จากกรณีนายขนบ หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดังใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
โดยเบาะแสล่าสุด มีเพียงรูปชายปริศนาใส่แว่นรายหนึ่ง ได้ขับรถของเสี่ยหมาส มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ก่อนที่อีกวัน รถได้ไปโผล่ที่ จ.นครพนม
ช่อง 8 เจอแล้ว หญิงปริศนาขับรถเสี่ยไก่ชน
ภาพจากกล้องวงจรปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในอำเภอโพนสวรรค์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลา 14.48 น. จับภาพหญิงสาว 2 คน คนแรกคือผู้หญิงเสื้อขาว ชื่อนางสาวอุ๋ม (นามสมมติ) และอีกคน เป็นผู้หญิงสวมใส่เสื้อสีดำ ชื่อนางสาวมุก (นามสมมุติ) เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวภายในร้าน ซึ่งจากภาพ เห็นนั่งกินก๋วยเตี๋ยว มีท่าทีพูดคุยกันตามปกติ บางช่วงก็หัวเราะ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะไปพบรถจอดทิ้งอยู่ในป่าไม่ถึง 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ทานก๋วยเตี๋ยวไม่นาน พร้อมกับเรียกคิดเงิน โดยนางสาวมุกเป็นคนจ่าย
จนเวลา 14.50น. ทั้งคู่เดินออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของนายขนบ ที่นางสาวอุ๋มเป็นคนขับ และนางสาวมุกหญิงสาวอีกคนนั่งไปด้วยก่อนขับออกจากร้าน ซึ่งตามข้อมูลพบว่าคนที่เป็นคนครอบครองรถคันดังกล่าวนั้นคือนางสาวมุก เพียงแต่ให้เพื่อนคือนางสาวอุ๋มเป็นคนขับให้
ก่อนที่ภาพวงจรปิดจะไปปรากฏที่ถนนนิตโย นครพนม สกลนคร ในเวลา 15.18 น. (เวลาช้ากว่าเวลาจริง 30 นาที ) เท่ากับเวลาจริง 15.48 น. ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดมุมใหม่ ที่ทีมข่าวได้มาเพิ่มเติมในวันนี้ก่อนถึงสนามบินนครพนม และมุ่งหน้าแยกหนองญาติ ที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
หญิงปริศนาปัดตอบปมขับรถเสี่ยหมาส
ทีมข่าวจึงโทรศัพท์สอบถามนางสาวมุก คนที่ครอบครองรถของเสี่ยหมาสตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ซึ่งนางสาวมุกรับสายทีมข่าวของเรา พร้อมยอมรับว่าตัวเองคือนางสาวมุก แต่เมื่อถามถึงประเด็นดังกล่าว นางสาวมุกรีบตอบว่าไม่สะดวกพร้อมกับตัดสายทิ้งทันที
2 สาวขับรถเสี่ยหมาสผ่าน สภ. แวะกินก๋วยเตี๋ยวก่อนจอดทิ้ง
วงจรปิดเผยภาพเจอ2สาวขับรถเสี่ยหมาส ขับผ่านสภ. แวะกินก๋วยเตี๋ยว ก่อนขับไปจอดทิ้งในพงหญ้า ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดชุดนี้มาซึ่งอยู่หน้าบริเวณ สภ.โนนสวรรค์ ในเขตอำเภอโนนสวรรค์ จังหวัดนครพนม และมีหลายมุมจับภาพรถนายขนบไว้ได้ ตอน 14.11 น. ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จะเห็นว่ารถคันนี้หลังจากขับผ่านหน้า สภ. ไปแล้ว ค่อยๆ ชะลอไปริมขวาของถนน ก่อนที่จะหยุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวประมาณ 1 นาที พร้อมกับกลับรถเข้าไปจอด
ภาพวงจรปิดอีกมุมหนึ่งซึ่งจับภาพแคบ พบว่าก่อนที่จะชะลอรถเพื่อเบี่ยงเข้าเลนขวานั้น รถของนายขนบเปิดไฟกระพริบเพื่อส่งสัญญาณกับรถคันหลังว่าจะเปลี่ยนเลนกะทันหันเข้าสู่เลนขวา ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ทีมข่าวได้จากร้านก๋วยเตี๋ยวว่า คนที่ขับรถของนายขนบนั้นเป็นลูกค้าประจำ และตั้งใจมาทานที่ร้าน ส่วนที่จอดชะลอนั้นเนื่องจากคนขับรถกำลังถามเจ้าของร้านอยู่ว่า ก๋วยเตี๋ยวหมดแล้วหรือยัง หลังจากตอบว่าไม่หมด จึงไปกลับรถเข้ามาทานในร้าน
พฐ.ตรวจรถเสี่ยหมาสเจอกระปุกใส่ทอง
ตำรวจพิสูจน์หลักฐานของจังหวัดนครพนม ได้ตรวจหาพยานหลักฐานทั้งหมดบนรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ โดยมีนางวันเพ็ญ อายุ 66 ปี ภรรยาของนายขนบ อายุ 56 ปี เป็นผู้ครอบครองรถ และนายขนบหายตัวไปพร้อมกันกับรถ
โดยบริเวณที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับตำรวจตรวจพบถุงเท้าสีน้ำตาลเพียงหนึ่งข้างถูกซุกเอาไว้ไว้ใต้พรม ซึ่งเป็นถุงเท้าขนาดเล็ก เชื่อว่าไม่ใช่ของนายขนบที่หายตัวไปอย่างแน่นอน ซึ่งตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจวัดขนาดแล้วเตรียมส่งตรวจหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากถุงเท้าข้างนี้
การตรวจค้นเก๊ะบริเวณที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า พบถุงพลาสติก ภายในมีซองยาหลายซอง ใบเสร็จค่ายา และเอกสารอื่น ซึ่งเบื้องต้นคิดว่าน่าจะเป็นของนางสาวเก๋ ภรรยาคนที่สอง
นอกจากนั้น ยังพบกระปุกใส่ทองรูปพรรณสองกระปุก แต่ไม่พบว่ามีทองอยู่ด้านในแล้ว
และบริเวณพรมที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ยังพบว่ามีร่องรอยของคราบน้ำหวาน คล้ายกับทำน้ำหวานหกใส่
ตำรวจยังได้ตรวจหาร่องรอยคราบนิ้วมือแฝงคนร้ายที่พวงมาลัย กุญแจรถ ประตูท้ายรถที่พบกางเกงผ้าร่มขายาว เสื้อเชิ้ตแขนสั้น โดยใช้เวลานาน 3-4 ชั่วโมง เพื่อนำไปเปรียบเทียบดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัย เป็นหลักฐานในสำนวนคดีรถหายและคนหาย
ตร.เชื่อ เปลี่ยนคนขับรถเสี่ยหมาสก่อนส่งลาว
วันนี้ ทีมของเราได้มีโอกาสพูดคุยกับตำรวจทางหลวงนายหนึ่ง ซึ่งในวันที่เจอรถของนายขนบ ตำรวจนายนี้บอกกับทีมข่าวเราว่า ได้รับแจ้งจากตำรวจทางหลวงในเขตอำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม ว่ารถคันดังกล่าวขับผ่านเขตอำเภอโพนสวรรค์ กำลังมุ่งหน้าไปเขตตัวอำเภอเมืองนครพนม โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายไปที่อำเภอท่าอุเทน
จึงทำให้ตำรวจนายนี้ต้องตั้งจุดสกัดทั้งหมดสองจุด ที่จะมุ่งหน้าไปสู่อำเภอท่าอุเทน นั่นก็คือบริเวณอำเภอกุสุมาลย์ และฝั่งตัวอำเภอเมือง เมื่อทั้งสองฝั่งถูกตำรวจทางหลวงตั้งสกัด บวกกับมีตำรวจทางหลวงจากอำเภอโพนสวรรค์ขับตามรถคันดังกล่าว จึงทำให้คนขับรถคันดังกล่าวหมดทางเลือก ต้องขับเข้ามาทางลัดแล้วนำไปแอบซ่อนไว้ ที่ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
เมื่อทีมข่าวนำรูปภาพของชายสวมใส่แว่นตา ที่ตำรวจทางหลวงจากทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจับภาพคนขับรถดังกล่าวได้ ตำรวจทางหลวงที่จังหวัดนครพนมเชื่อว่า คนขับไม่น่าจะใช่คนเดียวกันที่ขับอยู่ในเขตภาคอีสานอย่างแน่นอน เพราะน่าจะมีการสลับสับเปลี่ยนกันตามวิถีการส่งรถออกไปนอกประเทศของกลุ่มพวกโจรกรรมรถ โดยปกติแล้วก็จะใช้เส้นทางผ่านตัวอำเภอเมืองไปยังอำเภอท่าอุเทน ที่จะสามารถล่องแพรถข้ามไปยังฝั่งประเทศลาวได้
ส่วนคนขับรถตำรวจทางหลวง เชื่อว่าน่าจะเป็นคนในพื้นพื้นที่ของอำเภอท่าอุเทน เพราะโดยปกติแล้วต้องเป็นคนที่ชำนาญเส้นทางพอสมควรถึงจะนำรถดังกล่าวโจรกรรมข้ามแม่น้ำโขงไปได้
ในขณะที่ทีมข่าวไปสอบถามเพื่อนบ้านของนางสาวมุก โดยนางสมควร (นามสมมติ) เปิดเผยกับทีมข่าวของเราสั้นๆ ระบุว่า นางสาวมุกทำอาชีพรับทาเล็บเจลเท่านั้น ซึ่งประกอบอาชีพนี้มานานแล้ว มีทั้งลูกค้ามาทำถึงที่บ้านหรือไปตามบ้านลูกค้า ส่วนเรื่องรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นั้นอ้างว่าไม่รู้เรื่อง
ที่สำคัญรถที่เข้าออกบ้านนางสาวมุกนั้นก็มีหลายคัน ทั้งรถของนางสาวมุกเอง รวมถึงรถญาติ และรถพ่อแม่ของนางสาวมุกด้วย จึงทำให้ไม่ทันได้สังเกตว่ารถคันไหนเข้าออกผิดปกติ จนเป็นที่จับสังเกต
ชายแว่นเปิดวงจรปิดยันอยู่บ้าน ปัดขับรถเสี่ยหมาส
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับนายประจิตต์ หรือแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ตำรวจเคยส่งรูปภาพเจ้าตัวให้กับญาติของเสี่ยหมาสดู เนื่องจากมีใบหน้าคล้ายกับชายใส่แว่นที่ขับรถฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาสในวงจรปิดหลบหนีไป รวมถึงเจ้าตัวเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กของเสี่ยหมาสด้วย อยู่ในวงการไก่ชนเหมือนกัน
วันนี้คุณประจิตต์ ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่ใช่บุคคลในภาพกล้องวงจรปิด และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเสี่ยหมาสแน่นอน ถึงแม้ว่าใบหน้าจะคล้ายกับชายแว่นคนดังกล่าว หากดูไกลๆ แต่หากดูให้ดี จะเห็นว่ามีลักษณะหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน
ยกตัวอย่าง เช่น 1. ตนเองดวงตาข้างขวาบอดสนิท แต่ชายใส่แว่นในกล้องวงจรปิด ดวงตาไม่ได้บอด 2. ลักษณะแว่นที่สวมใส่ ตัวเองใส่แว่นตาทรงเหลี่ยม ส่วนชายใส่แว่นในวงจรปิด ใส่แว่นตาทรงกลม 3. ตนเองตัดผมทรงสั้น แต่ชายในวงจรปิด มีจอนผมข้างหู ผมยาวกว่า และ 4.ลักษณะใบหน้าตนเองทรงกลม แต่ใบหน้าชายในวงจรปิดใบหน้าเหลี่ยม นอกจากนี้ ลักษณะส่วนสูงตนเองก็รูปร่างใหญ่กว่าชายคนในวงจรปิดมาก จึงมั่นใจแน่นอนว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง
ยอมรับว่า หลังออกข่าวมีเพื่อนฝูงและญาติได้ทักมาสอบถามตนเองว่า ไปเกี่ยวข้องกับคดีอุ้มหายของเสี่ยหมาสได้อย่างไร เพราะข่าวบางสำนักนำภาพตนเองไปออกว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งตนเองก็ตกใจมาก เพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ตอนนี้ตนเองและครอบครัวได้รับผลกระทบจากข่าวที่ออกไปอย่างมาก ทั้งไก่ชนที่จะขายได้ก็ถูกยกเลิกออเดอร์กะทันหัน เพราะคนสั่งซื้อดูข่าวไม่ไว้ใจ ไปไหนมาไหน คนก็ถามว่าตนเองเกี่ยวข้องจริงไหม ซึ่งตนเองแทบไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหนแล้ว เพราะกลัวอันตราย
ตนเองยอมรับว่า รู้จักกับเสี่ยหมาสจริง แต่รู้จักกันห่างๆ เพราะอยู่ในวงการไก่ชนด้วยกัน แต่ไม่เคยไปสนิทสนม หรือไปมีหนี้สินยืมเงินอะไรกันเลย วันนี้ตนเองจึงอยากออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับผู้สื่อข่าว พร้อมงัดหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดในบ้านของตนเองให้ดูว่า ช่วงสายของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 11.02 น. ตนเองได้อยู่บ้านกับครอบครัวอยู่เลย และกำลังจะพาครอบครัวออกไปกินข้าวนอกบ้าน
ซึ่งตนเองจะสามารถแยกร่างขับรถของเสี่ยหมาสไปจอดที่กรุงเทพฯ และไปภาคอีสานได้อย่างไร รวมถึงช่วงค่ำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 20.35 น. ตนเองและภรรยาได้เดินทางไปจังหวัดเพชรบุรีเพื่อไปเยี่ยมญาติ มีภาพหลักฐานการคุยแชตกับญาติว่า ตนเองอยู่บ้านญาติอยู่เลย
นายประจิตต์ ยังให้ทดสอบไปนั่งบนรถยนต์ของตนเอง เพื่อเปรียบเทียบลักษณะรูปร่าง ขณะอยู่ในรถให้ทีมข่าวดูอีกด้วย โดยตนเองใช้รถฮอนด้า CRV ไม่ใช่รถฟอร์จูนเนอร์ และเวลานั่งขับรถ ตนเองตัวจะสูง หัวจะแตะหลังคารถอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากชายแว่นในวงจรปิดที่ตัวเล็กกว่าตนเองเยอะ
เสี่ยหมาสอยู่กับเมียเบอร์ 2 ก่อนหายตัว
ล่าสุด ทีมข่าวของเราได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงสายของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนที่เสี่ยหมาสจะหายตัวปริศนา โดยพบว่า เวลาประมาณ 12.09 น. เสี่ยหมาส ได้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวเข้ามาในซอยบ้านนางสาวเก๋
จากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุม ตรงข้ามบ้านนางสาวเก๋พอดี จะเห็นเสี่ยหมาสได้ลงจากรถและเดินเข้าไปภายในบ้าน ก่อนที่เสี่ยหมาสและนางสาวเก๋ จะเดินออกมาและพากันขึ้นรถยนต์ออกจากบ้านไป ในเวลา 12.31 น.
ต่อมาในเวลา 16.40 น. กล้องหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของนางสาวเก๋ ได้เห็นภาพรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาสขับเข้ามาที่บ้านของนางสาวเก๋อีกครั้ง รอบที่ 2
จากนั้น จะเห็นนางสาวเก๋และเสี่ยหมาส ได้ลงจากรถและเดินเข้าไปภายในบ้าน
กระทั่งเวลา 18.40 น. จะเห็นเสี่ยหมาส ได้เดินออกมาจากบ้านของนางสาวเก๋ และปิดประตูรั้วบ้านอย่างแรก โดยระหว่างปิดประตู ประตูได้กระแทกกับด้านหน้ารถกระบะของนางสาวเก๋เสียดัง คล้ายกับโมโหอะไรบางอย่าง และได้ขึ้นรถออกจากบ้านนางสาวเก๋ไป ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายของเสี่ยหมาส
ต่อมาเวลา 20.26 น. จะเห็นนางสาวเก๋ ได้เดินออกจากบ้านและขับรถกระบะของตัวเองออกไปไหนสักแห่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่นางสาวเก๋อ้างไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อเสี่ยหมาสได้ ในเวลา 20.29 น.
กระทั่งเวลา 20.59 น. รถกระบะที่นางสาวเก๋ขับ ได้กลับมาจอดภายในบ้านอีกครั้ง จากนั้นจะเห็นนางสาวเก๋เดินเข้าไปภายในบ้าน จนเวลาผ่านไปจนกระทั่งเวลาประมาณ 06.09 น. ของวันที่ 2 กุมพาพันธ์ น้องสาวเก๋และลูกสาวถึงออกจากบ้าน และขับกระบะออกจากบ้านไป