แพทย์หญิงประกาศตามหาสามีเป็นหมอ ถูกอุ้มหายตัว
วันที่ 14 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแพทย์หญิงชนัณชิดา หรือหมอจุ๊ก อายุ 55 ปี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยา ว่าให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง หรือคนกลางติดตามตัวสามีคือ นายแพทย์สมชัย อายุ 64 ปี หรืออาจารย์หมอประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 ที่จดทะเบียนสมรสแต่งงานกันมากว่า 25 ปี และถูกทางครอบครัวฝ่ายสามีนำตัวไปโดยไม่บอกกล่าว ทำให้ตนเองได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถติดต่อสามีได้เลย โทรศัพท์มือถือก็เปลี่ยนเบอร์ ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับมานานเกือบจะ 2 ปี แล้ว
หมอจุ๊ก กล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีคือหมอสมชัย ถูกพี่ชายนำตัวไปตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยบอกว่าจะมารับตัวสามีไปทานข้าวแล้วก็หายไปเลย ไม่บอกตนว่าอยู่ไหน ตลอดเวลาเราอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันเลยแม้สักครั้งเดียว ตนออกตามหาตลอดเวลา ทราบว่าสามีไปอยู่กับพี่ชายคือ นายวิเชียร ที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาทุกวันนี้ตนก็ไม่ได้ทำงาน ต้องหยุดงานในระยะยาวเพราะไม่มีใจในการทำงาน เนื่องจากการเป็นหมอรังสีวินิจฉัย ต้องมีความละเอียดอ่อน รอบคอบ เกรงว่าหากทำงานไปจะผิดพลาดขึ้นมาได้
ตนอยากให้ครอบครัวพี่ชายหมอสมชัย คืนสามีมาให้ตนด้วย เพราะตนเป็นห่วงเขามาก พ่อแม่คุณหมอสมชัยเสียไปหมดแล้ว หากฝ่ายนู้นเขาระแวงคิดว่าหมอจะไปข้องแวะแตะต้องสมบัติของตระกูลเขานั้น ยืนยันเลยว่าไม่เคยคิดแบบนั้น ตัวหมอเองมีเงินมากพอที่จะกินใช้และดูแลหมอสมชัยที่เป็นสามีไปตลอดชีวิต แม้ตอนนี้จะหยุดทำงานทั้งสองคน เราก็ยังมีเงินที่จะพอกินพอใช้ไปตลอด จึงไม่เคยคิดสนใจในทรัพย์สมบัติของครอบครัวของสามีเลย
ตนบอกกับตัวเองเสมอว่า ทุกวันนี้ตายไม่ได้ เพราะหมอสมชัยไม่มีใครแล้ว เราสองคนเคยมีความรักให้กันทุก ๆ วัน หมอสมชัยเคยให้ดอกไม้ทุกปี ไม่เฉพาะวันวาเลนไทน์ บางโอกาสในบางวันคุณหมอก็เซอร์ไพรส์ให้ดอกไม้มาเสมอ ตลอดเวลาที่อยู่กินกันมา 25 ปี คุณหมอออกไปทำงานที่ รพ.ก็จะทักไลน์มาตลอด ส่งข้อความมาว่า คิดถึงนะ, ทานข้าวกัน, รักมากนะ แม้กระทั่งวันที่สามีหายไปก็ยังบอกรักตนเองอยู่เลย ตนทราบจากคนใกล้ชิดว่าสามีของตนทุกวันนี้มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อยากจะได้ตัวสามีกลับมา อยากจะรักษาเขาให้กลับมาเหมือนเดิม มีศักยภาพในการรักษาดูแลคนไข้ ไม่ใช่เป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ
ทุกวันนี้ตนไม่กล้ากลับเข้าไปในบ้านหรูที่อยู่ด้วยกันมา 2 คนนานนับหลาย 10 ปี เพราะไม่สามารถรับสภาพจิตใจที่กลับบ้านไปแล้วต้องอยู่คนเดียว คิดถึงภาพอดีตรักที่หวานชื่น ตนต้องไปอาศัยอยู่ที่วัดเพื่อนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ ฝึกใจให้เข้มแข็งและพูดกับตัวเองเสมอว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้เพื่อหาทางช่วยสามี หากตนไม่เข้าวัดนั่งสมาธิสงบจิตใจป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนและสามีทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หมอจุ๊ก กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน น.ส.ศุภพร สมานุหัตถ์ ทนายความรับมอบอำนาจจากหมอจุ๊ก เผยว่า เบื้องต้นได้ดำเนินการยื่นฟ้องพี่ชายของหมอสมชัย และ รพ. ในเรื่องของการปล่อยตัวชั่วคราว เป็นคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวที่กักขังเอาไว้ และอีกประเด็นเป็นเรื่องของการเรียกค่าไถ่ มีการพูดถึงทรัพย์มรดกไปทั้งที่คุณหมอจุ๊กได้พูดถึงไปแล้วว่า ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่มีการเรียกทรัพย์มรดกใด ๆ จากทางฝั่งหมอจุ๊กเลย
ส่วนเรื่องการหายตัวของคุณหมอสมชัย หมอจุ๊กก็แจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอน ถ้าเป็นในเรื่องของคุณวิเชียรตัวพี่ชายจะมี 2 ประเด็นในประเด็นแรก ขอปล่อยตัวในเรื่องนี้ หมอจุ๊กได้ยื่นฟ้องไปแล้วทางศาลอาญา มีคำสั่งรับคำร้องไปเรียบร้อยแล้ว และจะมีการนัดไต่สวนอีกที
อีกประเด็นเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ จะเป็นเรื่องของทางญาติ และตัวของพี่ชายโดยตรงที่เรียกตัวไป และมีการพูดว่าต้องการทรัพย์มรดก และพูดถึงทรัพย์ส่วนอื่น ๆ สินสมรสของคุณหมอรวมเข้าไปด้วย ซึ่งทางทนายมองว่าเรื่องนี้เกินกว่าที่ทางญาติจะเข้าไปยุ่งเรื่องทรัพย์มรดกของส่วนตัวคุณหมอ และทรัพย์สินสมรสของส่วนตัวคุณหมอไม่ควรเกี่ยวข้องหรือมายุ่งตรงนี้ ทางทนายเลยดำเนินเรื่องนี้ไปด้วย ส่วนทางญาติของหมอสมชัยไม่ได้มีการติดต่อมากับทางทนายว่า จะมีการเจรจาพูดคุยกันยังไง ตอนนี้ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ว่าคุณหมอสมชัยหายตัวไปเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ส่วนในเรื่องคดีอื่น ๆ ยังไม่มีการแจ้งความ โดยแจ้งความไว้ที่ สน.มักกะสัน เมื่อปี 2565 ตั้งแต่เกิดเรื่อง
ทีมข่าวได้รับภาพแชตก่อนวันที่หมอสมชัยจะถูกพาตัวไป โดยพบมีการคุยกับทางหมอจุ๊กหวานแหวว โดยในวันที่ 18 พ.ย. 2565 หมอสมชัยได้เขียนการ์ดอวยพรวันเกิดให้กับหมอจุ๊กด้วยความรัก และเป็นสิ่งซึ้งใจหมอจุ๊กจนถึงวันนี้ ระบุว่า "ไม่อยากเดินนำหน้า เพราะรู้ว่าเก่งไม่พอ ไม่อยากเดินตามหลัง เพราะรู้ว่างุ่มง่าม แต่อยากเดินเคียงข้างไปด้วยกัน อย่างคนรัก...ตลอดไป สุขสันต์วันเกิดนะจุ๊ก สุดที่รักของพี่จุ่ง"
นอกจากนี้ ทางสามียังส่งมาอีกว่า "ไม่ต้องการกลับไปอยู่แบบเดิมครับ พี่จุ่งรักจุ๊ก" "ขอบคุณจากใจทุกเรื่องทุกสิ่ง รักจุ๊กคนเดียว" "ขอบคุณจุ๊กที่ให้โอกาสปรับปรุงตัวใหม่ ช่วยชี้ข้อบกพร่องของพี่ และที่สำคัญที่สุด ยังคงรักและห่วงใยพี่ตลอดมา ขอบคุณที่รักครับ"
กระทั่งในวันที่ 25 พ.ย. 2565 ช่วงเช้าวันที่สามีถูกพาตัวไป ตอนเช้าก็ยังมีการคุยกันหวานเช่นเคย ก่อนที่หมอสมชัยจะถูกพาตัวไป โดยได้ส่งข้อความมาว่า "ราตรีสวัสดิ์สำหรับเมื่อคืนครับ" "อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก" "พักเบรกแล้วครับ รีบทานข้าวเพื่อต่อบ่ายโมง จุ๊กก็ต้องทานข้าวนะครับ" "เป็นห่วงนะ พี่ยังพยายามทานเลย" จากนั้นหมอสมชัยก็หายไปเลย
โดยหมอจุ๊ก เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองกับหมอสมชัยแต่งงานกันมา 25 ปี ซึ่งครอบครัวของตนและหมอสมชัยรับรู้ว่าเราแต่งงานกัน และจดทะเบียนสมรสกัน แต่ครอบครัวครัวฝ่ายนู้นไม่ได้มาร่วมงานแต่งใด ๆ ซึ่งหลังจากแต่งงานกันมาตนก็อยู่กันอย่างปกติสุข จนกระทั่งมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น โดยช่วงกลางปี 2565 สามีตนเริ่มมีอาการป่วยทางจิตหวาดระแวงกลัวไปหมด และนอนไม่ค่อยหลับ ตนจึงคอยไปรับส่งที่โรงพยาบาลที่ทำงานของสามี
พอมาวันที่ 25 พ.ย. 2565 ตนได้ไปส่งสามีที่ทำงาน ก็มีการคุยกันตามปกติ แชตคุยกัน นัดว่าตอนเย็นเดี๋ยวไปรับ พอมาตอนเย็นตนจึงมารับสามีประมาณ 17.00 น. ก็นั่งรอนึกว่าเขาประชุมอยู่ โดยตนรอกว่า 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่ออกมา ตนเลยโทร ถามพยาบาลว่ายังประชุมไม่เสร็จเหรอ แต่พยาบาลแจ้งว่าสามีตนไม่ได้มาประชุมตอนบ่าย ตนจึงตกใจว่าสามีตนหายไปไหน จึงขอดูกล้องวงจรปิดและไปแจ้งความ ก่อนจะพบว่าเขาออกไปกับพี่ชายของเขาโดยขึ้นรถไปด้วยกัน
จากนั้นตนจึงได้ติดต่อไปยังนายวิเชียร พี่ชายของสามีตนว่าพาไปไหน แต่เขาตอบว่าไม่รู้ และบอกว่าสามีตนลงรถกลางทาง ซึ่งตนก็ได้คุยกับตำรวจว่าต้องการเจอสามี แต่ทางตำรวจบอกว่าได้คุยกับสามีตนแล้ว เขาสบายดี ตนจึงต้องการคุยกับสามีแบบเห็นหน้า ทางตำรวจจึงติดต่อให้ ซึ่งก็ได้มีการคุยกันแบบวิดีโอคอล แต่ก็มีคนพยายามปิดกั้นจากทางฝั่งนั้นไม่ให้สามีตนได้ยินเสียงตน หลังจากนั้นตนพยายามติดตามให้เพื่อนไปดู ก็พบว่าตัวสามีตนได้ไปพักอาศัยกับนายวิเชียร พี่ชายเขา
ซึ่งก่อนหน้านี้ ตัวสามีตนได้มีการพูดคุยกับพี่น้องเขา ในเรื่องของมรดกพ่อแม่ที่เสียไป ซึ่งผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งตัวของนายวิเชียร เป็นผู้จัดการมรดก แต่ก็ไม่ได้มีการจัดสรรให้น้อง ๆ ตนก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้และไม่เคยถามเลย หลังจากนั้นตนก็พยายามติดต่อขอคุย และพยายามไปดักเจอสามีที่โรงพยาบาลตลอด แต่ก็มักจะถูกกีดกั้นจากคนของนายวิเชียรตลอด โดยตนได้พูดคุยกับทางสามีแค่ 2 ครั้ง และตกลงว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว แต่พอขับไปได้สักพักรถติดไฟแดง อยู่ ๆ สามีตนก็เกิดอาการแปลก ๆ และเปิดประตูลงจากรถ ตนกับเด็กที่บ้านจึงได้รีบลงไปพาเขาขึ้นรถ และพยายามคุยกันให้ใจเย็น ๆ และบอกว่าเดี๋ยวไปเที่ยวพักผ่อนกันแทน พอขับไปสักพักก็โดนตำรวจสกัดจับ ตนก็งงว่าทำไมเป็นแบบนั้น จากนั้นพอไปโรงพักก็มีจิตแพทย์มารับตัวแฟนไป
ครั้งสุดท้ายที่ตนได้คุยกับทางสามีล่าสุดคือ 8 มกราคม 2566 ซึ่งเขาก็บอกปัดแค่ว่าไม่คุย ไม่มีอะไรจะคุยทั้งนั้น จากนั้นก็มีไลน์ของสามีตน ไลน์มาหาตนว่าเดี๋ยวจะส่งทนายมาจัดการเรื่องทรัพย์สิน และจะขอหย่ากับตน ซึ่งตนไม่เชื่อว่าเป็นสามีตนพิมพ์ โดยนายวิเชียรเคยเอาโทรศัพท์ของสามีตนมาว่าตนด้วยซ้ำ พร้อมทั้งลงชื่อว่าเขาพิมพ์เองด้วย
ด้านนางสาวศุภพร ทนายประจำตัวหมอจุ๊ก เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองจะมาช่วยในเรื่องเอกสาร และกระบวนการในชั้นศาล จะเป็นในเรื่องของการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวในกรณีที่กักขังโดยมิชอบ กับอีกประเด็นในเรื่องของการเรียกค่าไถ่ ซึ่งเกี่ยวกับการที่มีเรื่องพูดถึงเรื่องทรัพย์สินส่วนตัว ทรัพย์สินสมรส
ทั้งนี้ มันจะมีเรื่องของการที่มีแชตมาหาคุณหมอจุ๊กว่าจะคุยเรื่องทรัพย์สิน ซึ่งทางคุณหมอจุ๊กไม่เข้าใจว่าจะคุยในส่วนของทรัพย์สินใด ซึ่งจากการที่ทนายดูแชตที่คุยกันนั้น ก็เข้าข่ายในเรื่องของการเรียกค่าไถ่ เพราะมันมีการกักขังโดยมิชอบ ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วมาพูดถึงทรัพย์สิน ก็ทำให้เข้าข่ายการเรียกค่าไถ่ ซึ่งคนที่แชตมาเราก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องเก็บไว้ เป็นหลักฐานในชั้นศาล
ทางฝั่งทีมทนายของหมอจุ๊กนั้น ก็มั่นใจในพยานหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งจะมีการนัดไต่สวนในวันที่ 12 มีนาคม นี้ แต่ไม่แน่ใจว่าทางฝั่งคู่กรณีจะมีการเลื่อนนัดออกไปหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของเขา สามารถที่จะทำได้ แต่หากมีการเลื่อนไปเรื่อย ๆ และศาลเห็นว่าเป็นการประวิงคดี ศาลก็สามารถที่จะใช้สิทธิ์เรียกตัวให้เข้ามาได้เลย หลังจากนี้ก็จะรอฟังคำสั่งศาลเท่านั้น
ครอบครัวหมอผู้ชาย โต้ลักพาตัว
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการโทรศัพท์ไปหานายวิเชียร พี่ชายของหมอสมชัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งทางด้านของทนายและหมอจุ๊ก ก็ได้มีการนั่งรับฟังร่วมด้วย โดยนายวิเชียร เผยกับทางทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า หมอสมชัยมาพักอาศัยอยู่กับตนจริง แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ไปทำงานยังไม่กลับ ส่วนเขาเลิกกันหรือไม่ ก็ให้ไปถามหมอจุ๊กดู
ที่ผ่านมาตัวหมอจุ๊กก็ไปดักรออยู่ที่ทำงานของน้องตนตลอด ตั้งแต่เที่ยง ยันห้าถึงหกโมงเย็น ตนก็ถามว่าตนไม่เปิดโอกาสตอนไหน เขาก็เข้าไปอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง 5-6 ชม. เขาได้คุยกันไหมล่ะ ตนเองก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร แต่ตัวหมอสมชัยไม่ได้อยากคุยกับภรรยาแล้ว ไม่อยากคุยเรื่องจิปาถะไร้สาระทุกวัน
แล้วมีอยู่วันหนึ่งผู้หญิงคนนี้ก็ได้มีการพาทนายไปหาสมชัยที่ทำงาน ตัวสมชัยก็ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับทั้งคู่เองว่าไม่ต้องการเจอ ให้ไปเจอกันในศาลทีเดียว ซึ่งน้องชายตนนั้นก็มีความประสงค์ที่จะหย่ากับหมอจุ๊ก ก็หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของสามีภรรยาที่จะต้องไปคุยกันที่ศาลเอง
ส่วนเรื่องทรัพย์สินตนเองไม่เคยไปพูด หรือยุ่งเกี่ยวอะไรของเขาเลย มันเป็นเรื่องของเขาสองคน ส่วนตนเองนั้น เพียงแค่ให้ที่อยู่พักอาศัยกับน้องชายของตนเท่านั้น ตอนที่เขาไม่มีที่อยู่ ยืนยันว่าตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องของเขาทั้งคู่เลย