กานต์ โต้ช่วยมัดมือนาทีอุ้ม ไม่ได้บังคับ ใหม่


จากกรณีความคืบหน้าในการประกันตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คน ก็คือ กานต์ และ โอ๊ต วันนี้ทีมข่าวได้ไปเกาะติดบรรยากาศที่หน้าบ้านของนายกานต์ ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่บ้านก็ยังคงปิดเงียบเหมือนเดิมไม่มีรถเข้า-ออก ซึ่งตามข้อมูลวันนี้พ่อกับแม่นายกานต์ ได้เดินทางไปที่ศาลตั้งแต่เช้าเนื่องจากวันนี้ศาลเปิดครึ่งวัน กระทั่งประมาณ 10.30 น. ทางอีกทีมของช่อง 8 ที่เกาะติดอยู่ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แจ้งมาว่าพ่อและแม่ของนายกานต์ ได้เดินทางออกมาจากศาล แต่ไม่ขอให้ข้อมูลอะไร ทำให้ทีมช่อง 8 อีกทีมที่เกาะติดบรรยากาศอยู่ที่บ้านต้องรอให้พ่อและแม่ของกานต์ กลับมาที่บ้าน




จนกระทั่งเวลา 11.26 น. นายก้าน (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพ่อของนายกานต์ มีการขับรถกระบะกลับมาที่บ้าน โดยเมื่อนายก้านลงจากรถ ทีมข่าวก็ถามถึงความคืบหน้าเรื่องการประกันตัวลูกชาย ซึ่งตัวพ่อก้าน บอกกับทีมข่าวว่า วันนี้พ่อไปส่งแม่กิ่งซึ่งเป็นแม่ของกานต์ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราตั้งแต่เช้าจริง แต่พ่อไม่ได้ขึ้นไปบนศาลด้วย เนื่องจากทางแม่กิ่งได้นัดให้ลูกสาวซึ่งเป็นพี่สาวของกานต์ ไปช่วยในเรื่องการยื่นเอกสารประกันตัว ทำให้พ่อไม่รู้ว่าลูกชายจะได้ประกันตัวออกมาเมื่อไร


โดยการไปยื่นประกันตัว ส่วนตัวพ่อก็ลุ้นให้ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวลูกชายให้เร็วที่สุด เพราะเขาจะได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายใหม่ ยอมรับตั้งแต่เกิดเรื่องตัวพ่อก็เดือดร้อน เพราะต้องดิ้นรนหาเงินไปประกันตัวลูก ซึ่งเงินที่หามาได้พ่อก็ไปกู้เงินญาติมา โดยเอาฉโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินมาทั้งหมด 8 แสนบาท เพื่อมาประกันตัวลูกชาย โชคดีที่ทางญาติไม่คิดดอกเบี้ย และญาติก็เข้าใจว่าเรื่องจบถึงจะเอาเงินไปคืนให้




ส่วนเรื่องคดี พ่อเองเป็นคนพาลูกไปมอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง เนื่องจากพ่อไม่เชื่อว่าลูกชายจะคิดลงมือฆ่าใครได้ เพราะลูกชายมันเป็นคนไม่สู้คน ที่สำคัญวันที่พ่อพาลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ พ่อยืนยันว่า พ่อบอกกับลูกให้พูดความจริงออกมา ซึ่งลูกก็ยืนยันกับพ่อระหว่างทางว่า คืนวันที่ไปเบียดรถอุ้มนายใหม่ ผู้ตาย ขึ้นรถ ลูกชายไปกับกิตจริงแต่ลูกชายไม่ได้ช่วยนายกิต มัดมือ มัดเท้านายใหม่ และในขณะที่เอาตัวนายใหม่ขึ้นรถ ลูกชายก็ยืนยันกับพ่อว่า ไม่มีใครไปบังคับให้นายใหม่ขึ้นรถ เพราะพอเรียกให้ขึ้นรถ นายใหม่ก็เดินขึ้นรถมากับเขาเอง จากนั้นนายกิตก็พาลูกชายมาส่ง และก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ที่สื่อไปไล่ดูวงจรปิด ว่าลูกชายขี่รถออกไปหาเพื่อนของเขาหลังกลับมาถึงบ้าน


ส่วนรถจักรยานยนต์ที่เห็นจอดอยู่หน้าบ้าน เป็นรถของพ่อที่ใช้กับกานต์ สื่อไปไล่ดูกล้องได้ว่าลูกชายขี่รถไปไหนบ้างในวันก่อนเกิดเหตุ และหลังวันเกิดเหตุ


นิว กังวล DNA บนเชือกแดงทำซวย รับว่าจับแต่ไม่ได้มัด


ขณะเดียวกันวันนี้ กรณีที่ตำรวจมีการเรียกตัว นายแท็ป ไปสอบปากคำที่ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.อภิสรา หรือ นิว ซึ่งถูกปล่อยตัวชั่วคราวออกจากเรือนจำมาเมื่อวานนี้




ทีมข่าวได้มีโอกาสเจอกับคุณแหม่ม (นามสมมติ) แม่ของน้องนิว หนึ่งในผู้ต้องหาที่อยู่ในคดีร่วมกันฆ่านายใหม่ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงนี้ทางแม่ขอให้นิวพักผ่อน ซึ่งเช้าวันนี้ยอมรับว่ารู้เรื่องว่าตำรวจเรียกตัวแท็ปไปสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ตำรวจยังไม่ได้เรียกน้องนิวไปสอบเพิ่ม ส่วนการปล่อยตัวชั่วคราว ทางศาลมีกำหนดให้น้องนิว ไปรายงานตัวในวันที่ 11 มีนาคม 2567 ถามว่าแม่กังวล เรื่องคดีเกี่ยวกับผลตรวจ DNA ที่เชือกหรือไม่ ประเด็นนี้ทางน้องนิวไม่ได้พูดกับแม่ แต่เขาบอกว่าให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว ซึ่งเท่าที่แม่รู้ วันนั้นนิวให้การว่า เห็นเชือกตกลงมาที่พื้นก็เลยหยิบจับเชือกขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้ร่วมกับนายกิตมัดนายใหม่ ผู้ตาย


โดยเมื่อวานนี้ ขณะที่น้องนิวถูกปล่อยตัวออกมา คำแรกที่น้องนิวพูดกับแม่ น้องนิวร้องไห้ ขอโทษแม่ที่ทำให้เดือนร้อน และตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน เขาเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยพูดอะไร โดยส่วนตัวแม่ ยอมรับว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ก็ยังมีความกังวลเรื่องคดีอยู่บ้าง เพราะถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ส่วนเรื่องการที่แม่จะพาน้องนิวไปทำบุญ หลังจากนี้แม่คงจะต้องปล่อยให้น้องนิว พักผ่อนไปสักระยะก่อน ถ้าน้องพร้อม แม่ก็จะพาไปบวชชีพราหมณ์ที่ไหนสักที่


ด่วน! ตำรวจเรียกชายเสื้อชมพูสอบ หาคำตอบคนร่วมแผนอุ้ม


ช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องชายปริศนา หลังจากที่ทางแม่ของนายโอ๊ตมีการให้ข้อมูลว่าล่าสุด นายโอ้ตยอมรับว่า เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ของนายใหม่มาที่บ้านพักของนายกิต ซึ่งจังหวะนั้นนายกิตได้เรียกชายปริศนามาที่บ้านพัก เพื่อให้ช่วยอำพรางหลักฐานในคดี


ปรากฏว่าจากการตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่า ในคืนวันที่ 28 ม.ค. ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. มีชายเสื้อสีชมพูขี่รถจักรยานยนต์และได้เข้าไปที่บ้านของนายกิต โดยทีมข่าวมีการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบุคคลที่เข้า-ออกบ้านพักของนายกิต พบเพียงชายปริศนารายนี้เพียงรายเดียวที่ขี่รถจักรยานยนต์จอดหน้าบ้านพัก และเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกมาและมีการวนรถขี่ไปขี่มาที่บริเวณหน้าบ้านนายกิตในคืนนั้นหลายรอบ ซึ่งมีญาติของชายปริศนายืนยันว่า ชายที่ปรากฏในภาพวงจรปิดคือ นายบี





และเป็นน่าแปลกหลังจากทีมข่าวได้ข้อมูลจากแม่ของนายโอ๊ตในวันนี้ ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. มีตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เข้ามาที่บ้านพักที่เป็นเพื่อนบ้านของนายกิต และมีการเข้ามาสอบถามเรื่องนายบี ชายปริศนาที่ใส่เสื้อสีชมพูขี่รถจักรยานยนต์ ที่ปรากฏภาพวงจรปิด หลังจากที่นายกิตขับรถสีแดงเข้ามาที่บ้านพัก หลังทิ้งศพ นายใหม่ ที่จ.ฉะเชิงเทราแล้ว ทีมข่าวพยายามสอบถามข้อมูลจากชุดสืบสวนฯ แต่ปรากฏว่าทางตำรวจบอกว่าอยู่ในระหว่างเร่งคลี่คลายคดีนี้


จากนั้นในช่วงหัวค่ำทีมข่าวได้มีการพูดคุยกับนางแหวน (นามสมมติ) เป็นญาติของนายบี ซึ่งอยู่ในบ้านพักฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของนายกิต หากย้อนดูจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่าระหว่างที่นายบีวนรถเข้า-ออกคล้ายกับจะมาจอดที่บ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้ที่จอดก็คือบ้านของนางแหวน ซึ่งเป็นญาติของ นายบี

โดยนางแหวนบอกว่า ยอมรับว่าบุคคลที่ปรากฏในภาพวงจรปิดเป็นชายเสื้อสีชมพูขี่รถจักรยานยนต์ ก็คือ นายบี ญาติของตนเอง แต่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่ โดยพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา และในคืนวันที่ 27-28 ม.ค. ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านพักกันทั้งครอบครัว เนื่องจากไปทำธุระกับสามี จึงไม่ทราบว่านายบีมาจอดรถที่บ้านพักของตน ตามภาพกล้องวงจรปิด


ยืนยันว่า ที่ผ่านมามีบุคคลที่เข้า-ออกบ้านของนายกิต 2 คน ก็คือ นายเฟิร์ส ซึ่งเป็นลูกชายของตน และนายบี ซึ่งเป็นญาติของตน แต่ยืนยันว่าเฟิร์สก็ไม่อยู่ในบ้านพักช่วงเวลาดังกล่าว มีเพียงนายบีเท่านั้น ที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ในคืนฆาตกรรมและทิ้งศพ นายใหม่


ในส่วนที่ว่านายบีจะเคยถูกดำเนินคดีอะไรหรือไม่ หรือมีการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ ตนไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้ เพราะเป็นเพียงญาติที่อยู่ห่าง ๆ กัน แล้วหากถามว่ากังวลใจอะไรหรือไม่หากสุดท้ายนายบีถูกพ่วงว่าเกี่ยวข้องในคดี ยืนยันว่า นายบีไม่ใช่ลูกชายของตน ตนจึงไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง




ขณะเดียวกันวงจรปิดที่ข้างบ้านของนางแหวน ซึ่งเป็นแม่ของนายเฟิร์ส จะเห็นว่าวันนี้ในเวลา 12.22 น. ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.บางปะกง หลังได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างจากการสอบปากคำนายโอ๊ต จึงได้มีการย้อนหลับมาตามหา นายบี ซึ่งเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีชมพูที่ขี่รถเข้าออกบ้านของช่างกิต ในช่วงคืนคาบเกี่ยวระหว่างวันที่ 27 และวันที่ 28 มกราคม ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ


โดยในภาพจะเห็นว่า ในขณะที่ตำรวจเข้ามามีการถามเพื่อนบ้านว่าบ้านของนายบีอยู่ที่ไหน กระทั่งมีชาวบ้านพาตำรวจเดินไปที่บ้านของนางแหวน ซึ่งเป็นแม่ของนายเฟิร์ส และที่ตำรวจต้องมาถามหานายบีกับแม่ของเฟิร์ส เป็นเพราะว่านายบีเป็นเพื่อนของนายเฟิร์ส แต่ก็ไม่ได้เจอตัวใคร ซึ่งจะเห็นว่า หลังจากตำรวจไม่พบใครจึงได้มีการขับรถออกไปในเวลา 11.31 น. และในขณะที่ตำรวจลงพื้นที่มา จะเห็นว่าช่วงที่ตำรวจมา ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางเข้ามาที่นี่พอดี


กิต พา น้องพรมาสักเสริมดวง แนะนำว่าเป็น แฟน


ทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับ อาจารย์เก่ง ที่เป็นอาจารย์ที่ช่างกิตนับถือ และพาน้องพรมาสักหัวใจศิวลี ขวา และหัวใจเศรษฐี ซ้าย ในวันที่ 9 ธันวาคม ช่วงเวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นการเสริมด้านการเงินทอง




โดยอาจารย์เก่ง ได้เล่าว่า ตนรู้จักช่างกิตมานานประมาณ 4 ปี เพราะเมื่อก่อนห้องข้าง ๆ เป็นห้องของช่างกิตที่เคยเช่าอยู่กับแฟนเก่า แต่ได้เลิกไปประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งย้ายออกไปได้ 2 ปีแล้ว แต่ยังแวะเวียนมาหากันบ้าง จนหลังจากพาน้องพรมาสักก็หายไปเลย วันที่มาสักก็คือ แนะนำว่านี่คือ แฟน ตนมองว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มาก หลงมาก แต่ไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะเขาเป็นคนจิตใจดี ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ไม่เคยจริง ๆ พร้อมทั้งถ้าเทียบจริง ๆ ช่างกิตสู้นายใหม่ไม่ได้ เพราะเขาตัวเล็กมาก


หลังจากที่เขาพาน้องพรมาสัก ก็หายเงียบไปเลย ไม่เคยมาเจอเลย และไม่เคยเล่าเรื่องอะไร ที่เกี่ยวกับส่วนตัวให้ฟัง ส่วนคนอื่นที่อยู่ในคดีนั้น ต้องบอกว่าตนรู้จักแต่ไม่ได้สนิทเลย


สาวนั่งมาในรถกิต เครียด ดันจับเชือกตกพื้นส่อซวย ชายชุดชมพูงง ถูกสอบอีกรอบ