กิตยื่นข้อเสนอใหม่ รอดตายถ้าเลิกกับน้องพร
กรณีที่มีข้อมูลมาว่า จากคำรับสารภาพของนายกิต ที่บอกว่า คืนเกิดเหตุ เจ้าตัวได้คุยแบบลูกผู้ชายกับผู้ตายว่ามี 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1.คือถอยออกจากพรแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป หรือ 2.ยอมตายเพื่อจากไป ทางด้านใหม่นั้น ได้ตอบกลับช่างกิตว่า ก็แล้วแต่อยากจะทำอะไรก็ทำตายก็ได้ ทำให้ช่างกิตลงมือใช้ปืนยิงนายใหม่เสียชีวิตทันทีนั้น
ทีมข่าวช่อง 8 ได้แบบพูดคุยกับนายอี๊ด นามสมมติ รุ่นพี่คนสนิทของนายใหม่ กรณีที่นายกิต ให้การกับตำรวจเพิ่มเติมว่าเขาต้องการจะสั่งสอนและปล่อยตัวแต่"ใหม่" กลับบอก อยากทำอะไรก็ทำเลยนั้น ตัวเองก็ขอถามกลับว่า หากนายกิต เขาอยากสั่งสอน ทำไมเขาต้องจับ น้องชายตัวเองมัดเท้าด้วย ซึ่งตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาสักเท่าไหร่
ตัวเองเชื่อว่า การที่นายใหม่ รุ่นน้องตัวเองถูกจับมัดมือมัดเท้านั้น น่าจะมีมากกว่า 1 คน ที่จะสามารถจับนายใหม่ มัดมือมัดเท้าได้ เนื่องจากนายใหม่ (ผู้ตาย) เขาเคยเป็นทหารมาก่อน เขามีแรงค่อนข้างเยอะ คนคนเดียวไม่สามารถเอาแรงเขาอยู่ได้ หรือถ้าอีกมุมมองหนึ่ง ตอนนั้น นายใหม่ อาจเสียใจ ที่มาทราบว่าน้องพรนอกใจ จากปากนายกิต นายใหม่เขาเลยยอมให้นายกิต จับมัดมือมัดเท้า ประมาณว่า “มึงจะทำอะไรกูมึงก็ทำเลย” ก็อาจเป็นแบบนี้ได้
ส่วนนางสาวพร นั้น ตัวเองก็คิดว่าเขาคงไม่มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุครั้งนี้หรอก ถ้าเขารู้เห็น ก็คง ถูกตำรวจดำเนินคดีไปนานแล้ว แต่ตัวเองติดใจนายกิต ว่ายิงน้องชายตัวเองทำไม “คุณไม่เอาของเขา คุณไปแย่งเขามา แล้วคุณไปฆ่าเขาทำไม”
กิต สุดเหี้ยม ฆ่าผัวน้องพรยังมาร่วมงานศพ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่า นายกิต น่าจะไปร่วมงานศพวันแรก วันที่ 30 มกราคม 2567) ของผู้เสียชีวิต ที่วัดคลองปลัดเปรียง แต่ยังไม่ได้สอบปากคำในประเด็นนี้อย่างละเอียด ว่านายกิต ไปร่วมงานศพผู้ตาย ในเวลาใด
แต่จากการตรวจสอบแชต ของนายกิต ที่ส่งหานางสาวพร เมื่อวันที่ 29-30 มกราคม 2567 นายกิต ได้พิมพ์ข้อความส่งไปหาน้องพรว่า “วันเผาศพ พี่ไปร่วมงานศพด้วยได้ไหม” นางสาวพรก็ตอบว่า “ได้จ้า”
ทีมข่าวได้มาตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ด้านหน้าศาลาตั้งศพ ของผู้เสียชีวิต ว่าจะเห็นนายกิต ในงานศพผู้ตายหรือไม่ พบว่า
กล้องตัวที่ 1 เวลา 11.34.57 น. วันที่ 30 มกราคม 2567 นางสาวพร มาติดต่อทางวัด ว่าจะเอาศพผู้ตายมาตอนบ่าย
กล้องตัวที่ 2 เวลา 17.00.57 นางสาวพร นั่งคุยกับญาติๆ
กล้องตัวที่ 3 เวลา 18.01.46 น. วันที่ 30 มกราคม 2567 นางสาวพร เดินไปมาบริเวณศาลาวัด
กล้องตัวที่ 4 เวลา 19.04 พบว่าตอนนี้ แขกมาร่วมฟังสวดอภิธรรมคืนแรกกันจำนวนมาก ส่วนนางสาวพร เดินไปมา
กล้องตัวที่ 5 เวลา 19.05 นางสาวพร เดินมาคุยกับญาติๆ ซึ่งจากการตรวจสอบของทีมข่าว ก็ยังไม่เห็นนายกิต คาดว่าเจ้าตัวอาจนั่งในบริเวณรอบนอก ซึ่งกล้องส่องไปไม่ถึง
แท็ป ถูกเค้นเพิ่ม ยันไม่รู้การฆ่า หันหน้าเข้าทางธรรม
วันนี้ (11 ก.พ.) ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่บ้านของนายแท็ป หนึ่งในผู้ต้องหา คดีที่เกี่ยวข้องกับการตายของนายใหม่หนุ่มโรงงาน ซึ่งเจ้าตัวได้รับการประกันตัว ด้วยวงเงิน 8 แสนบาท และเจ้าตัวเป็นคนแรกหลังได้รับการประกันตัวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง
โดยทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้าน ของนายแท็ป ซึ่งพบว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่บ้าน โดยได้ออกไปทำธุระพร้อมกับทำบุญที่วัด กับทางครอบครัว โดยเจ้าตัว ได้มีการสร้างสิริมงคลหลังจากที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำและกลับออกมา และยังมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับนายใหม่คนตาย และยังอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอย่างช่างกิต เพราะเจ้าตัวเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความซวยที่ถูกหลอกใช้ โดยหากมีการทำบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็อาจจะทำให้ช่างกิต มีสติและเปลี่ยนคำให้การใหม่ ไม่พูดโยงให้คนอื่นจนต้องเดือดร้อน
และในเช้าที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 06.13น. นายแท็ป ได้มีการเตรียมของเพื่อไปรอใส่บาตรพระสงฆ์ในตอนเช้าที่หน้าบ้าน โดยเจ้าตัวไปร่วมใส่บาตรพร้อมกับคนในครอบครัว มีแม่ พ่อ ลุง และป้า ไปร่วมใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตายตอนเช้า แล้วยังอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร คือ ช่างกิต
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายหรั่ง ลุงของนายแท็ป เผยว่า เมื่อวานนี้ที่โรงพักสภ. บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการเรียกให้หลานชายไปให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเป็นลักษณะคำถามปลายปิด โดยเป็นคนแรกที่ถูกเรียกหลังจากที่ได้รับการประกันตัว ซึ่งตามข้อมูลที่บอกว่าหลานชายเดินทางไปที่โรงพักใช้เวลาถูกสอบกว่า 5 ชั่วโมงเศษนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเนื่องจาก ครอบครัวเดินทางไปและไปนั่งรอพนักงานสอบสวนรวมถึงตำรวจคนอื่น ในการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มสอบปากคำเพิ่ม ดังนั้นจึงใช้เวลาในการสอบจริงเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษ โดยลักษณะคำถาม เป็นการถามย้ำตั้งแต่ขึ้นรถกับช่างกิต ไปก่อเหตุ พฤติการณ์ในรถ และตอนที่แวะมาส่งที่อู่ พร้อมกับคำถามเกี่ยวกับเชือก ตามข้อมูลที่ปรากฏว่ามีผลออดีเอ็นเอออกแล้ว ซึ่งลักษณะคำถามส่วนใหญ่จะเป็นคำถาม คือ ใช่หรือไม่ จริงหรือไม่จริง ฉะนั้นจึงเป็นการถามทวนย้ำคำให้การเดิมก่อนที่จะมีการเซ็นรับทราบ ซึ่งหลานชายก็ย้ำคำเดิมและยืนยันตามข้อเท็จจริงที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายครั้ง
ส่วนกรณีที่ช่างนนท์ คนสนิทของช่างกิต ออกมาเชื่อมโยงเกี่ยวกับชายปริศนาแขนขา ที่นั่งอยู่ในรถเก๋งสีแดงวันซ้อม โดยอ้างว่า อาจเป็นหลานชายของตนเองเพราะเนื่องจากเป็นคนผิวขาวเพียงคนเดียว ส่วนตัวยืนยันข้อมูลว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเนื่องจาก หลานชายแม้ว่าจะผิว แต่แขนจะไม่เรียบเนียน ประกอบกับในวันดังกล่าวเจ้าตัวเพิ่งจะเสร็จจากการฟอกไต ดังนั้นหากไปร่วมซักซ้อมต่อ แขนก็จะต้องเป็นลักษณะรอยตะปุ่มตะป่ำ หรืออาจจะเป็นร่องรอยของการฟอกไตและเทปปิดแผล ดังนั้นจากไทม์ไลน์ของหลานชายจึงไม่ได้ไปปรากฏว่ามีการไปซักซ้อมและไม่ใช่ชายคนที่นั่งอยู่ในรถอย่างแน่นอน
และเมื่อวานนี้จากข้อมูลที่ปรากฏออกมา ทำนองว่าเป็นการเปิดคำให้การของช่างกิต ครั้งแรกหลังจากที่ถูกส่งเข้าไปภายในเรือน โดยเจ้าตัวพูดถึงแรงจูงใจว่ามีการก่อเหตุยิงเป็นเพราะคำตอบของนายใหม่คนตาย อีกทั้ง ในประเด็นที่มีการตัดสายสัมพันธ์กับนางสาวพรหลังจากที่รู้ความจริงว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากภายนอกเรือนจำเป็นอย่างไร ลุงนายแท็ป บอกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการก่อเหตุตามคำให้การของช่างกิต มีความเป็นไปได้สูง เพราะเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนเด็ดเดี่ยว และหากได้คำตอบที่อาจจะจี้ใจดำหรือไม่ตรงจุดก็อาจจะเกิดแรงโมโหถึงขั้นก่อเหตุได้ตามคำให้การ , แต่ส่วนกรณีที่มีการตัดสายสัมพันธ์กับนางสาวพรนั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แล้วเมื่อความจริงปรากฏ การที่คนเรารู้ความจริงอาจจะรับได้หรือรับไม่ได้ ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ขณะที่เรื่องของกรณีปืนที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนตัวก็ไม่ทราบที่มาและที่ไปเช่นกัน
กรณีประเด็นผลตรวจดีเอ็นเอที่ปรากฏบนเชือกสีแดงที่พบในศพของนายใหม่ ปรากฏมีครบทุกคนที่อยู่อยู่บนรถนั้น ตามคำให้การและคำพูดของหลานชายซึ่งมีการให้สัมภาษณ์หรือให้การกับตำรวจความมั่นใจและตรงกันที่ว่า ในวันที่มีการไปอุ้มนายใหม่ขึ้นรถ เชือกดังกล่าวเป็นลักษณะม้วน มัดติดรวมกันอยู่ยังไม่ได้ถูกแกะออก ถูกวางอยู่ที่คอนโซลด้านหน้าบริเวณพักเท้าฝั่งข้างคนขับที่มีนายกาน นั่งอยู่ และหลังจากที่เจ้าตัวเห็นว่ามีเชือกอะไรบางอย่างอยู่ที่เท้าจึงหยิบขึ้นมา และสอบถามคนในรถ จนกระทั่งมีการส่งต่อให้คนในรถคนอื่นมีการหยิบจับ จึงเชื่อว่าในช่วงที่มีการส่งต่อเชือก เป็นช่วงที่ DNA ของทุกคนในรถไปติดอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปตามที่ผลดีเอ็นเอปรากฏว่ามีดีเอ็นเอทุกคนปรากฏ แต่หลานชายก็ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมัดหรือ การช่วยมัด เพราะเนื่องจากมีการแยกลงหลังอู่จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทั้งเรื่องของการมัดและการยิง
ทั้งนี้นายหรั่ง ลุงของนายแท็ป ยังเผยกับทีมข่าวอีกว่า กรณีกรณีที่ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นตัวของช่างกิต มีการขนแกลลอนหรือถังบางอย่างขึ้นรถ ลักษณะคล้ายกำลังจะมีการออกจากบ้านเพื่อไปทำลายหลักฐาน หรือตามข้อมูลที่ทราบว่ามีการเผาทำลายที่เกิดเหตุ นั้น ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องหรือเป็นวันเวลาเดียวกันหรือไม่ แต่ลักษณะของถังดังกล่าวตนเองเห็นว่าด้วยบ้านของช่างกิต เป็นบ้านที่เป็นช่างซ่อมรถ แล้วมักจะมีการซื้อน้ำมันมากักตุนเพื่อที่จะเติมรถให้กับลูกค้าหรือแบ่งขาย ดังนั้นจึงเชื่อว่าอาจจะเป็นการเอาถังขึ้นรถเพื่อไปเติมน้ำมันมาขายหรือไม่ แต่ก็ต้องไปไล่ดูไทม์ไลน์และวันเวลาให้ชัดเจนว่าการนำถังขึ้นรถเกี่ยวข้องกับวันก่อนและหลังที่เห็นรอยไหม้ที่จุดเกิดเหตุอย่างไร
นิว เก็บตัวในบ้าน เครียดถูกจับตาเอี่ยวฆ่า
วันที่ 11 ก.พ. ที่สมุทรปราการ ทีมข่าวลงพื้นที่สอบถามน้าของน.ส.อภิสรา หรือ นิว อายุ 22 ปี แฟนสาวของแท็ป 1 ในผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าใหม่ โดยน.ส.แนน (นามสมมุติ) น้าของนิว เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตอนนี้น้องนิวมีอาการเครียด ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติของคนที่มีคดีติดตัว แต่ยังกินข้าว และใช้ชีวิตได้ตามปกติที่บ้านดูแลอยู่เสมอ
ส่วนเรื่องคดีความในวันจันทร์ 12 ก.พ. นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะกง เรียกน้องนิวไปให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่พบ DNA น้องนิวในเชือกที่ใช้ในการมัดมือเท้านายใหม่นั้น น.ส.แนนเผยว่ากรณีนี้เพิ่งเป็นข่าวมาได้ไม่นาน ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม คาดว่าความคืบหน้าเรื่องคดีความและเรื่อง DNA ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้
น.ส.แนน เผยอีกว่า หลังจากนี้จะสู้ตามหลักฐาน จุดไหนที่ไม่เกี่ยวข้องก็สู้ตามเหตุผล เมื่อถามถึงคดีความ น.ส.แนน เผยว่าด้านคดีความน้องนิวได้พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว และขอไม่เปิดเผยข้อมูลในคดีให้ผู้สื่อข่าวทราบ