ทายาทเจ้าของที่ นส.3ก จ.ภูเก็ต โพสต์ขอความเป็นธรรม จากเป็นผู้ให้นายทุนเช่าที่ดินทำโรงแรม กลับกลายเป็นถูกนายทุนฟ้องอ้างสิทธิ์ครอบครอง

วันที่ 14 ก.พ. 2567 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวร้องเรียนที่รู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม หลังจากเป็นฝ่ายให้นายทุนเช่าที่ดิน นส.3ก ใน จ.ภูเก็ต เป็นเวลา 25 ปี เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม แต่หลังจากนั้นนายทุนกลับเบี้ยว เจ้าของที่ดินจึงฟ้องยกเลิกสัญญา ขับไล่ ชดใช้หนี้ ซึ่งชนะทั้ง 3 ศาล แต่ต่อมากลับถูกนายทุนฟ้องกลับหลายคดี และอ้างสิทธิ์ครอบครอง

โดยระบุว่า ฟ้องร้องขับไล่มา 10 ปียังไม่ได้ที่ดินคืนแต่กลับโดนนายทุนอ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดินและฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายสิบล้านแล้วยังใช้อำนาจศาลสั่งให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับนายทุนรายนี้จากที่เราขอคำสั่งศาลไปยึดพื้นที่คืน

อยากฝากเรื่องของเราไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครที่มีที่ดิน นส.3ก ให้เช่า อาจโดนผู้เช่าเลวๆใช้ช่องโหว่ทางกฏหมายอ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ได้เพียงเพราะเราเป็นแค่ #ชาวบ้านธรรมดาที่กำลังโดนนายทุนแย่งที่ดิน

เราเป็นทายาทเจ้าของที่ดินในพื้นที่ ต.กมลา จ.ภูเก็ต ซึ่งได้ทำสัญญาให้เช่าที่ดินเปล่ากับนายทุนนักธุรกิจรายหนึ่งเพื่อประกอบกิจการโรงแรม มีการทำเอกสารสัญญาเช่า ณ สำนักงานที่ดินระยะเวลาการเช่า 25 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2543-2567

นายทุนรายนี้ เริ่มค้างชำระค่าเช่าในปี 2553-2557 เจ้าของที่ดินจึงเริ่มฟ้องร้องเพื่อยกเลิกสัญญาเช่า เรียกค่าเสียหาย และขับไล่บริษัทนายทุนรายนี้และบริวารออกจากพื้นที่และบอกเลิกสัญญาเช่าต่อกันในปี 2558 ซึ่งในด้านคดีความเจ้าของที่ดินชนะคดีมาแล้วทั้งศาลชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกาตั้งแต่ปี 2561 ศาลมีคำสั่งพิพากษาให้ขับไล่ และให้นายทุนชำระหนี้ รวมทั้งค่าขาดผลประโยชน์ให้เจ้าของที่ดินจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่

จากนั้นในขั้นตอนบังคับคดี ทางนายทุนพยายามร้องคัดค้านฎีกา และฟ้องร้องเจ้าของที่ดินกลับอีก 3 คดี แล้วยังยื่นข้อเสนอขอไกล่เกลี่ย โดยจะชำระหนี้ค้างตามคำสั่งศาล แต่ขอทำสัญญาเช่าฉบับใหม่กับเจ้าของที่ดิน ทั้งยังบีบให้เจ้าของที่ดินยอมขายที่ดินแปลงนี้ให้กับนายทุนรายนี้ในราคาถูก เพื่อจะได้ถอนฟ้องแต่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมขาย

แม้ว่าจะมีหนังสือคดีถึงที่สุดตั้งแต่ในปี 2562 และชำระหนี้ที่ตกลงกันเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2563 นั้น ในส่วนค่าขาดผลประโยชน์ที่ต้องชำระให้กับเจ้าของที่ดินหลังบอกเลิกสัญญาเช่า ทางนายทุนได้ชำระมาถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 เท่านั้น โดยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นมา ทางนายทุนยังคงใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อโดยยังไม่ได้ชำระค่าขาดผลประโยชน์ให้กับเจ้าของที่ดินแต่อย่างใด อีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยง ไม่สามารถติดต่อนายทุนรายนี้เพื่อมาคุยเรื่องข้อตกลงและชำระค่าขาดผลประโยชน์ได้

ทางเจ้าของที่ดินจึงขอขยายเวลาบังคับคดีต่อ แล้วนำทั้งหมายจับและหมายยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาลมาแสดง พร้อมเจ้าหน้าที่บังคับคดีและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในพื้นที่ นายทุนผู้นี้จึงแสดงตัวและติดต่อผ่านตัวแทนเข้ามาว่ าได้ขายกิจการให้บริษัทอื่นไปแล้ว โดยที่เจ้าของที่ดินไม่ได้รับทราบ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนยึดทรัพย์สิน และยังอ้างว่าตนถูกฟ้องล้มละลายจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้และโรงแรมนี้อีกต่อไป

ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ทางเจ้าของที่ดินได้นำหมายจับบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยึดคืนพื้นที่คืนและปิดล้อมรั้ว พร้อมติดป้ายที่ดินส่วนบุคคล และป้ายหนังสือคดีถึงที่สุดได้เพียง 6 วัน

ในวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมที่มาซื้อกิจการต่อจากนายทุนคนก่อน นำกลุ่มชายฉกรรจ์มารื้อถอนป้าย และนำหมายคุ้มครองฉุกเฉินมาแสดง แล้วฟ้องเจ้าของที่ดินกลับอีก 2 คดี คือ คดีฟ้องเรียกค่าเสียหาย 35 ล้านบาท และคดีอาญาฟ้องที่เจ้าของที่ดินเข้าไปบุกรุกปิดโรงแรมไป 6 วัน ทั้งที่การเข้าไปของเจ้าของที่ดินมีหมายจากศาล และขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปอย่างถูกต้องตามกระบวนการ

ตอนนี้ทางเจ้าของที่ดินทั้ง 4 ท่านเป็นทุกข์มาก ซึ่งต่างก็เป็นผู้สูงวัยกันทั้งนั้น (อายุ 66-82ปี) มีเพียงที่ดินมรดก ใช้หารายได้ในช่วงบั้นปลายกับชีวิต ไม่รู้ว่าจะได้ที่ดินคืนเมื่อไหร่ ไหนจะต้องเหนื่อยไปศาล สูญเสียเงินจ้างทนายมาต่อสู้คดีในแต่ละครั้งจำนวนมาก เพราะไม่รู้กฎหมายมากมายเหมือนทางฝั่งนายทุนที่มีที่ปรึกษากฎหมาย คอยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายหาช่องทางฟ้องร้องกลั่นแกล้ง กดดันเจ้าของที่ดินมาตลอดเวลานับ 10 ปี เพื่อยื้อเวลาทำประโยชน์ในที่ดิน รวมคดีที่นายทุนรายนี้ฟ้องทางเจ้าของที่ดินตั้งแต่ปี 2561-2567 มามีทั้งสิ้น 5 คดี

โดยคดีก่อนหน้านี้ ทางเจ้าของที่ดินยังเคยโดนกดดันให้ต้องยอมทำสัญญาใหม่ และบีบให้ขายที่ดินผืนนี้ให้กับนายทุนรายนี้ในราคา 8 ล้านบาท (มูลค่าที่ดินพื้นที่เกือบ 2 ไร่ นั้นสูงกว่า 100 ล้าน) เมื่อครั้งที่เจ้าของที่ดินฟ้องบอกเลิกสัญญาเช่าครั้งแรก สำหรับในคดีล่าสุด เจ้าของที่ดินถูกกดดันให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นชื่อของนายทุนรายนี้ (ที่อ้างว่ามาซื้อกิจการ) เพื่อแลกกับค่าเสียหายตอนที่เจ้าของไปยึดที่ดินคืน

เรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวอยู่ระหว่างตรวจสอบและจะติดตามนำเสนอความคืบหน้าต่อไป