ไขปม กิต ขนน้ำมันออกจากบ้าน สงสัยเผาหลักฐาน


กรณีปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นช่างกิตขนแกลลอนหรือถังบางอย่างขึ้นรถ ลักษณะคล้ายกำลังจะมีการออกจากบ้านเพื่อไปทำลายหลักฐาน หรือตามข้อมูลที่ทราบว่ามีการเผาทำลายที่เกิดเหตุนั้น


เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังบริเวณหน้าอู่ช่างกิต ซึ่งพบว่า วันนี้ที่อู่ยังคงปิดเพราะเนื่องจากช่างกิตถูกจับ จึงไม่มีใครเปิดอู่หรือซ่อมรถแทน และนับตั้งแต่วันที่ถูกจับจนกระทั่งถึงวันนี้ อู่ค่อนข้างเงียบเหงาและปิดเงียบ มีเพียงรถตู้สีขาวที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่บริเวณลานหน้าอู่ สังเกตว่าจะมีแกลลอนน้ำมันและแกลลอนน้ำมันเครื่องวางเรียงรายอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแกลลอนที่ใช้สำหรับเก็บน้ำมันเป็นแกลลอนลักษณะ 25-30 ลิตร โดยวางเอาไว้ใกล้กับศาลพระภูมิ แต่แกลลอนสีเขียว เหลือง หรือสีอื่นก็ถูกวางเรียงเอาไว้บริเวณหน้าอู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้สำหรับเก็บน้ำมันเครื่องจากการเปลี่ยนถ่ายของเหลวของเครื่องยนต์




วันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปที่อู่ของช่างกิตอีกครั้ง ซึ่งจากการสำรวจบริเวณร้านค้าใกล้กับพื้นที่อู่ของช่างกิต พบว่า ในรัศมีประมาณ 1-2 กิโลเมตร จะมีร้านขายวัสดุก่อสร้าง 1 แห่ง ที่มีแกลลอนน้ำมันวางอยู่ข้างร้าน แต่ไม่มีขายในร้าน ซึ่งเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้าง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ที่ร้านมีแกลลอนจริงแต่ไม่ได้ขาย ส่วนที่ผ่านมายอมรับว่าช่างกิตกับนายพัน น้องชาย เคยมาซื้อของที่ร้าน แต่มาซื้ออุปกรณ์ซ่อมรถ และไม่เคยถามหาซื้อน้ำมันหรือเชื้อเพลิงกับทางร้าน

ส่วนกรณีเรื่องน้ำมัน ถ้าช่างกิตจะซื้อน้ำมันใส่แกลลอนกลับมาที่อู่ซ่อมรถ จากการตรวจสอบปั๊มน้ำมันจะอยู่ห่างจากพื้นที่ของอู่ช่างกิต ประมาณ 9 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที

ส่วนปั๊มหลอด จากการตรวจสอบที่อู่ช่างกิต มีร้านค้าใกล้อู่ที่ขายน้ำมันอยู่ 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งร้านที่ 1 จะอยู่ห่างจากอู่ของช่างกิต ประมาณ 30 เมตร และอยู่ฝั่งเดียวกันกับอู่ช่างกิต ส่วนร้านค้าที่ 2 จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอู่ และอยู่ห่างจากอู่ช่างกิตประมาณ 100 เมตร ซึ่งทั้งสองแห่งจะมีถังน้ำมันปั๊มหลอดแก้วมือหมุนแบบ 5 ลิตร อยู่ที่หน้าร้าน





โดยทีมข่าวก็ได้ไปสอบถามกับทั้งสองร้าน ซึ่งนางอนงค์ (นามสมมติ) อายุ 80 ปี เป็นเจ้าของร้านที่ 1 ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับอู่ช่างกิต บอกกับทีมข่าวว่า ที่ร้านไม่มีแกลลอนขาย ส่วนน้ำมันหลอดที่เห็นอยู่หน้าร้าน ที่ผ่านมาไม่เคยขายให้ลูกค้าแบบใส่แกลลอน และที่ผ่านมาช่างกิตกับคนในอู่ก็ไม่เคยมาซื้อน้ำมันที่ร้านของตน ตนยืนยันได้ไม่โกหก ตนตอบตามความจริง และลูกค้าที่มาซื้อน้ำมันกับตน ส่วนมากจะมาซื้อใส่ขวดไปเติมรถมอเตอร์ไซค์ และที่ลูกค้าต้องมาเติมน้ำมันปั๊มหลอด ก็เป็นเพราะว่าปั๊มน้ำมันในพื้นที่มันไกล ส่วนแกลลอนน้ำมันแบบที่อู่ช่างกิตมี ชาวบ้านแถวนี้มีกันทุกบ้าน เพราะเขาจะซื้อน้ำมันมาตุนเอาไว้เพื่อไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงปั๊มน้ำมันเส้นบางนา-ตราด

ด้านนางวันเพ็ญ (นามสมมติ) เป็นเจ้าของปั๊มหลอดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอู่ช่างกิต บอกว่า ที่ร้านไม่ได้ขายแกลลอนน้ำมัน และที่ผ่านมาช่างกิตก็ไม่เคยมาซื้อน้ำมันที่ร้าน ซึ่งที่ร้านลูกค้าส่วนใหญ่จะขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเติมที่ร้าน ส่วนกรณีแกลลอนน้ำมันที่อู่ช่างกิต ชาวบ้านมีแกลลอนน้ำมันแบบนี้แทบทุกบ้าน และทุกบ้านก็เอาแกลลอนไปซื้อน้ำมันตุนใส่เอาไว้ เนื่องจากปั๊มน้ำมันอยู่ไกล ยืนยันที่ผ่านมาช่างกิตกับคนในอู่ ไม่เคยเอาแกลลอนน้ำมันมาขอซื้อน้ำมันกลับไป


พิลึกรถ "กิต" ใช้หนี ถูกจอดทิ้ง 11 วัน ไร้คนแตะ

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามจุดพักรถตำรวจทางหลวงบางพลี เป็นจุดที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าแสดงตัวจับกุมช่างกิต ในวันที่ 1 ก.พ. เวลา 22.56 น. ภายหลังมีการเข้าควบคุมตัวแล้ว มีการคุมตัวไปที่โรงพัก สภ.บางปะกง เพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาก่อนฝากขัง

แต่หลังจากที่มีการคุมตัวช่างกิตออกไปจากปั๊มดังกล่าวแล้ว จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ (12 ก.พ.) ผ่านไปกว่า 11 วัน นับตั้งแต่ถูกจับ รถกระบะตู้ทึบที่เจ้าตัวมักจะใช้ขับผ่านกล้องวงจรปิดเข้า-ออกหมู่บ้านของนางสาวพร และเป็นกระบะตู้ทึบที่ใช้สำหรับเดินทางไปไหนมาไหนก่อนถูกจับ ยังคงจอดทิ้งเอาไว้อยู่ภายในปั๊มฯ ไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือมีคนมาติดต่อรับออกไป




ทางปั๊มน้ำมันให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ช่างกิตถูกจับไปแล้ว ก็มีเพียงวัยรุ่นที่แวะเวียนกันมาเซลฟี่ถ่ายรูปกับรถคันดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครมาติดต่อเพื่อที่จะเคลื่อนย้ายรถออกไป ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือญาติ ซึ่งไม่มีใครมาติดต่อเลย และตัวของนางสาวพรก็ไม่เคยกลับมาที่ปั๊มแห่งนี้ เพื่อติดต่อขอรับรถคืนเหมือนกัน


น้องกิต เปิดใจช่อง 8 ไม่ย้ายรถเพราะตำรวจยึดกุญแจ

ล่าสุดหลังจากที่ทางปั๊มน้ำมันฝากให้ญาติไปนำรถออกจากปั๊มฯ ทีมข่าวจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับนายพัน ซึ่งเป็นน้องชายของช่างกิต โดยเมื่อนายพัน ทราบข้อมูล ก็ได้บอกกับทีมข่าวว่า จริง ๆ แล้วตนติดต่อขอรับรถคืนจากตำรวจหลายรอบแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาพอสอบถามขอกุญแจรถกับทางชุดสืบสวนภาค 2 เขาก็โยนมาว่ากุญแจรถอยู่กับตำรวจบางปะกง และพอไปถามตำรวจบางปะกง ก็บอกว่าชุดสืบภาค 2 ไม่ได้นำกุญแจรถมาให้ตำรวจบางปะกง ที่สำคัญตนไปขอเอกสารจากทางตำรวจบางปะกงหลายรอบแล้วเรื่องที่จะขอรับรถกลับ แต่ก็ยังไม่ได้เอกสาร ที่สำคัญก่อนหน้านี้ก็เคยติดต่อรถยกเอาไว้ แต่ก็ไม่มีเจ้าของรถยกกล้าไปยกรถให้ เนื่องจากรถของพี่ชายเป็นรถที่ปรากฏในคดีดัง




ซึ่งตลอดเวลาที่พี่ชายต้องคดี ส่วนตัวยืนยันว่าเคยถามกับตำรวจว่า ทำไมถึงไม่เอารถกระบะกลับมาเป็นของกลาง แต่ตำรวจก็บอกว่า รถกระบะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอุ้มฆ่า ส่วนภาพวงจรปิดที่เห็นพี่ชายยกแกลลอนขึ้นรถ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการทำลายหลักฐาน ซึ่งแกลลอนน้ำมันดังกล่าว เป็นแกลลอนน้ำมันที่พี่ชายจะนำไปซื้อน้ำมันกลับมา เพื่อเติมรถคันอื่น ๆ ในอู่ ซึ่งบางทีพวกที่ขับรถขนส่งสินค้าก็ฝากพี่ชายซื้อกลับมา ส่วนประเด็นเรื่องเสื้อคลุมสีแดงที่มีคนไปพบในป่า ตนเองไม่เคยเห็นพี่ชายใส่ แต่เสื้อแขนยาวอีกตัว เคยเห็นพี่ชายใส่ผ่าน ๆ ซึ่งไม่เเน่ใจว่าเป็นเสื้อที่เจ้าของโรงโม่ให้พี่ชายมาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 20.18 น. หลังจากนายพัน น้องชายนายกิตไปนำรถกระบะตู้ทึบออกจากปั๊มน้ำมัน ทีมข่าวได้เดินทางตามไปตรวจสอบต่อว่าจะมีการนำรถไปจอดที่ไหน ซึ่งปรากฏว่า นายพัน ได้นำรถกระบะตู้ทึบกลับไปจอดไว้ที่หน้าอู่ซ่อมรถที่เดิมในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยทางนายพัน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า หลังจากนี้อู่จะกลับมาเปิดหรือไม่ ต้องรอเข้าไปคุยกับช่างกิตก่อน


เสื้อที่เจอใกล้จุดพบศพ เคยเห็น กิต-โอ๊ต ใส่

และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้มีการพูดคุยกับช่างนนท์ เพื่อนช่างกิต และคนรู้จักกับนางสาวพรภรรยาคนตาย โดยได้มีการพูดคุยผ่านวิดีโอคอล เจ้าตัวเปิดใจหลังจากที่หายหน้าไปประมาณ 3 วัน หลังจากที่มีการออกมาแฉข้อมูลช่างกิต และนางสาวพรในหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้

ช่างนนท์ บอกว่า ตนเองไม่ได้หายไปไหน แต่หลังจากที่มีการให้สัมภาษณ์และชี้แจงข้อประเด็นสงสัยในสังคมเกี่ยวกับไทม์ไลน์ที่ตัวเองไปเกี่ยวข้อง และถูกกล่าวหากับคดีของนายใหม่ หลังจากที่มีการชี้แจงและหาหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาได้ชัดเจนแล้ว จึงได้ยุติการให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อที่จะไปโฟกัสกับการทำงาน เพราะหลังจากที่ไปเดินสายออกสื่อและให้สัมภาษณ์ ไม่มีเวลาทำงานให้กับบริษัท จึงได้หันมาตั้งใจทำงาน มากกว่าการออกไปให้ข้อมูลออกสื่อ





สำหรับในประเด็นที่พบเสื้อสีเลือดหมู ลักษณะเปื้อนคล้ายรอยน้ำมันหรือรอยคราบเลือด พร้อมกับหมวกกันน็อก ซึ่งเจอก่อนถึงที่พบศพนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าตัวของช่างกิตและนายโอ๊ตเคยมีเสื้อลักษณะแบบดังกล่าว และเคยสวมใส่ในขณะที่ซ่อมรถอยู่ที่อู่ โดยเสื้อดังกล่าวนั้นได้มาจากรุ่นพี่ ซึ่งไปช่วยงานแล้วได้เสื้อแจกมา ส่วนตัวก็เคยเกือบได้เสื้อจากช่างกิตแต่ไม่เอา เพราะเนื่องจากไม่รู้ว่าจะเอามาสวมใส่ในโอกาสไหน แต่ตัวของช่างกิตกับนายโอ๊ดมักจะสวมใส่ขณะซ่อมรถ และมีลักษณะรอยเปื้อนของคราบน้ำมันเครื่องที่ซักไม่ออก คล้ายกับที่ปรากฏตามภาพที่เห็น แต่ไม่ยืนยันว่าเสื้อตัวดังกล่าวจะใช่ของทั้งคู่หรือไม่ที่ไปเจอใกล้กับที่เกิดเหตุ โดยอาจมีความเป็นไปได้ทั้งหมด และก่อนที่จะเกิดเหตุก็เคยเห็นสวมใส่ในการซ่อมรถเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าวันก่อเหตุมีการใส่กันหรือไม่

ทั้งนี้ ช่างนนท์ ยังเผยถึงกรณี ที่มีรายงานข่าวว่ าในบรรดากลุ่มผู้ต้องหา 2 คน มีการรับสารภาพว่าได้มีการมัดมือมัดเท้านายใหม่คนตาย ก่อนที่จะแยกย้าย แล้วถูกช่างกิตยิงตายนั้น ส่วนตัวยังคงยืนยันคำพูดเดิม ที่เคยให้สัมภาษณ์หลายหลายครั้ง ระบุทำนองว่า “ช่างกิต ทำคนเดียวไม่ได้” ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่การก่อเหตุครั้งนี้จะมีคนเข้าไปช่วยมัดมือเท้า เพราะตัวของนายใหม่คนตายเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าในบรรดากลุ่มที่ก่อเหตุทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ช่างนนท์ ยังเผยถึงเรื่องแกลลอนน้ำมันในบ้านของช่างกิตว่า โดยเจ้าตัวเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ และมักจะซื้อน้ำมันมากักตุนเอาไว้ และเติมเองสำหรับรถใช้ส่วนตัว รวมถึงรถลูกค้า และบางครั้งก็แบ่งขาย ซึ่งถ้าหากลูกค้าไม่ได้ไปเติมที่ปั๊มฯ เจ้าตัวก็แบ่งขายเป็นลักษณะขายเป็นลิตร แต่ส่วนกรณีที่ถูกเชื่อมโยงว่าจะนำไปก่อเหตุ หรือมีการเผาทำลายหลักฐานบริเวณจุดพบศพนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ



สำรวจร้านขายเชือก แบบเดียวกับที่มัด "ใหม่"

วันนี้ทีมข่าวย้อนกลับไปที่ร้านค้าที่นายกิตไปซื้อของ ช่วงกลางวันของวันที่ 27 มกราคม ซึ่งนางสาวแตง เป็นหลานเจ้าของร้าน ก็ได้พาทีมข่าวไปดูจุดที่ร้านวางขายเชือกเอาไว้ โดยเมื่อไปถึงคุณแตงก็หยิบเชือกลักษณะแบนสีส้มให้ทีมข่าวดูว่า ที่ร้านมีเชือกสีส้มและมีอีกหลายสีที่วางขายอยู่ในร้าน โดยเชือกที่อยู่ในห่อเป็นเชือกความยาว 5 เมตร ที่ใส่ห่อแยกแบ่งขาย ซึ่งคุณแตงได้ฉีกถุงเชือกออกมาให้ดูว่าลักษณะเชือกความยาว 5 เมตร ที่แบ่งขายสามารถมัดคนได้ถึง 3 คน

โดยคุณแตง หลานเจ้าของร้าน บอกกับทีมข่าวว่า เชือกสีส้มลักษณะแบนมีวางขายตั้งแต่เปิดร้าน ซึ่งเชือกลักษณะดังกล่าวที่ร้านมีทุกสี โดยสีที่ขายดี จะเป็นสีน้ำเงินและสีเข้ม ๆ เพราะส่วนมากลูกค้าที่ขับรถกระบะตู้ทึบจะซื้อไปมัดของ เนื่องจากเชือกลักษณะดังกล่าวจะรัดของแน่นกว่าเชือกชนิดอื่น ซึ่งเชือกความยาว 5 เมตร ทางร้านจะแบ่งขายอยู่ห่อละ 20 บาท

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวก็ถามกับคุณแตงว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุมีผู้ชายลักษณะผอม ๆ เข้ามาซื้อเชือกลักษณะแบบนี้บ้างหรือไม่ ซึ่งคุณแตง บอกว่าไม่เห็น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนงานที่ซื้อเชือกแบบนี้ไปรัดของ ซึ่งส่วนตัวไม่เคยขายของให้กับช่างกิต แต่เคยขายของให้กับนายพันซึ่งเป็นน้องชายของช่างกิต ส่วนน้องพรไม่เคยมา

 

บังเอิญเป๊ะ! กิตขนน้ำมันวันหลบหนี ดันเจอจุดอุ้มถูกเผา อึ้งตำรวจทิ้งรถของกลาง