ปล่อยตัว โอ๊ต ปิดปากเงียบไม่ตอบสื่อ
ความคืบหน้ากรณีพบศพ นายธนาสันต์ หรือ ใหม่ หนุ่มโรงงาน สามีของน้องพร ถูกมัดมือเท้าทิ้งข้างถนนเลียบมอเตอร์เวย์ หลังจากที่เจ้าตัวขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน แล้วมีรถเก๋งสีแดงต้องสงสัยขับตามหลัง จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมช่างกิต กิ๊กน้องพร และพวก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ 12 ก.พ. 2567 เมื่อเวลา 19.05 น. “นายโอ๊ต” ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมี “นายกล้า“ (นามสมมติ) ผู้เป็นพ่อ ขับรถเก๋งมารับ ซึ่งระหว่างนั้นทีมข่าวพยายามสอบถามกับนายโอ๊ตว่าถูก “นายกิต” บังคับจริงหรือไม่ รวมถึงพฤติการณ์อื่น ๆ ทางคดี แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบและเดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จังหวะเดียวกัน ด้านของพ่อก็ได้ลงจากรถมาขอความร่วมมือกับทีมข่าว บอกว่าขอพาลูกชายกลับไปพักผ่อนก่อน และได้กลับไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปทันที
โอ๊ต ปากแข็ง อ้างจำไม่ได้วันสังหาร ใหม่
ทั้งนี้ ก่อนปล่อยตัวนายโอ๊ต ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้ได้เข้าไปสอบปากคำนายกิต นายโอ๊ต และนายกานต์ โดยใช้เวลาสอบสวนเพิ่มภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ชัยพร ทองนาเพียง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา บอกว่า หลังจากที่ตนได้เข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหานานถึง 3 ชั่วโมง ยืนยันว่าอยู่ในช่วงรวบรวมหลักฐาน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาวันนี้ สอบปากคำเพียงแค่รายเดียวคือ นายโอ๊ต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่จะปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางในช่วงหัวค่ำคืนนี้ ส่วนนายกิตตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมาสอบปากคำ แต่เวลาในการสอบปากคำหมดก่อน จึงสอบเพียงแค่นายโอ๊ตเท่านั้น ส่วนนายกานต์ ยังไม่ได้สอบปากคำ
เบื้องต้น นายโอ๊ตไม่ได้ให้การถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก ซึ่งตนมีการสอบถามถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องในคดี แต่นายโอ๊ต บอกแต่เพียงว่า “ไม่รู้และจำไม่ได้ เท่ากับวันนี้ตนเองเหนื่อยฟรีที่มาสอบปากคำ”
ส่วนข้อมูลที่นายกิตมีการซัดทอดว่า มีผู้ร่วมมัดมือมัดเท้า กับประเด็นแชตที่ยังเป็นปริศนาว่าใครเป็นคนทักหาพร รวมทั้งตอนนี้โทรศัพท์มือถือของใหม่อยู่ที่ไหน นายโอ๊ตก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร บอกแต่เพียง “ไม่รู้” ยืนยันว่าตนนั่งสอบทั้งวันแต่ผู้ต้องหาไม่ให้การอะไร ที่เป็นประโยชน์ แต่ยืนยันเพียงว่าโอ๊ตให้การว่า ไม่ได้ถูกนายกิตบังคับอะไร
ขณะที่ นายกิต ตอนแรกก็ตั้งใจที่จะมาสอบ แต่ยังไม่ได้เจอเพราะใช้เวลาในการสอบปากคำกับนายโอ๊ตถึง 3 ชั่วโมงจนหมดเวลา หลังจากนี้ ก็จะไปประชุมวางแผนกันอีกว่าจะมีการเรียกสอบนายโอ๊ตให้มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำไปแล้ว
โอ๊ต ไม่บอก 2 คน คือใครร่วมมัด ใหม่
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายกล้า (นามสมมติ) พ่อของนายโอ๊ต เปิดใจว่า ดีใจที่วันนี้ลูกชายได้รับการประกันตัวและปล่อยตัวออกมา แต่ทางครอบครัวยังคงมีความกังวลใจในหลายประเด็น เพราะรู้ดีว่าในไทม์ไลน์ของลูกชายที่ลูกชายเล่า มีส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีตั้งแต่นั่งรถเก๋งแดงไปกับนายกิต แล้วลงไปขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายกลับมา รวมถึงนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปชำแหละและนำไปทิ้งน้ำ
แล้วล่าสุดก็มีเรื่องประเด็นการช่วยนายกิตใช้เชือกมัดตัวผู้ตายเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งลูกยังไม่ได้เล่าให้ฟังว่ามีส่วนร่วมใช้เชือกมัดนายใหม่หรือไม่ ก็เลยคาดหวังที่ประกันตัวออกมา อยากกล่อมลูกให้ลูกออกมาแล้วพูดความจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด เนื่องจากมีหลายประเด็นที่เพิ่งผุดออกมาหลังจากลูกเข้าเรือนจำ ทั้งเรื่องการซ้อมและเรื่องการช่วยมัดเพื่อให้กระจ่าง
ยืนยันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ครอบครัวเตรียมใจและทำใจรับไว้อยู่แล้ว แม้ว่ามันจะยากก็ตาม แต่ก็ยังเชื่อเหมือนเดิมว่าทุกการกระทำที่ลูกได้ทำลงไป ล้วนเกิดจากการถูกบีบบังคับ โดยนายกิตที่อาศัยความเป็นอาหลานและลูกน้องในอู่ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร แล้วถ้าลูกรู้ว่าการนั่งรถไปครั้งนั้นจะเป็นการไปเพื่ออุ้มฆ่าใครสักคน ก็เชื่อว่าคงไม่ไปตั้งแต่แรก เพราะด้วยนิสัยของลูกแล้วไม่เคยมีเรื่องหรือทำร้ายใคร
แล้วหลังจากที่ลูกชายได้รับการปล่อยตัว ตนก็ตั้งใจไว้ว่าจะพาลูกชายไปบวชและถือศีลปฎิบัติธรรม อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับนายใหม่ผู้เสียชีวิต และตนก็อยากจะบอกกับดวงวิญญาณของนายใหม่ว่า “พ่อไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่อยากให้ใหม่รู้ว่าลูกของพ่อไม่ได้มีเจตนา น้องโอ๊ตไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลออกมาจะเป็นแบบนี้ เพราะถ้าน้องรู้น้องก็คงไม่ทำ” ส่วนกับนายกิต ตนก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจะบอก แค่รู้สึกว่าถ้าจะไปก่อเหตุแบบนี้ก็ไม่ควรเอาหลานเอาญาติพี่น้องไปตั้งแต่แรก
16 นาที เวลามัดใหม่ ก่อนอุ้มไปสังหาร
จากกรณีภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 27 ม.ค. เวลา 22.46 น. ทีมข่าวที่มีการตรวจสอบ พบเส้นทางเลียบคลองหลังบ้านช่างกิต เห็นรถเก๋งสีแดงของช่างกิตและพวก ซึ่งในรถมีนายใหม่คนตายนั่งโดยสารมาด้วย ขับผ่านกล้องตัวดังกล่าว ก่อนที่จะหายไปบริเวณด้านหลังอู่ช่างกิต และกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าอู่วันเดียวกัน 27 ม.ค. เวลาประมาณ 23.01 น. จับภาพรถเก๋งสีแดงขับออกจากด้านหลังอู่มุ่งหน้าไปที่ถนนมอเตอร์เวย์ ผ่านบ่อกุ้ง ซึ่งคาดการณ์ว่ามีการนำร่างของผู้ตายไปทิ้ง โดยจากช่วงเวลาที่กล้องวงจรปิดจับภาพตอนรถเก๋งสีแดงขับไปที่ด้านหลัง จนกระทั่งขับออกมีเวลาประมาณ 16 นาที สำหรับการช่วยกันมัดมือเท้าคนตาย ก่อนแยกย้ายตามคำกล่าวอ้างนั้น
วันนี้ (12 ก.พ.) ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการจำลองเหตุการณ์เพื่อจับเวลาในการก่อเหตุ ตามตามคำกล่าวอ้างของช่างกิต ที่ระบุว่า มีการช่วยกันมัดมือมัดเท้านายใหม่ขณะที่ยังมีชีวิต ก่อนที่จะปล่อยให้นายใหม่กับช่างกิตอยู่เพียงลำพัง
โดยทีมข่าวเริ่มต้นจับเวลา และได้มีการจำลองมัดมือมัดเท้าของคนที่นั่งอยู่ในรถ แต่มีลักษณะดิ้นเล็กน้อย เพราะเข้าใจว่าอาจกลัวปืนในมือของอีกคนที่ขู่อยู่ ซึ่งทีมข่าวมีการใช้เชือกพันวน 3 รอบ ก่อนที่จะมีการมัดเป็นเงื่อนตาย
การมัดมือมัดเท้า แล้วะผลักล้มลงไปนอนและปิดประตูรถ จากการทดสอบใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 นาทีเศษ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าการดิ้นของผู้ถูกกระทำ หากดิ้นมากก็จะทำให้การมัดเงื่อนเป็นไปอย่างยากลำบากเช่นกัน เพราะการดิ้นทำให้เชือกอาจจะหลุดลุ่ย หรือปมหลุด แต่สุดท้ายเมื่อมีคนช่วยจับและอีกคนเป็นคนมัด สามารถที่จะช่วยกันก่อเหตุโดยใช้เวลาค่อนข้างน้อยพอสมควร
รู้แล้ว 2 ก๊วนอุ้มช่วยมัด ใหม่ ก่อนตาย
ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายแท็ป หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีการตายของนายใหม่ ซึ่งเจ้าตัวได้รับการประกันตัวมาเป็นคนแรกก่อนหน้านี้ และเป็นคนที่เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม จนกระทั่งมีข้อมูลรายงานออกมาว่า ในวันที่เขาให้ปากคำ เจ้าตัวได้มีการรับสารภาพว่าร่วมกันกับเพื่อนอีกคน พร้อมกับช่างกิต ว่ามีการมัดมือเท้าคนตายก่อนที่จะแยกย้ายกัน และตัวของช่างกิตจึงพาคนตายที่ถูกมัดมือมัดเท้าออกไปเคลียร์ใจกันระหว่างทาง ก่อนที่จะเกิดบันดาลโทสะแล้วตัดสินใจยิง
นายหรั่ง ลุงของนายแท็ป เผยว่า ตนเองอยู่ร่วมในระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ที่ สภ.บางปะกง หลังจากได้รับการประกันตัวก็ถูกเรียกสอบ โดยภายในห้องสอบสวนมีตนเอง ซึ่งเป็นลุง มีป้า และมีพี่เขยของนายแท็ป อยู่ด้วยกันรวม 4 คน แล้วยังมีทนายความทนายอีก 1 คน ซึ่งการสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น เป็นการยืนยันตั้งแต่ขึ้นรถจนกระทั่งลงรถ และการแยกจากช่างกิต โดยคำถามเป็นลักษณะปลายปิดทั้งหมด ใช่หรือไม่ใช่, จริงหรือไม่จริง ไม่ใช่เป็นคำถามที่มีการสอบเพิ่มเติม
และในการสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนั้นไม่ได้มีการพูดถึงเชือก หรือผลการตรวจดีเอ็นเอเพิ่มเติมที่พบบนเชือกแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง และการสอบปากคำตนเองก็ได้ยินทุกประโยคและทุกคำถาม โดยไม่มีคำถามหรือประโยคใดที่หลานชายไปรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมมัดมือมัดเท้า ตามที่ปรากฏข่าวว่าหลานชายรับสารภาพ แต่เชื่อว่าข้อมูลทั้งหมดอาจจะมาจากการสอบปากคำผ่านวิดีโอคอลของช่างกิต ที่มีการพูดถึงว่ามีเด็กหรือในกลุ่มอีก 2 คน มีการช่วยเหลือในการมัดมือมัดเท้า จึงทำให้เกิดประเด็นนี้ขึ้น ซึ่งก็เชื่อว่าอาจจะมาจากคนเพียงคนเดียว แต่ย้ำว่าหลานชายไม่ได้มีการรับหรือสารภาพอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างแน่นอน
กรณีปรากฏข่าวว่า หากมีการรับสารภาพว่ามี เด็ก 2 คน ร่วมในการมัดมือเท้า หากเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าข้อกล่าวหาจะต้องเปลี่ยนและถูกแจ้งเพิ่มให้แรงขึ้น จากลักทรัพย์ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อาจเป็นเรื่องของการร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งถือว่าเป็นข้อหาที่แรงมาก แต่ก็ไม่กังวลใจอะไร ยังเชื่อมั่นในการให้ปากคำของหลานชาย ที่ระบุว่าดีเอ็นเอบนเชือกเป็นเพราะมีการส่งเชือกต่อกัน แล้วมีการหยิบจับจริงภายในรถ แต่หลานชายไม่ได้ร่วมมัดมือมัดเท้า ฉะนั้นก็ต้องรอพิสูจน์ความจริงและต่อสู้กันต่อไปในกระบวนการในชั้นศาล เพราะความจริงก็คือความจริง และขอให้ช่างกิต ได้มีการพูดความจริงกับตำรวจ ในการให้ปากคำหรือสอบปากคำเพิ่มเติม
จับพิรุธแก๊งอุ้ม ใหม่ 16 นาที ตอบไม่ได้ทำอะไรกันอยู่
วันนี้ น.ส.อภิสรา หรือ นิว ได้เดินออกมาจากห้องสอบสวนพร้อมกับคุณแม่ โดยยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มแต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ที่พยายามสอบถามความคืบหน้าของคดี จากนั้นได้รีบเดินขึ้นไปยังรถยนต์ที่มารอรับและออกไปจากพื้นที่ในทันที ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง เชิญนิวมาสอบปากคำเพิ่มเติมทั้งเรื่องไทม์ไลน์ สถานที่ และพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชม.
ขณะเดียวกันวันนี้ ตำรวจ สภ.บางปะกง ยังได้เชิญนายพัน น้องชายช่างกิต เข้ามาให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน โดยภายหลังจากให้ข้อมูลเสร็จสิ้น นายพัน เปิดเผยสั้น ๆ ว่า วันนี้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นข้อมูลตามที่เคยให้กับสื่อมวลชนไปแล้ว โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้เจอกับช่างกิตตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. แล้ว และช่างกิตไม่เคยมาปรึกษา และตนเองก็ไม่รู้ว่าช่างกิตไปดูลาดเลา 1 วันก่อนก่อเหตุ ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนเองก็ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมช่างกิตที่เรือนจำ เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงช่างกิตหรือไม่ นายพัน ระบุว่า ขอให้กำลังใจอย่างเดียว ส่วนจะฝากอะไรถึงน้องพร หรือไม่ นายพันบอกว่า ไม่ฝากอะไร
ภายหลังตำรวจ สภ.บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการเรียกสอบนางสาวนิว แฟนของนายแท็ป ซึ่งเจ้าตัวได้เดินทางกลับมาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน โดยทันทีที่เดินทางมาถึงตัวของนางสาวนิวได้เก็บตัวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งอ้างว่าเครียดและกดดันจึงไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยกับใคร นั้น
ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางสาวนิว ได้พูดคุยกับนางสาวนิดหน่อย (นามสมมติ) น้าของนางสาวนิว หนึ่งในผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัว เผยว่า การไปให้การเพิ่มเติมในวันนี้ ไม่ใช่เป็นการสอบในประเด็นเดิม แต่เป็นการสอบประเด็นใหม่เพิ่มเติม (ประเด็นเกี่ยวกับเชือก และพฤติกรรมบนรถก่อนแยกย้าย) ซึ่งส่วนตัวยังไม่อยากให้รายละเอียดหรือลงรายละเอียด เพราะเนื่องจากกลัวจะกระทบต่อรูปคดี และสำนวนคดีของตำรวจที่ทำอยู่ตอนนี้ โดยคำให้การทั้งหมดยังคงยืนยันว่า เป็นไปตามคำให้การเดิมที่เคยให้กับตำรวจ แต่เมื่อมีการสอบในประเด็นใหม่ก็มีการให้การเพิ่มเติม และในหลายประเด็นที่มีการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไปก่อนหน้านี้ ก็ยังคงย้ำคำเดิม และเป็นไปตามคำให้การเดิมเช่นกัน
ภายหลังเกิดเรื่อง ยอมรับว่า นางสาวนิว หลานสาว และคนในครอบครัว ซึ่งเรียกได้ว่าตกกระไดพลอยโจร แต่ก็มีความเครียดและกดดันพอสมควร เพราะมันเป็นเรื่องที่ทางครอบครัวจะต้องการสู้ต่อข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้ง โดยตอนนี้ได้มีการตั้งทนาย ซึ่งใช้ทนายของศาล ไม่ว่าจ้างทนายส่วนตัว และทนายดังกล่าวก็เป็นทนายที่ใช้ร่วมกับผู้ต้องหารายอื่นที่เกี่ยวข้องในคดี แต่เป็นคนละคนกับทนายของช่างกิต โดยตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน รวมถึงพูดคุยกับทนายให้มากขึ้น เพื่อที่จะเตรียมตัวต่อสู้ในชั้นศาลตามข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้ง
สำหรับประเด็นที่มีรายงานข้อมูลว่า ในบรรดากลุ่มผู้ต้องหา 2 ราย มีการรับสารภาพเพิ่มเกี่ยวกับการมัดมัดมือมัดเท้าก่อนแยกย้ายนั้น ส่วนตัวก็ไม่อยากแสดงความคิดเห็นหรือพูดถึงประเด็นนี้ เพราะเชื่อว่าตำรวจอยู่ระหว่างการทำงานอยู่ และการเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมของหลานสาววันนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการให้ปากคำในสำนวนคดี
ขณะที่ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นทราบแล้วว่า มีคนช่วยกันมัดมือมัดเท้าด้วยกัน 2 คน ซึ่ง 1 ใน 2 คน ยอมรับสารภาพแล้ว ส่วนจะเป็นใครยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ ว่าเป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หรือยังถูกคุมตัวในห้องขัง ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำเพิ่มเติมก่อน
ส่วนข่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วทั้ง 2 คน ที่ร่วมกับนายกิตในการช่วยมัดมือมัดเท้าผู้ตายนั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นดีเอ็นเอที่เป็นเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ ตอนนี้สถาบันนิติเวชวิทยา ยังไม่รายงานมา จากเดิมที่กำหนดไว้ในพฤหัสบดีที่แล้ว รวมถึงดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องรอผลอย่างเป็นทางการเท่านั้น