แม่ใหม่ พร้อมให้เงินประกัน พร หากรับผิดชอบ
ขณะที่ นางละไม แม่ของใหม่ เดินทางมาที่ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยบอกกับทีมข่าวว่า วันนี้ตำรวจนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนเรื่องเงินประกันของใหม่ลูกชายนั้น แม่รู้เพียงว่าที่ทำงานของน้องใหม่ทำให้ โดยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 น้องใหม่โทร. มาหาแม่และขอที่อยู่ไป บอกว่า จะแบ่งมรดกให้ พูดกันเล่น ๆ เท่านี้ ซึ่งมารู้ทีหลังว่า น้องใหม่เอาที่อยู่ของแม่ไปกรอกเพื่อทำประกัน เพราะทุกปีบริษัทเขาจะให้พนักงานกรอกที่อยู่ของผู้รับผลประโยชน์ แต่แม่เองก็ไม่รู้ว่าลูกชายทำประกันอะไรไว้บ้าง ที่แน่ ๆ คือ ลูกชายบอกว่า “ใหม่ทำประกันให้แม่ แม่ต้องได้รับผลประโยชน์จากใหม่” ลูกชายพูดเท่านี้ ส่วนพรจะได้รับผลประโยชน์หรือไม่นั้น น้องใหม่ไม่ได้พูดให้แม่ฟังแต่คิดว่าลูกชายกับพร น่าจะรู้กันอยู่แล้วเพราะเขาอยู่ด้วยกัน
ส่วนเงินประกันของใหม่ ทางโรงงานของใหม่ได้มาหาแม่แล้ววันที่ไปออกรายการโหนกระแส โดยเจ้าหน้าที่ของโรงงานได้มาชี้แจงหมดแล้ว ซึ่งมีเอกสารให้กรอกเพื่อรับผลประโยชน์ในเงินประกันของใหม่ รวม ๆ น่าจะได้ล้านกว่าบาท ถ้าแบ่งกันแล้วก็จะได้คนละประมาณ 5 แสนปลาย ๆ ถึง 6 แสนบาท
เมื่อถามว่าถ้า พรจะมาขอแบ่งแม่จะให้หรือไม่ แม่ของใหม่บอกว่า ถ้าพรออกมาแสดงตัวยอมรับผิดแล้ว ถ้าพรอยากได้ แม่ก็จะให้เงินในส่วนที่เป็นของเขา ตัวแม่เองก็ไม่คิดจะเอาเงินมาคนเดียว ส่วนของเขาก็คือของเขา ของแม่ก็คือของแม่ ซึ่งพรก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าเงินของแม่พรก็ไม่เอา แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน แต่ตอนนั้นแม่บอกไปว่ายังไม่ต้องพูดเรื่องเงิน เพราะต้องจัดงานศพใหม่ให้เสร็จเสียก่อน
แม่ไม่ยุ่งเงินสมบัติที่ ใหม่ ยกให้ น้องพร
ส่วนเรื่องที่พรจะให้แม่เซ็นมอบอำนาจนั้น พรบอกกับตนว่า จะไปเดินเรื่องให้เอง เพราะแม่เดินทางไปลำบาก พรจะไปจัดการเอง แม่ก็เซ็นมอบอำนาจไปให้แต่ยังไม่ได้มอบเอกสารให้พร มันก็ยังไม่สมบูรณ์เท่ากับว่าเซ็นมอบอำนาจนั้นเป็นโมฆะ
โดยหลังเกิดเรื่อง พรก็ไม่เคยติดต่อมาหาแม่อีกเลย แม่ก็ไม่รู้เลยว่าเขาไปไหนตอนนี้ ก็คงต้องให้ทางตำรวจจัดการไป ซึ่งตนกับใหม่ลูกชายจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นาน ๆ จะเจอกันที แต่ใหม่เป็นคนนิสัยเงียบขรึม เป็นคนดี มีเพื่อนเยอะ และมีพรเป็นรักแรกรักเดียว ส่วนเรื่องพรมีผู้ชายสองสามคนก็คิดอยู่ว่าทำไมทำแบบนี้ แต่ในส่วนคดีก็ปล่อยให้ตำรวจจัดการแม่ก็ไม่รู้เรื่องกับเขา
ตำรวจไม่ตั้งด่านคืนสังหาร ใหม่
ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้มีการสำรวจเส้นทาง นับตั้งแต่ออกจากบ้านของนายใหม่ คนตาย เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดอุ้ม โดยห่างจากบ้านประมาณ 1.6 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างที่รถมอเตอร์ไซต์ของนายใหม่คนตายวิ่งผ่าน และมีรถเก๋งแดงของช่างกิตพร้อมพวกขับตามประกบ โดยเส้นทางดังกล่าว จะมีการตั้งด่านเวียน ซึ่งเป็นด่านตรวจยาเสพติดและแอลกอฮอล์ รวมถึงสิ่งผิดกฎหมาย โดยจะมีการตั้งด่านบริเวณด้านหน้าวิทยาลัยสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีที่ประจำ ของตำรวจ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่จะมาส่งตั้งด่าน เดือนละ 1-2 ครั้ง โดยจะเป็นจุดประจำ ทีมข่าวจึงได้มีการสำรวจเส้นทางดังกล่าวพร้อมกับบันทึกด้วยกล้องหน้ารถ จะเห็นจุดที่มีการก่อเหตุนั้นจะต้องผ่านจุดตั้งด่านขึ้นว่าตำรวจจะเลือกตั้งด่านวันใด และจากจุดด่าน ห่างจุดอุ้มเพียงแค่ 200 เมตร
แล้วนอกจากนี้ทีมข่าวยังได้มีการย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณจุดตั้งด่านประจำของตำรวจ ที่จะเวียนและสุ่มตั้งด่าน เดือนละ 1-2ครั้ง โดยพบว่าภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดตั้งด่าน จับภาพวันที่ 27 ม.ค. เวลา 22.12 น. ซึ่งเป็นช่วงที่จะเห็นแสงไฟท้ายรถมอเตอร์ไซต์ของนายใหม่คนตายขับผ่านกล้อง จากนั้นจะเห็นแสงไฟท้ายรถเก๋งของช่างกิต ขับตามหลัง แต่สังเกตว่าบริเวณจุดดังกล่าวนั้น ในวันที่เกิดเหตุตำรวจไม่ได้มีการตั้งด่าน จึงเห็นเพียงแค่รถคนก่อเหตุขับตามหลังรถคนตายเท่านั้น
จากนั้นทีมข่าวทราบว่า หลังเกิดเหตุเพิ่งมีการตั้งด่านครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเป็นด่านตรวจแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีการตั้งด่านช่วงหัวค่ำ ทีมข่าวจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านใกล้จุดตั้งด่าน วันที่ 6 ก.พ. เวลา 18.50 น. ตำรวจได้เริ่มมีการตั้งด่านโดยการลากแผงไฟ มาปิดกั้นถนน ก่อนที่จะเห็นตำรวจเริ่มเดิน และส่องไฟไฟฉายเรียกคนเข้าด่าน
ปล่อยตัว แท็ป ก๊วนอุ้ม รีบหนีสื่ออ้างหาหมอ
วันนี้ เมื่อเวลา 18.00 น. นายแท็ปได้เดินออกมาจากเรือนจำ โดยมีญาติขับรถกระบะ สีดำ มาจอดรอรับ หลังจากที่แท็ปเดินออกมา ญาติได้รีบพาตัวแท็ปขึ้นรถทันที ขณะที่สื่อที่ไปดักรอพยายามสอบถาม โดยญาติปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ และไม่ให้สื่อพูดคุยกับนายแท็ป ซึ่งบอกเพียงว่า “จะพาน้องไปหาหมอ ไม่ได้ค่ะ” ก่อนจะรีบขับรถพานายแท็ปออกไปทันที
นิว ได้ประกันตัวแต่หลักทรัพย์ไม่ครบ นอนคุกต่อ
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับแม่ของนางสาวนิว หนึ่งในผู้ต้องหา โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า วันนี้ตัวเองก็รู้สึกดีใจเนื่องจากศาลให้ประกันตัวลูกสาวแล้ว แต่ที่ลูกสาวยังไม่ได้ออกมาจากเรือนจำ เนื่องจากยังคงรอหลักทรัพย์อีกบางส่วนอยู่ ซึ่งพรุ่งนี้ตัวเองก็ต้องไปยื่นประกันตัวใหม่ และรายละเอียดตัวเองจะให้ข่าวในวันพรุ่งนี้อีกที
แท็ป-นิว ก๊วนอุ้มได้ประกัน ฉะ กิต ทำซวย
วันนี้ทีมข่าวได้มาพูดกับครอบครัว 2 ผู้ต้องหา อย่าง กานต์ และ แท็ป ถึงการประกันตัว หลังจากทางด้านของ นายแท็ป เป็นเพียงคนเดียว ที่ได้รับการประกันตัว ทางด้าน นายเป้ พี่เขยของแท็ป เผยว่า เพิ่งทราบข่าวโดยการยื่นหลักทรัพย์ 8 แสนบาท ก็รอมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ที่มีการนำตัวฝากขัง และเรื่องข้อตกลงการขอปล่อยตัว ตนไม่แน่ใจ เพราะเป็นด้านภรรยาเป็นคนจัดการ แต่ที่แน่ ๆ คือ การใส่กำไร Em และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก็คือ สุขภาพ ที่เขาต้องมีการฟอกไต อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็ต้องเอาเขาไปโรงพยาบาล และสำหรับในด้านของคดี ต้องบอกว่าก็สู้ตามความจริง ผิดก็ว่าไปผิด แต่อยากให้เขาออกมาสู้ข้างนอก เพราะเขาโดนกิตหลอกไป
ซึ่งถ้าถามว่า ทำไมต้องไปกับกิตหรือกลัวจนทุกคนทำตามนั้น ต้องบอกว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ ไม่ได้มีอิทธิพล แต่เวลาไปไหน มาไหนก็ไปด้วยกัน วันที่รู้ว่ากิตโดนจับ ก็มีความรู้สึกและยอมรับว่ากังวลว่า คิดว่าแท็ปร่วมด้วยไหม เพราะเขาไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ถามจนเขามาบอก ภรรยาตน ก็ตกใจเหมือนกัน ที่พอพามาสถานนีตำรวจ ก็โดนฝากขังเลย เรียกว่าช็อกและเอาจริง ๆ ในเรื่องนี้อยากบอกกิตว่า ทำไมไม่ไปคนเดียว มาชวนคนอื่นทำไหม คนอื่นเขาดีกับคุณขนาดนี้ แต่มาทำให้คนอื่นแย่ไปด้วย และอยากขอโทษกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
เจ้าของร้าน เผย กิต เคยเข้ามาเลือกซื้อเชือก
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางไปที่ร้านค้า ที่นายกิตเข้ามาซื้อของก่อนก่อเหตุ โดยพบกับนางติ๋ม เจ้าของร้านค้า บอกว่าวันที่นายกิตซื้อของในร้านค้า นายกิตก็ได้เดินมาหยุดที่ล็อกขายเทปกาวโดยมีการมองสินค้าสักครู่ แต่ก็ไม่ได้เลือกซื้ออะไร แล้วก็เดินออกจากร้านไป โดยไม่เห็นพรเดินเข้ามากับกิตในวันนั้น
สำหรับคนใกล้ชิดของกิค ตนรู้จักเพียงนายโอ๊ต ที่เป็นลูกน้องของนายกิต แต่ส่วนช่างนนท์ที่เป็นหัวหน้าของนายกิตตนไม่เคยเห็น เพราะทุกครั้งเวลาที่นายกิตมาร้าน ตนก็จะไม่ได้ถามสินค้าจากตน ส่วนใหญ่ที่เคยซื้อก็จะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาชีพช่างของนายกิต เช่น พวกน็อตและเทปกาว จึงทำให้ในวันก่อนลงมือก่อเหตุนายกิตเข้ามาที่ร้านตนแล้วก็ไม่ถามสินค้าอะไรกับตน แต่ก็แปลกที่ไม่ได้ซื้อสินค้าอะไรเหมือนทุกครั้งก่อนออกจากร้านไป
ยืนยันว่านายกิตไม่ได้มาซื้อเชือกกับตน แต่ส่วนจะซื้อเชือกตอนที่ตนไม่อยู่ร้าน หรือจะซื้อกับพนักงานที่ร้านหรือไม่ อันนี้ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ถามพนักงานคนอื่น ส่วนตัวก็ตกใจที่เห็นลูกค้าเป็นคนก่อเหตุลักษณะโหดเหี้ยมดังกล่าว