ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานภาพวงจรปิดก่อนที่นายกิตจะขับรถกระบะขาวตู้ทึบหนีเพราะหวั่นตำรวจตามจับ โดยจากภาพวงจรปิดช่วง 01.37 น วันที่ 1 ก.พ. จะเห็นนายกิตขับรถกระบะตู้ทึบมาที่บ้านพัก เมื่อมาถึงเจ้าตัวก็ลงรถและเดินไปยังรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ใกล้กัน แล้วมีการเปิดรถตู้เพื่อเอาถังแกลลอนหลายถังมาวางลงที่พื้น ก่อนยกถังแกลลอนไปวางอยู่ที่ท้ายรถกระบะสีขาวตู้ทึบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าบ้านพักไป

 

ต่อมาช่วง 02.01 ของวันเดียวกัน นายกิตก็เดินมาที่ท้ายรถกระบะตู้ทึบสีขาวอีกครั้ง แล้วมีการเปิดท้ายรถกระบะก่อนที่จะยกถังแกลลอนหลายถังไปไว้ที่บนรถ จากนั้นนายกิตก็ขึ้นรถตัวเอง โดยเปิดประตูฝั่งคนขับก่อนขึ้นรถไป

 

วันนี้ (11 ก.พ.) ทีมข่าวช่องแปดยังได้ลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังบริเวณหน้าอู่ช่างกิต ซึ่งพบว่าวันนี้ที่อู่ยังคงปิดเพราะเนื่องจากช่างกิต ถูกจับ จึงไม่มีใครเปิดอู่หรือซ่อมรถแทน และนับตั้งแต่วันที่ถูกจับจนกระทั่งถึงวันนี้อู่ค่อนข้างเงียบเหงาและปิดเงียบ มีเพียงรถตู้สีขาวที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่บริเวณลานหน้าอู่ สังเกตว่าจะมีแกลลอนน้ำมันและแกลลอนน้ำมันน้ำมันเครื่อง วางเรียงรายอยู่จำนวน ซึ่งแกลลอนที่ใช้สำหรับเก็บน้ำมันเป็นแกลลอนลักษณะ 25-30 ลิตร โดยวางเอาไว้ใกล้กับใต้ศาลพระภูมิ แต่แกลลอนสีเขียว เหลือง หรือสีอื่นลักษณะสีสัน ก็ถูกวางเรียงเอาไว้บริเวณหน้าอู่ แต่ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้สำหรับเก็บน้ำมันเครื่องจากการถ่ายของเสียของเครื่องยนต์

 

ทีมข่าวเดินทางเข้าไปพูดคุยกับนางอู๊ด ซึ่งเป็นป้าของช่างกิต เผยว่า หลังเกิดเหตุตนเองก็ยังไม่ได้เจอกับใคร ไม่ว่าจะเป็นญาติที่เกี่ยวข้องกับนายโอ๊ตแม้จะเป็นหลานหรือแม้แต่คนอื่นๆในบ้าน เพราะหลังเกิดเรื่องต่างคนต่างแยกย้ายและไปพักอยู่ที่อื่น และเมื่อวานนี้เข้าใจว่าแม่ของนายโอ๊ตพร้อมกับพ่อได้ไปยื่นขอประกันตัว แต่ก็ไม่ได้กลับมาพูดหรือกลับมาที่นี่ จึงไม่รู้ความคืบหน้าอะไร แต่ส่วนตัวอยากให้นักข่าวไปโฟกัสหรือไปติดตามชีวิตของนางสาวพร มากกว่าที่จะมาถามครอบครัวของตนเอง เพราะนางสาวพรน่าจะเป็นคนที่มีข้อมูลมากที่สุดตอนนี้

 

และกรณีการนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนัก ที่ไปพาดพิงหรือมีการกล่าวหา ครอบครัวก็กำลังพิจารณาจะดำเนินคดีและฟ้อง ที่ไม่พูดความจริง หรือเอาความจริงไปบิดเบือน

 

สำหรับประเด็นเรื่องของ แกลลอนน้ำมันที่มีการกล่าวหาว่าตัวของช่างกิตมีการยกขึ้นลงรถ อาจเกี่ยวข้องกับการนำไปเผาทำลายหลักฐาน ที่พบว่าที่เกิดเหตุมีการถูกเผานััน ส่วนตัวไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ และทำไมถึงเผา แต่เรื่องแกลลอนน้ำมันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะตัวของช่างกิต เป็นช่างที่ซ่อมรถ และมีแกลลอนน้ำมันเยอะ ส่วนใหญ่ก็เอาแกลลอนไปเติมที่ปั๊ม เอามากักตุนและเก็บเอาไว้เพื่อที่จะเติมให้กับลูกค้าและเติมให้กับรถตัวเอง ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่เวลาน้ำมันหมดก็เอาแกลลอนขึ้นหลังรถเพื่อไปเติมเพิ่ม แล้วเชื่อว่าตำรวจก็คงมีข้อมูลหมดแล้วว่าใครเผาหรือเกิดจากการไหม้ด้วยวิธีใด

 

และกรณีที่คำให้การให้ ของ ช่างกิต ที่มีการรับสารภาพกับทางตำรวจชุดสอบสวนที่มีการวิดีโอคอลไปสอบปากคำปากช่างกิต เกี่ยวกับคำให้การที่ระบุว่าเหตุผลที่ยิง เป็นเพราะคนตายยืนยันคำตอบ จนกระทั่งบันดาลโทสะยิง และการมัดมือมัดเท้า เจ้าตัวทำคนเดียวนั้น และทราบว่าการก่อเหตุมีการมัดมือเท้าที่ด้านหลังอู่ซึ่งใกล้กับบ้านของป้า นางอู๊ด บอกว่า ตัวเองไม่รู้ ว่ามัดมือเท้าที่ไหน และก่อเหตุอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่เห็นและได้ยินเสียงปืน จึงไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของบ้าน

 

พิรุธอีก ป่าจุดทิ้งศพใหม่ ถูกเผาหลังวันเจอศพ

และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้ย้อนกลับไปยังจุดพบศพของนายใหม่หนุ่มโรงงาน และยังเป็นจุดที่ถูกเผาเป็นลักษณะรอยไหม้เป็นทางยาว โดยสังเกตว่าลักษณะของการไหม้บริเวณริมทางเรียบถนนมอเตอร์เวย์ มีการไหม้ 2 ช่วง ซึ่งช่วงแรกจะเป็นช่วงที่พบร่างของนายใหม่นอนเสียชีวิต ถัดไปห่างไม่ถึง 4 เมตร มีรอยไหม้เป็นแนวทางยาว และฝั่งตรงข้ามรั้วด้านในของถนนมอเตอร์เวย์ก็มีลักษณะรอยไหม้เป็นกว้างเช่นเดียวกัน

 

แต่การลงพื้นที่สำรวจในวันนี้ ตามการคาดการณ์ ที่ระบุว่าอาจมีการใช้เชื้อเพลิงโดยเฉพาะน้ำมันในการราดหรือจุดไฟ เพราะเนื่องจากพบพฤติกรรมของช่างกิต มีการเกี่ยวข้องกับถังน้ำมันหรือแกลลอนน้ำมันที่หน้าบ้านในช่วงหลังเกิดเหตุ โดยจากการตรวจสอบพบว่าจุดที่มีรอยไหม้ไหม จะมีลักษณะคล้ายรอยคราบน้ำมันติดอยู่ที่พื้นถนน ยางมะตอย โดยจุดที่ไม่มีรอยคราบน้ำมัน จะสังเกตว่าต้นหญ้าไม่ได้มีรอยไหม้ เพราะคาดว่าไม่มีเชื้อเพลิง แต่จุดที่มีคราบน้ำมันติดอยู่บนพื้นถนน ส่วนใหญ่ต้นไม้และต้นหญ้าบริเวณดังกล่าวจะไม่เหลือแต่ตอตะโก

 

ทีมข่าว ยังได้ไปพูดคุยกับ นายวิชิตชัย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นชาวบ้านที่มาดูแลสวนและบอกกุ้ง ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 100 เมตร โดยเจ้าตัวตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นที่มีคนมาจุดไฟเผาจุดเกิดเหตุ ว่า อาจมีความเป็นไปได้ ว่าชาวบ้านซึ่งเป็นเกษตรกรมาจุดไล่งูไล่นก หรืออาจมีการมาเซ่นไหว้คนตาย หรือก้นบุหรี่ หรือมากไปกว่านั้นคือการเผาทำลายหลักฐาน ตามที่ถูกคาดการณ์เอาไว้

 

โดยทางด้านของนายวิชิตชัย ได้มีการทดสอบจำลอง ให้ทีมข่าวเผาต้นหญ้า ซึ่งลักษณะเดียวกันกับที่จุดเกิดเหตุ เป็นฝั่งของทางบ่อกุ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ของเจ้า โดยมีการจำลอง ใช้บุหรี่ ที่คาดว่าอาจคนขับรถผ่านมาและโยนก้นบุหรี่ทิ้ง , ธูป ที่อาจเป็นไปได้ว่ามีญาติหรือเพื่อนคนตายมาจุดธูปเซ่นไหว้ , การจุดด้วยไฟแช็กโดยตรง ซึ่งการทดสอบ ทั้ง3แบบ จะทำให้หญ้าไม่ลุกไหม้ เนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิง จะเห็นเพียงแค่รอยไหม้สีดำ จากความร้อน แต่หญ้าไม่ติดไฟ

 

จากนั้นตัวของนายพิชิตชัย ได้มีการตั้งข้อสมมุติฐานตามที่พบว่าที่เกิดเหตุมีลักษณะคล้ายคราบน้ำมัน เจ้าตัวจึงได้มีการเอาน้ำมัน ที่ใช้เติมเครื่องยนต์ของบ่อกุ้ง มาราดลงไปที่กอหญ้า จากนั้นเมื่อมีการจุดไฟ พบว่าไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และไหม้อยู่ที่จุดน้ำมัน จนกระทั่งกอต้นหญ้าไม่เกือบทั้งหมด

 

ด้าน วิชิตชัย (นามสมมติ) เจ้าของบ่อกุ้ง เผยว่า กรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ต้นหญ้าเลียบมอเตอร์เวย์ ใกล้กับจุดพบศพของนายใหม่หนุ่มโรงงาน มีเหตุการณ์ไฟไหม้2ครั้ง ซึ่งครั้งแรกบริเวณจุดที่พบศพ ตนเองไม่ทราบและไม่เห็นกับตา แต่มาเจอหลังจากที่กลับมาที่บอกกุ้งพบว่ามีการเผาไหม้ไปแล้ว โดยเป็นช่วงรอยต่อระหว่างวันที่ 30-31 มค หลังจากที่พบศพ ตนเองจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนเผา แต่ก็คาดการณ์ว่าอาจเป็นเพราะธูปหรือเทียนจากการเชิญวิญญาณหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพื่อนของคนใต้นำของมาเช่นไหว้แล้วบังเอิญธูปหรือเทียนล้ม , และถัดมาอีกหลายวัน ก็มีเหตุการณ์ไหม้ครั้งที่2 โดยไฟไหม้ห่างไม่ไกลจากจุดพบศพ ซึ่งเป็นแนวข้างรั้วมอเตอร์เวย์เหมือนเดิม จากนั้นก็ลุกลามเข้าไปภายในถนนมอเตอร์เวย์ด้านในจนไหม้เป็นวงกว้าง ก่อนที่จะตัวเองจะเห็นรถเจ้าหน้าที่ของมอเตอร์เวย์มาดับไฟ แต่ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เห็นรถต้องสงสัยมาจอดหรือแวะเวียนก่อนที่ไฟไหม้ จึงไม่รู้ว่าต้นเพลิงมาจากอะไรกันแน่ เพราะส่วนใหญ่กลางคืนตัวเองจะอยู่และเดินเฝ้าบอกกุ้งตลอด แต่กลางวันมีบ้างที่แวะกลับไปบ้าน แต่ก็เรียกได้ว่าอยู่ที่บ่อกุ้งกินอยู่ที่นี่เป็นประจำ

 

และจากกรณีคำให้การของช่างกิต ที่มีการให้การทำนองว่ามีการมัดมือเท้า แล้วพอมาถึงที่เกิดเหตุอาจมีการทะเลาะหรือบันดาลโทสะ จนเป็นเหตุทำให้ตัดสินใจยิง ใกล้กับที่เกิดเหตุก่อนนำศพ ผลักลงจากรถนั้น ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าในช่วงวันที่ 27-29 ม.ค. มีการทะเลาะหรือว่ายิงปืนกันหรือไม่ แต่ช่วงดังกล่าวเคยได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น จึงเข้าใจว่าเป็นเสียงประทัดที่จุดจุดไล่นก เพราะแถวนี้มีทุ่งนา และมีนกบางชนิดหากินกลางคืน ชาวบ้านก็จะมีการจุดไล่ ตนเองจึงแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงปืนหรือเสียงประทัด แต่ก็จะได้ยินในช่วงประมาณวันที่ดังกล่าว เพียงแค่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนกับคดีนี้หรือไม่

 

เจอหลักฐานกระบะปริศนา โผล่ใกล้เวลาเผาจุดทิ้งศพ

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นจุดร้านค้า ที่มีกล้องวงจรปิด ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 650 เมตร มีภาพจากกล้องวงจรปิด ในคืนวันที่ 31 ม.ค. เวลาประมาณ 01.03น. จับภาพรถกระบะต้องสงสัย ขับผ่านมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ ด้วยความเร็ว

 

จากนั้นกล้องวงจรปิดตัวเดิม จับภาพต่อ รถกระบะต้องสงสัยขับย้อนกลับหลังไปที่จุดเกิดเหตุ เวลาประมาณ 01.09น. ซึ่งเป็นรถที่ขับผ่านกลับมาหลังจากที่มุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุเพียงคันเดียว

 

และจากการตรวจสอบของทีมข่าวช่วงเวลาตั้งแต่ 23.00 น. ของวันที่ 30 ม.ค. ถึงเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค. มีรถกระบะซึ่งคล้ายหรือเหมือนรถของช่างกิต ขับผ่านช่วงเวลาดังกล่าวเพียงแค่ช่วงเวลา 01.03น.เท่านั้น

 

และในบ่ายวันเดียวกัน 31 ม.ค. ซึ่งช่วงประมาณ 14.00น. ญาติของนายใหม่คนตาย พร้อมกับผู้สื่อข่าวอีกจำนวนหนึ่ง ได้มีการเดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อที่จะประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ ก่อนที่จะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดย่านบางพลี

 

โดยก่อนที่พระ รวมถึงญาติ และนักข่าวจะไปถึงที่เกิดเหตุ ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.26น. มีกล้องวงจรปิด บ้านหลังหนึ่ง จับภาพ ปลายมุมกล้อง คล้ายหมอกควันไฟ ซึ่งลอยออกมาแถวจุดพบศพ ที่มีรอยไหม้

 

วันนี้ 11 มกราคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายปอนด์ ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีข้อมูลคำให้การของนายกิต ออกมานั้น ตัวเองก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งสำหรับคำให้การของนายกิต เนื่องจากว่า ก่อนหน้านี้ นายใหม่ พี่ชายของตัวเอง เขาอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า นางสาวพร มีความสนิทสนมกับนายกิต พอนายกิต มาคุยเรื่องนี้กับพี่ใหม่ ด้วยความที่พี่ใหม่เป็นคนมีนิสัยเด็ดเดี่ยว ตอนนั้นเค้าอาจจะรู้ความจริง แล้วเสียใจว่าคนที่เขารักมากๆ มาทำแบบนี้กับเขา นายใหม่ อาจพูดขึ้นมาว่า “ที่ผ่านมาก็ก็ทำอะไรมาเพื่อมึงเยอะแล้ว ทำไมก็จะตายเพื่อมึงไม่ได้” ตัวเองคิดว่า ตอนนั้น นายใหม่ คงคิดแบบนี้ นายใหม่เขาคงสุดทนแล้ว

 

แต่ถ้านายกิต อยากได้นางสาวพร ก็น่าจะบอกกับนายใหม่ดีๆ ไม่น่าที่ต้องจะมาฆ่ากันแบบนี้

 

นายปอนด์ เล่าให้ทีมข่าวฟังต่อว่า สำหรับตัวเอง เป็นอีก 1 คน ที่ไปในวันเชิญวิญญาณผู้ตาย พบว่าวันนั้น จุดพบศพได้มีการถูกเผาจริง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเผา เนื่องจากวันที่ไปเจอศพนั้นสภาพจุดพบศพกอหญ้ายังไม่มีร่องรอยการถูกเผาแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นตัวเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเชื่อว่า ตำรวจเค้าได้รวบรวมพยานหลักฐานไปหมดแล้วถึงแม้ว่าผู้ก่อเหตุจะกลับมาเผาสถานที่ตรงนี้ก็ตาม

 

ส่วนเรื่องที่นางสาวพร ไม่ไปเชิญวิญาณสามี นั้น ก็คิดว่าวันนั้น นางสาวพร เขาติดออกรายการโหนกระแส ตัวเองจึงทำหน้าที่นี้แทน เพราะตัวเองก็มีศักดิ์เป็นน้องชายของนายใหม่เหมือนกัน

พิรุธป่าทิ้งศพใหม่ ข้ามวันถูกไฟเผา โยงไอ้กิตขนถังน้ำมัน ช่อง 8 พิสูจน์จุดไฟต้องมีเชื้อเพลิง