จากกรณี นายขนบ หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดัง ใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยเบาะแสล่าสุด มีเพียงรูปชายปริศนาใส่แว่นรายหนึ่ง ได้ขับรถของเสี่ยหมาส มุ่งหน้า เข้ากรุงเทพฯ ก่อนที่อีกวันรถได้ไปโผล่ที่ จ.นครพนม

 

ต่อมาทีมข่าวได้หลักฐานใหม่เป็นภาพวงจรปิดพบว่าคนขับรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของเสี่ยหมาส อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดนครพนมเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมสวมใส่เสื้อสีขาว

 

วันนี้ทีมข่าวของเรายังคงลงพื้นที่ตามหาคนขับรถดังกล่าวอยู่ คือนางสาวอุ๋ม พบว่าเป็นคุณครูสาว สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตอำเภอโพนสวรรค์ ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนดังกล่าว เจอกับเพื่อนครู ของนางสาวอุ๋ม บอกกับทีมของเราว่า นางสาวอุ๋มขอลาไปทำธุระส่วนตัวได้วันนี้เป็นวันที่สองแล้ว ซึ่งเพื่อนครูต่างพากันตกใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่นักข่าวมาสอบถามเนื่องจากผิดปกติที่นางสาวอุ๋มจู่ๆก็ลาหยุดไปด้วยเช่นเดียวกัน

 

ทีมข่าวพยามสอบถามเพื่อนครูของนางสาวอุ๋มว่าปกติแล้วนางสาวอุ๋มมาทำงานด้วยรถอะไร เพื่อนครูบอกว่าปกติแล้วนางสาวอุ๋มจะขับรถจักรยานยนต์มาทำงานเนื่องจากบ้านอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากหนัก

 

ส่วนประเด็นเรื่องรถฟอจูนเนอร์สีขาวที่นางสาวอุ๋มเป็นคนขับและเป็นรถของเสี่ยหมาสจากจังหวัดชุมพรนั้น เพื่อนครูยืนยันว่าไม่เคยเห็นรถคันดังกล่าวมาก่อนและเห็นว่านางสาวอุ๋มขับมาที่โรงเรียนด้วย

 

และนอกเหนือจากการเป็นครูของนางสาวอุ๋ม ก็ไม่พบว่ามีอาชีพเสริมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถมือสอง ตอนนี้เพื่อนครูเองก็ยังไม่สามารถติดต่อนางสาวอุ๋มได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

เมื่อวานนี้ทีมข่าวของเราเราลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางสาวมุกและนางสาวอุ๋ม ซึ่งได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่อ้างว่าไม่รู้ว่าทั้งสองคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ดังกล่าวของเสี่ยหมาส

 

วันนี้ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ไปยังชุมชนดังกล่าวและพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านซึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกว่าคนที่เขาไปคุยคนนั้นที่อ้างว่าเพื่อนบ้านนั้นแท้จริงแล้วคือแม่ของนางสาวอุ๋ม  ทีมข่าวจึงให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยประสานเพื่อให้แม่หรือพ่อของนางสาวอุ๋มมาชี้แจงข้อเท็จจริงหากว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเสี่ยหมาส ซึ่งเบื้องต้นพ่อของนางสาวอุ๋ม ยอมพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับทีมข่าว ก่อนที่แม่ของนางสาวอุ๋มจะยอมออกมาเปิดใจชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้กับทีมข่าวของเราได้ฟัง

 

แม่ของนางสาวอุ๋มบอกว่า ลูกแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเสี่ยหมาสที่ชุมพร รถที่นางสาวอุ๋มขับไปที่นครพนม มันเกิดจากการที่มุกเพื่อนของอุ๋มชวนไปร้านทำผม ที่อยู่ในเมือง โดยขอให้อุ๋มขับรถคันดังกล่าวให้ เพราะมุกไม่คุ้นชินเส้นทางในเมือง ขับรถเข้าในเมืองไม่ได้ ก็เลยให้อุ๋มขับไปเป็นเพื่อน เพราะสนิทกันมาก จากนั้นก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวกัน ก่อนที่จะไปทำผม และน่าจะรู้ข่าวว่ารถคันนี้เป็นของคนหายก็เลยเอาไปจอดทิ้งไว้ และอุ๋มกับมุกก็ให้เพื่อนขับเก๋งไปรับกลับมาบ้าน พอมาบ้านก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง และอุ๋มก็ไม่รู้ว่ามุกไปเอารถมาได้ยังไง แต่สามีของมุกเป็นคนรับจำนำจำนองรถอยู่แล้ว 

 

พอรุ่งขึ้นก็มีตำรวจมาบ้านเอาตัวลูกสาวไปสอบปากคำ ลูกสาวกลัวและเครียดมาก ไปสอบปากคำ 1คืน จนได้ปล่อยตัวกลับมาบ้าน ตอนนี้ลูกสาวเลยลาพักส่วนตัว รอให้เรื่องเงียบก่อน แต่ยืนยันลูกสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องคนหาย แค่เพื่อนชวนไปให้ช่วยขับรถเท่านั้น

 

ล่าสุดเราได้กล้องวงจรปิดที่ร้านเสริมสวยบ้านดอนม่วง อ.เมือง จ.นครพนม เวลา 10.37 น. นางสาวมุกและนางสาวอุ๋ม ขับรถฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาส โดยนางสาวอุ๋มเป็นคนขับมาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นมุกและอุ๋มก็เข้าไปในร้าน

 

จากนั้น 13.45 น. หลังจากทำผมเสร็จ ก็เดินออกมาทั้งคู่ขึ้นรถแล้วอุ๋มเป็นคนขับเหมือนเดิม ขับออกไปจากร้าน  ซึ่งเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับที่กล้องวงจรปิดในร้านก๋วยเตี๋ยว  จึงเชื่อว่าหลังจากออกร้านเสริมสวยแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวต่อ (กล้องร้านก๋วยเตี๋ยวจับได้ตอน 14.12 น.)

 

เจ้าของร้านเสริมสวยให้ข้อมูลกับทีมข่าวบอกว่า นางสาวอุ๋ม เป็นลูกค้าที่นี่ประจำ เมื่อก่อนเป็นครูอยู่ที่นี่ และวันที่4 กุมภาพันธ์ ปกติปีหนึ่งมาทำ 2 ครั้งมาดัดลอนผม ก่อนจะขับรถออกไป เจ้าของร้านบอกว่ามุกและอุ๋มก็ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติอะไร

 

เปิดใจภรรยาคนที่ 2 ร่ำไห้ 7 วันสามีเจ้าของบ่อนไก่หายปริศนา ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้อง แจง ขับกระบะออกบ้าน 20.26 น. แค่ออกไปทิ้งขยะ 

 

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางสาวเก๋ ภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยหมาสอีกด้วย ซึ่งวันนี้เธอได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยในช่วงแรกเธอไม่ได้ลงจากรถและนั่งอยู่ภายในรถกระบะกว่า 2 ชั่วโมง

 

จากนั้นทีมข่าวได้เฝ้ารอเธอลงจากรถ และพยายามเดินเข้าไปสอบถาม โดยเธอบอกกับทีมข่าวว่า ตัวเธอเองหลังจากเกิดเรื่องรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยจึงไม่ค่อยอยากให้ข้อมูลใดกับผู้สื่อข่าวมากนัก แต่ยังอยากให้ผู้สื่อข่าวและตำรวจช่วยประกาศตามหาสามีให้อยู่

 

ยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามี และตอนนี้เป็นห่วงสามีมาก เธอเล่าไปและร้องไห้ไป โดยบอกว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่า สามีจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ซึ่งหากสามีฟังอยู่ก็อยากให้ติดต่อกลับมาหาเธอบ้าง เพราะตอนนี้เป็นห่วงเหลือเกิน

 

ส่วนภาพภาพจากกล้องวงจรปิดตนเองยืนยันไทม์ไลน์ของตัวเองได้ชัดเจนว่าเสี่ยหมาส ได้เดินทางมาส่งที่บ้านตนเองหลังจากพาไปสนามไก่ชนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์จริง และก่อนจะจากกัน สามีได้พูดบอกลาตนเองว่า เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาหา พร้อมพูดกับตนเองว่า “พี่ไม่ทิ้งน้องไปไหนหรอก ไม่จากเป็น มีแต่จากตายเท่านั้น”

 

ยืนยันในวันก่อนสามีหายตัวไป ไม่ได้ทะเลาะมีปากเสียงอะไรกับสามีด้วยซ้ำ ถึงแม้ในกล้องวงจรปิด เสี่ยหมาสก่อนจะออกจากบ้านตนเองครั้งสุดท้าย ได้ปิดประตูรั้วโดนรถของตนเองเสียหายก็ตาม

 

แต่ยอมรับว่าสามีเครียดเรื่องอะไรบางอย่าง และวันนั้นยอมรับว่า สามีไปบ่อนไก่ที่เขาน้อย และพนันไก่แพ้ก็จริง แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งใดกับคนในสนาม

 

ส่วนภาพกล้องวงจรปิดหลังเสี่ยหมาดกลับบ้าน และเวลา 20.26 น. เห็นตนเองขับรถกระบะออกจากบ้านไป ตนเองแค่เอาขยะที่อยู่ท้ายรถไปทิ้งเท่านั้น ก่อนจะกลับมาบ้านในเวลา 20.29 น.ตามกล้องวงจรปิด

 

ส่วนชายแว่นในกล้องวงจรปิดและสาวทั้งสองคนที่เป็นผู้ขับฟอร์จูนเนอร์ของสามีไปนั้น ตนเองไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวที่มีคนไปพบศพชายปริศนา ถูกมัดมือและขังใส่กรง ถูกทิ้งอยู่กลางแม่น้ำ ในพื้นที่หลวงพระบาง สปป.ลาว จากที่ตนเองดูรูปภาพยืนยันว่า ไม่น่าจะใช่สามี เนื่องจากสามีไม่ค่อยใส่กางเกงยีนขายาว และไม่เคยใส่ถุงเท้า

 

ขณะเดียวกันที่โรงพักนาสักในวันนี้ พนักงานสอบสวนได้เรียก 2 คนสนิทมาสอบปากคำ โดยคนแรกที่ตำรวจเรียกมาสอบปากคำ คือ ป้าอ้วน ซึ่งเป็นภรรยาคนที่หนึ่งของเสี่ยหมาส ใช้เวลาการสอบปากคำประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่ป้าอ้วนจะเดินทางกลับ

 

ทีมข่าวพยายามสอบถามป้าอ้วน เพื่อยืนยันว่าเธอเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามีหรือไม่ โดยเธอได้ปฏิเสธกับผู้สื่อข่าวบอกว่า “ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันอยู่แต่บ้าน ขาก็ไม่ดี ผ่าตัดมา ออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”

 

ทีมข่าวถามต่อ มีข้อมูลว่า ลูกสาวและลูกเขยเคยมีความขัดแย้งกับสามีจริงหรือไม่ เธอยืนยันกับทีมข่าวว่า ทั้งลูกสาวและลูกเขย ไม่เกี่ยวข้องแน่นอน

 

ส่วนที่มีภาพชายใส่แว่นและหญิงสาวสองคนปรากฏตามภาพกล้องวงจรปิดว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวสีขาวของสามีจากกรุงเทพไปจอดที่จังหวัดนครนครพนมนั้น ยืนยันตัวเองไม่รู้จัก และไม่คุ้นหน้ากับบุคคลเหล่านั้น

 

สุดท้ายทีมข่าวถามอีกว่าหากเสี่ยหมาดฟังอยู่ มีอะไรอยากบอกกับสามีหรือไม่ ป้าอ้วนไม่ตอบ ก่อนจะขอให้ตำรวจพาไปส่งบ้านทันที

ล่าสุดทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดร้านค้า ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดของบ้านเสี่ยหมาส ห่างประมาณ 800 เมตร โดยพบว่า ช่วงเวลา 20.46 น. รถฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาส ได้ขับออกจากบ้านอย่างเร็ว มุ่งหน้าสี่แยกเขาค่าย

 

ต่อมาวงจรปิดอีก 2 ตัว จะเห็นรถขับผ่านตลาดนัดเขาค่าย โดยไม่มีรถอื่นตามหลัง

 

จากนั้นกล้องตัวที่ จะเห็นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์เสี่ยหมาส ได้เลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกไฟแดงเขาค่าย

 

จากนั้นจะเห็นรถมุ่งหน้าเส้นทางแยกเขาปีบ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเสี่ยหมาส 30 กิโลเมตร ก่อนที่จะมีข้อมูลว่า รถคันนี้ได้เลี้ยวขวาที่แยกเขาปีปต่อ เพื่อลงไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะเห็นตลอดระยะทางไม่มีรถคันใดขับตามรถคันดังกล่าว และรถคันดังกล่าวก็ไม่ได้จอดแวะพักที่ไหนระหว่างทางไปจังหวัดสุราษฯ

เจอแล้ว! สาวขับรถเสี่ยไก่ชนที่แท้ดีกรีครู เมีย 2 ร่ำไห้โต้เอี่ยวผัวหาย เมีย 1 ไม่รู้จักชายแว่น