ซัดกันนัว กลุ่มทะลุวัง ปะทะ กลุ่ม ศปปส.


วันนี้ (10 ก.พ. 2567) มีรายงานว่า ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ภายหลังกลุ่มทะลุวัง และนักกิจกรรมอิสระ นำโดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ จัดกิจกรรมโพลขบวนเสด็จฯ เวลา 12.30 น. แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดหมาย มีกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นัดรวมกลุ่มแสดงความไม่พอใจกับกิจกรรมดังกล่าวด้วย จนมีการตะโกนต่อว่ากันไปมา




ก่อนที่จะบานปลายต่างฝ่ายต่างเข้าปะทะกัน มีการกระทบกระทั่งกันเป็นระยะนาน กว่า 20 นาที และมีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นของเอกชน โดยตำรวจ สน.ปทุมวัน และตำรวจนอกเครื่องแบบ พยายามเข้าห้ามปราม และแยกทั้ง 2 กลุ่มออกออกจากกัน แต่ไม่เป็นผล แล้วจะเห็นได้ว่ามี ชอตหนึ่งที่ ตะวัน ทะลุวัง โดนต่อยเข้าที่หน้าด้านข้างเต็ม ๆ ทำให้เจ้าหน้าของสถานีรถไฟฟ้าตัดสินใจปิดประตู้บ้านกั้น ทางเข้าประตู 4 และประตู 3 ที่เชื่อมเข้ากับห้างสรรพสินค้า


ทั้งนี้ มีรายการว่า น.ส.ทานตะวัน จะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่ม ศปปส. ที่ สน.ปทุมวัน ขณะที่ตัวแทนกลุ่ม ศปปส. ได้ชี้แจงกับสื่อว่า ตนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนี้ และถูกทำร้ายร่างกายก่อน


ศปปส. จ่อแจ้งความ อ้าง ถูกทะลุวังทำร้าย


โดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ระบุว่า หลังจากนี้เราจะแยกกันเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางรัก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอไว้ ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้ากัน


นายอานนท์ กล่าวต่ออีกว่า ตนเองเคยเตือนหลายครั้งแล้ว และการกระทำในลักษณะนี้ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเราไม่อยากให้มีการทำโพล และไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่มนักกิจกรรมถึงจะต้องไปยุ่งกับสถาบันฯ ทำให้วันนี้พวกตนเองรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไป รวมถึงยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน และมองว่าเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของคนไทยเกินไป




อีกทั้งตนเองไม่เข้าใจว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปล่อยให้ทำกิจกรรมในลักษณะแบบนี้ได้ ซึ่งตนเองจะทำทุกวิถีทาง ทั้งการยื่นถอนประกันตัว และการไล่แจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะวันนี้ พวกกลุ่มทะลุวังรู้ว่าการจัดกิจกรรมที่นี่ อยู่ใกล้กับวังสระปทุมฯ และสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จพระราชดำเนินไปที่เยาวราช จึงมองว่าการกระทำของกลุ่มนี้เป็นการท้าทายกฎหมาย และจงใจจัดกิจกรรมเพื่อป่วน

นาอานนท์ ยืนยันว่าไม่ได้อยากใช้ความรุนแรง และไม่ใช่ฝ่ายที่เริ่มก่อน แต่วันนี้เพียงแค่มาสังเกตุการณ์เท่านั้น ไม่ได้มีอาวุธมา แต่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนที่ทำให้มวลชนของกลุ่มตนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกตี และถูกต่อย รวม 3 คน รวมถึงตนเองที่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณปากด้วย ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน เพราะทางกลุ่มทะลุวังได้ดำเนินคดีกับพวกตนเองก่อน


ตะวัน แจง พิธา ไม่ได้เป็นนายประกัน ยันไม่ได้เริ่มก่อน


ภายหลังนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และกลุ่มทะลุวัง รวมถึงนักกิจกรรมอิสระ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ปทุมวัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่ม ศปปส. ที่ทำร้ายร่างกายพวกตนเองรวม 13 คน หลังจากไปทำกิจกรรมทำโพลขบวนเสด็จฯ ที่ทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสถานีสยาม


จากนั้น ตะวัน ได้ให้สัมภาษณ์ พร้อมกล่าวคำขอโทษ สำหรับเหตุการณ์ในคลิปที่ปรากฏในโซเชียลที่ขับรถด้วยความเร็ว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนคนอื่น แต่ก็ขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามและแสดงออก แต่การที่ตนเองจัดทำโพลในครั้งก่อน กลับถูกดำเนินคดี ม.112 และยังถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรงในวันนี้




ตะวัน ยังชี้แจงอีกว่า เหตุการณ์ในวันนี้ ยืนยันว่า นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส. เข้ามาล็อกคอเพื่อน ทำให้เพื่อนที่เหลือต้องไปช่วยให้การช่วยเหลือและป้องกันตัว แต่กลับถูกกลุ่มคู่กรณีเข้ามาทำร้าย ทั้งที่เจตนาในวันนี้ไม่ต้องการสร้างความรุนแรง แต่ตนเองกลับถูกต่อยที่บริเวณโหนกแก้มซ้าย และถูกกระชากผม ส่วนเพื่อนอีก 12 คน มีบาดแผลที่ใบหู เบ้าตา และแขนซ้น บางรายถูกตบแว่นหัก ซึ่งคลิปจากสื่อหลาย ๆ ช่องเป็นหลักฐานยืนยันได้และหากกลุ่มของตนเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง เหตุใดสื่ออิสระฝั่งตนเอง 2 คนที่มาทำข่าวยังถูกทำร้ายไปด้วย ทั้งที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้ง

ส่วนที่อีกฝ่ายอ้างว่า ตนเองเลือกจัดกิจกรรมในวันนี้ เพราะมีเจตนาแอบแฝง รู้กำหนดการขบวนเสด็จฯ นั้น นางสาวทานตะวันยืนยันว่า ตนเองไม่ทราบกำหนดการใด ๆ แต่วางแผนตามกำหนดการของตนเอง และกิจกรรมที่จัดขึ้นก็เป็นอิสระมาตั้งแต่ต้น


ตะวัน ย้ำว่า จุดยืนการเคลื่อนไหวของกลุ่มตัวเองยังเหมือนเดิม ส่วนวิธีการและแนวทางการทำกิจกรรมหลังจากนี้จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ และคงไม่คิดมากหากกลุ่ม ศปปส. จะไปสังเกตการณ์ทำกิจกรรมในครั้งต่อ ๆ ไป เพราะการแสดงออกทางความคิดเห็นยังทำได้เหมือนเดิม


ส่วนกรณีที่มีนำการจัดกิจกรรมของกลุ่มทะลุวังและกลุ่มของนางสาวทานตะวัน ไปเชื่อมโยงกับพรรคก้าวไกล และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงกรณีที่เป็นนายประกันนั้น ตะวัน ชี้แจง ยืนยันว่า นายพิธา ไม่ได้เป็นนายประกันของตนเองมานานแล้ว เพราะตนเองถูกถอนประกันปีที่แล้ว ในคดีที่นายพิธาเป็นนายประกัน ทำให้ตอนนี้นายพิธา ไม่ได้เป็นนายประกันตนเอง และยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของตนเองและกลุ่ม ก็ไม่ได้เกี่ยวกับนายพิธา มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเช่นกัน


พิธา ปัดหนุน ตะวัน ป่วนขบวนเสด็จฯ รับ กังวลแต่เข้าใจ


ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่เป็นนายประกันตัวให้ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักกิจกรรมทางการเมือง และไปก่อเหตุป่วนขบวนเสด็จ ว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมืองและคนไทยคนหนึ่งก็กังวลถึงสถานการณ์บ้านเมือง และอนาคตของคนรุ่นใหม่ด้วย จึงอยากเชิญชวนทุกคนตั้งสติ เข้าใจว่า มีหลายฝ่ายไม่สบายใจ กังวลใจ และต้องการความเข้าใจ ตนก็อยากให้ทุกฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้แตกร้าวไปมากกว่านี้ แต่การผลักเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวม ตนอยากจะให้ร่วมมือกัน หาทางออก ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้




ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนายพิธา ไปประกันตัวเด็ก ถูกมองสนับสนุนพฤติกรรมของเยาวชนที่ไปขบวนเสด็จ นายพิธา กล่าวว่า คงไม่ใช่สนับสนุน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับนายประกัน เป็นเรื่องสิทธิการประกันตัว ต้องแยกเป็นกรณี ควรใช้ความละมุนละม่อม หาทางออกร่วมกัน เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลาย


เมื่อถามย้ำว่า จุดยืนของนายพิธา ต่อการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน ที่ไปขวางขบวนเสด็จเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า "กังวลใจ แต่เข้าใจ นี่คือจุดยืนของผม"


เมื่อถามว่า วันนี้กลุ่มเยาวชนมีการทำกิจกรรมเรื่องขบวนเสด็จฯ อีก และเกิดการปะทะกับผู้เห็นต่าง ควรจะพูดคุยกับเด็กให้อยู่ในร่องในรอยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกกังวล ทุกฝ่ายควรตั้งสติ และทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งในเรื่องนี้


เมื่อถามว่า ควรจะทบทวนเรื่องยื่นประกันตัวกลุ่มเยาวชนคดี มาตรา 112 หรือไม่ เพราะในพรรคก้าวไกล ก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยก สิทธิในการประกันตัว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ส่วนการอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศก็เป็นอีกเรื่อง แต่การแสดงออกก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน อย่าไปผูกรวม ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถแก้สถานการณ์ได้ และจะทำให้ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคนไทยแน่นอน และสังคมก็ต้องช่วยกันหาวิธีที่ละมุนละม่อม ไม่ให้แตกขั้วและแตกร้าวไปมากกว่านี้


เมื่อถามว่า ล่าสุดกรณีที่ตะวันและแบมมีการปะทะกับอีกฝ่าย นายพิธา บอกว่า ยังไม่เห็นภาพ จึงขอดูสถานการณ์ก่อน แต่ส่วนตัวขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ตำรวจ ที่น่าจะพยายามควบคุมสถานการณ์ ให้ละมุนละม่อมอย่างที่สุด ก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะจะเป็นระเบิดเวลา ขออย่ามองแค่วันสองวัน เนื่องจากมีความขัดแย้งมานาน ก็ต้องมองในอดีตมาถึงปัจจุบันด้วย ตัวเองก็อยากจะแก้ปัญหาให้ได้ พร้อมย้ำว่า กังวลใจและก็เข้าใจในจุดยืน

ซัดกันนัว! ทะลุวังปะทะกลุ่มปกป้อง เจ็บคู่ พิธาถอนเป็นนายประกัน ปัดชักใย