ตอนนั้นไม่ได้เอะใจอะไร แต่รู้สึกว่าทำไมรีบ แต่พรก็บอกว่าใหม่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้พรเลย พรก็เลยจะเร่ง ๆ เพื่อเอามาจัดงานศพ และมีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งที่มากับพร บอกแม่ว่า สมมติได้ 1 แสน หักค่าจัดงานศพ 2 หมื่น มันก็ต้องเหลือ 8 หมื่นจะให้แม่ ซึ่งแม่จะแบ่งมาช่วยจัดงานก็แล้วแต่แม่
ซึ่งตรงนี้ทำให้แม่โมโห ทำไมมาพูดแบบนี้ แม่เลยบอกว่าอย่าเพิ่งมาพูดเรื่องเงินตอนนี้ได้ไหม เขาก็บอกว่าเขาวิ่งวุ่นเหนื่อย แต่ขอให้เชื่อใจลูกสะใภ้คนนี้ได้เลยนะ ลูกสะใภ้คนนี้ไม่ทำให้แม่ผิดหวังหรอก ไม่ใจดำหรอก สำหรับกรมธรรม์ของใหม่อยู่ที่บริษัท ยังไม่มีใครได้เห็น ซึ่งแม่จะขอปรึกษากับลูกสาวก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร
สำหรับพรแม่อยากจะฝากบอกว่า ทำอะไรไว้ก็ให้รับผิดชอบไป เวรกรรมมีจริง ทำอะไรไว้ก็ต้องรับไป หลังจากทราบเรื่อง มองว่าพรเป็นคนที่แย่มาก เป็นคนไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป หลังจากนี้ไม่มีอะไรจะพูดกับพรแล้ว